JJNY : กรุงไทยพบ“คนละครึ่ง”ผิดปกติ/ลูกหนี้”ซัมมิทฯ”ผิดนัดพุ่ง2เท่า/ก้าวไกลปัดให้คห.ตั้งกก.สมานฉันท์/เทพไทชมเปาะน้องมายด์

กรุงไทย พบใช้จ่าย “คนละครึ่ง” ผิดปกติ เร่งตรวจสอบก่อนส่ง “คลัง” ลงดาบ
https://www.prachachat.net/finance/news-545595

ธนาคารกรุงไทย พบใช้จ่าย “คนละครึ่ง” ผิดปกติ เร่งตรวจสอบก่อนส่งกระทรวงการคลังลงดาบ
 
วันที่ 28 ตุลาคม 2563 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารตรวจสอบพบพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินผ่านโครงการคนละครึ่งผิดปกติ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่สามารถระบุจำนวนรายได้ ซึ่งกรุงไทยจะต้องลงไปดูรายละเอียดทุกกรณี และการตรวจสอบจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าธนาคารจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยธนาคารจะส่งข้อมูลมาให้กระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้ง เพื่อลงโทษตามกฎหมายต่อไป
 
อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า กรุงไทย ได้นำระบบการป้องกันการทุจริตในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากลมาสนับสนุนโครงการเพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งหากพบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ จะมีการระงับการใช้แอปพลิเคชันตลอดจนการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที

“หากตรวจสอบพบว่าการใช้จ่ายผิดเงื่อนไขโครงการจริงจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอให้ประชาชนและร้านค้าโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ในการช่วยดำเนินการโดยไม่มีการใช้จ่ายซื้อสินค้าจริงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมาย”
 

ลูกหนี้”ซัมมิทฯ”ผิดนัดพุ่ง 2 เท่า งัดไอทีช่วยตาม-กดเอ็นพีแอล
https://www.prachachat.net/finance/news-546032
  
“ซัมมิท แคปปิตอลฯ” เจอลูกค้าผิดนัดชำระหนี้พุ่ง 2 เท่า จากผลกระทบ “โควิด-19” เผยแก้เกมดึงระบบไอทีช่วยตามหนี้ได้ผลกดเอ็นพีแอลลดลง กางแผนธุรกิจปี”64 ดันมาร์เก็ตแชร์แตะ 10% ปูโรดแมปสู่ “ผู้นำเช่าซื้อรถจักรยานยนต์” ในเมืองไทย
  
นายฮิเดโตโมะ ฟูจิวาระ ประธาน บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเห็นสัญญาณผิดนัดชำระหนี้ (over due) เพิ่มขึ้น 2 เท่า หรือประมาณ 15% จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ มีลูกค้าของบริษัทเข้าโครงการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน เป็นลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 15% ของจำนวนสัญญาทั้งหมดในพอร์ตราว 2.75 แสนสัญญา และลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล (personal loan) 25% ของสัญญาในพอร์ตที่มีอยู่กว่า 6,000 สัญญา
  
“หลังจากการเลื่อนพักการชำระหนี้ 3 เดือนพบว่า ลูกค้าเช่าซื้อทยอยกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติแล้ว ส่วนลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลยังมีสัญญาณการผ่อนชำระไม่ไหว ซึ่งบริษัทได้ติดตามและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด”
  
ทั้งนี้ ในส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) บริษัทมีวิธีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยีระบบติดตามทวงถามหนี้เข้ามาใช้ ทำให้การติดตามหนี้ทำได้เร็ว คล่องตัว และใช้ทรัพยากรน้อยลง ส่งผลให้เอ็นพีแอลลดลงเหลือต่ำกว่า 1% จากช่วงก่อนที่โควิด-19 ระบาด บริษัทมีหนี้เอ็นพีแอลอยู่ในระดับ 2%
  
ขณะที่ผลประกอบการ 10 เดือนแรกของบริษัท ภาพรวมยังดีกว่าตลาด แม้ว่าจะเจอผลกระทบจากโควิด-19 โดยยอดขายรถจักรยานยนต์ทั้งตลาดลดลง 10% แต่บริษัทเติบโตลดลงแค่ 2% เท่านั้น ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) จนถึงเดือน ก.ย. 2563 อยู่ที่ 8.9% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากในปี 2562 ที่มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 7.3% โดยคาดว่าถึงสิ้นปีนี้มาร์เก็ตแชร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 9%
  
ส่วนการดำเนินธุรกิจในปี 2564นายฟูจิวาระกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 10% โดยยังคงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจ แม้ว่าจะมีความท้าทาย ซึ่งคาดว่าตลาดรถจักรยานยนต์น่าจะยังมีอัตราเติบโตที่ดี โดยยอดขายรถจักรยานยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ 1.72 ล้านคัน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจำนวนสัญญาเพิ่มขึ้น 5% จากปีนี้อยู่ที่ 2.75 แสนสัญญา
  
โดยในปี 2564 บริษัทจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ (ดีลเลอร์) มากขึ้นอีก 10% จากปัจจุบันมีดีลเลอร์กว่า 400 รายทั่วประเทศ พร้อมกับขยายสาขาเพิ่มอีก 3-6 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 37 แห่ง ซึ่งจะเน้นสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
  
“เรามีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ แม้ว่าในช่วงที่เกิดโควิด-19 จะมีหลายบริษัท หลายไฟแนนซ์ถอนตัวออกจากตลาดไปจำนวนหนึ่ง แต่นโยบายของบริษัทซัมมิทฯจะไม่มีวันถอย โดยเรายังเชื่อว่าตลาดในประเทศไทยเติบโตได้ค่อนข้างดี แม้ว่าโควิด-19 จะทำให้ยอดผิดนัดชำระเพิ่มขึ้น แต่เราสามารถควบคุมได้” นายฟูจิวาระกล่าว
 

 
ก้าวไกลปัดให้ความเห็นตั้งกก.สมานฉันท์
https://www.innnews.co.th/politics/news_807349/
 
"วิโรจน์" ปัดให้ความเห็นตั้งกก.สมานฉันท์ ร่วมหาทางออกประเทศ บอกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รอดูความชัดเจนก่อน
 
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. เกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่า ในเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีการจัดตั้งหรือไม่อย่างไร และทางพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังไม่ได้ส่งเทียบเชิญมายังพรรคอย่างเป็นทางการ และทางพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่าจะเป็นแบบไหน หรือมีเงื่อนไขในการเข้าร่วมหรือไม่ โดยจะต้องรอให้ทุกอย่างมีความชัดเจนเสียก่อน
 
ทั้งนี้ เมื่อถามว่าหากมีมติตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์อย่างชัดเจนแล้ว มองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ได้หรือไม่นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะเป็นประเด็นละเอียดอ่อน การให้ความเห็นจะต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง จึงยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่