💖ยางพาราดีดขึ้น 80 บาทสูงสุดในรอบปี ชี้แนวโน้มเริ่มสดใสจากนโยบายส่งเสริมของรัฐบาล
ยางพาราดีดขึ้น 80 บาท สูงสุดในรอบปี ขณะที่ตลาดกลางยางพารายะลาชี้แนวโน้มเริ่มดีขึ้นจากความต้องการตลาดบวกกับนโยบายส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากยางของรัฐบาล อีกทั้งฝนตกทำให้ปริมาณยางมีน้อย
28 ต.ค.63 - นางบุษราภรณ์ มหาโชติ หัวหน้าแผนกบริการตลาดเครือข่าย รักษาการแทนหัวหน้ากองปฏิบัติการตลาด ตลาดกลางยางพารา เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคายางพาราที่ตลาดกลางยางพาราจังหวัดยะลาขยับขึ้นเรื่อยๆ โดยชนิดน้ำยางสดอยู่ที่ 70.50 บาท ยางแผ่นรมควันเราใช้วิธีการตกลงราคาซึ่งขายได้กิโลกรัมละ 78 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดที่ขยับขึ้นมาตลอดในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงผลกระทบโควิด-19 ทำให้เป็นที่ต้องการต้องการน้ำยางสูง ในขณะที่การยางแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยราคาประมูลและปริมาณยางแผ่นรมควัน ณ สำนักงานตลาดกลางยางพารา จ.สงขลาล่าสุดวันนี้อยู่ที่ 82.80 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับแนวโน้มเรื่องราคายางช่วงนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะโครงการของรัฐบาลที่สนับสนุนอยู่ตอนนี้มีหลายโครงการด้วยกัน ทั้งในการการผลิตทำเสาหลักตามทางถนน ซึ่งจะต้องใช้น้ำยางจำนวนปริมาณมาก โรงงานทำหมอน โรงงานทำล้อยาง ยางรถยนต์ ก็มีความต้องการมากเช่นเดียวกัน อีกทั้งราคาก็ขึ้นกับสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นของตลาดจีนและตลาดญี่ปุ่นในช่วงสองวันนี้ มีราคาที่ขยับขึ้น 3-5 % ซึ่งตลาดต่างประเทศมีความต้องการใช้มาก ประกอบกับช่วงนี้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ยางกรีดได้น้อยเพราะฝนตกและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ซึ่งตลาดต้องการจำนวนมาก ทำให้ผู้ผลิตต้องแย่งกันซื้อ
อีกหนึ่งปัญหาสำหรับเกษตรกรนั่นคือ โรคในยางพารา คือโรคใบร่วงที่เจอค่อนข้างจะทำให้เกิดผลเสียหายจำนวนมากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ปริมาณยางออกไปสู่ตลาดลดน้อยลง สำหรับในวันที่ฝนไม่ตก ตลาดกลางยางพาราขายน้ำยางสดค่อนข้างจะสูงมากปริมาณเกือบ 100,000 กิโลต่อวัน ถือว่าเป็นโอกาสดีที่เกษตรกรมารวมกันซื้อขาย ทำให้มีปริมาณเยอะและความต้องการที่จะซื้อมากยิ่งขึ้น ซึ่งการรวมกลุ่มของเกษตรกรถือว่าเป็นผลอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ราคาสูงขึ้นด้วยอีกทางหนึ่งด้วย
https://www.thaipost.net/main/detail/82062
💖ถุงมือยางส่งออก ก.ย.พุ่ง154% ดันราคายางพาราในประเทศโตต่อ
พาณิชย์"เผยส่งออกถุงมือยางก.ย.พุ่ง154% ชี้มีคำสั่งซื้อยาวถึงปี2564 เหตุตลาดโลกยังผวา โควิด-19 ทำดีมานด์โต ขณะราคายางแผ่นในประเทศพ.ย.จ่อแตะกืโลกรัมละ 70 บาท
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การส่งออกถุงมือยางเดือนก.ย. ขยายตัวสูงถึง 154.9% ขณะที่การส่งออก 9เดือนปี2563 (ม.ค.-ก.ย.) ขยายตัว 61.4% เป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่ดีขี้น ขณะเดียวกันหลายตลาดยังไม่มั่นใจซื้อถุงมือยางจากจีน ทำให้ไทยคงมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องถึงปี 2564
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ การยางแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนในการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ส่งผลให้จับคู่ธุรกิจได้ถึง69 คู่ อีกทั้ง เศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัว
ขณะที่การส่งออกสินค้ายางพารา ก.ย. มีปริมาณ 200,173 ตัน ติดลบ 8.2% เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YOY)มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 12.2% และส่งออก 9 เดือน ปริมาณ 1,895,328 ตัน มูลค่า 2,368 ล้านดอลลาร์
จากการส่งออกถุงมือยางมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ราคาในประเทศปรับตัวขึ้น โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) รายงานราคายางพารา ณ 22 ต.ค. 2563 ว่า ยางแผ่นรมควันชั้น 3 กิโลกรัม (กก.)ละ 64.97 บาท น้ำยางสด กก.ละ 61.00 บาท
ส่วนราคาเฉลีย ต.ค. ยางแผ่านรบควันชั้น 3 กรุงเทพ กก.ละ 70.50 บาท สงขลา กก.ละ 70.23 บาท ขณะที่คาดการณ์ราคาเฉลี่ยพ.ย. กรุงเทพ กก.ละ 70.70 บาท สงขลา กก.ละ 70.45 บาท
ส่วนราคาน้ำยางข้น 60% ต.ค. ที่กรุงเทพ กก.ละ 47.10 บาท สงขลา กก.ละ 46.85 บาท และคาดการณ์ราคาเฉลี่ย ก.ย. กรุงเทพ กก.ละ 47.30 บาท สงขลา กก.ละ 47.05 บาท
สำหรับสาเหตุที่ราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้นนั้น โดยก่อนหน้านี้ กยท.เผยว่าเดือน ต.ค. - พ.ย. ของทุกปี เป็นช่วงที่ราคายางพาราจะออกสู่ตลาดมากที่สุดประมาณ 10 % ของปริมาณน้ำยางที่ผลิตได้ แต่ในปีนี้เนื่องจากมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ขาดแคลนแรงงานงานกรีด ในขณะที่ภาคใต้มีฝนตกชุกกว่าทุกปี ส่งผลให้ปริมาณน้ำยางออกสู่ตลาดน้อย ในขณะที่ความต้องการใช้เริ่มมีมากขึ้น ทั้งการผลิตถุงมือยาง และอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เริ่มฟื้นตัวแล้ว
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/904222
ระหว่างวุ่นวายกับฝ่านค้านและคณะราดหน้า
รัฐบาลมุ่งงานไปด้วยอย่างไม่ลดละ
และแล้วยางพาราก็หวนมามีราคาที่สูงขึ้น
ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็ตามมาให้ชื่นใจ
ยินดีจนอยากร้อง ไชโย!!! สัก ล้านครั้ง
ไม่ได้เป็นชาวสวนยาง หรือรับจ้างกรีดยางแต่ก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วยค่ะ
กรีดยางดีกว่า....กรีดแขนตัวเอง เพราะไม่ได้เงิน ไม่ได้อะไรเลยนอกจากเสียหน้าและเสียงตำหนิติเตียนจากประชาชนคนที่เขามีความคิดมีวุฒิภาวะมากกว่า
อย่าหาทำอีกนะคะ.....
💖กรีดยางดีกว่ากรีดแขนตัวเอง....ดี้ดีค่ะ ยางพาราดีดขึ้น 80 บาทเพราะโครงการสนับสนุนจากรัฐบาล/ถุงมือยางส่งออก ก.ย.พุ่ง154%
ยางพาราดีดขึ้น 80 บาท สูงสุดในรอบปี ขณะที่ตลาดกลางยางพารายะลาชี้แนวโน้มเริ่มดีขึ้นจากความต้องการตลาดบวกกับนโยบายส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากยางของรัฐบาล อีกทั้งฝนตกทำให้ปริมาณยางมีน้อย
28 ต.ค.63 - นางบุษราภรณ์ มหาโชติ หัวหน้าแผนกบริการตลาดเครือข่าย รักษาการแทนหัวหน้ากองปฏิบัติการตลาด ตลาดกลางยางพารา เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคายางพาราที่ตลาดกลางยางพาราจังหวัดยะลาขยับขึ้นเรื่อยๆ โดยชนิดน้ำยางสดอยู่ที่ 70.50 บาท ยางแผ่นรมควันเราใช้วิธีการตกลงราคาซึ่งขายได้กิโลกรัมละ 78 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดที่ขยับขึ้นมาตลอดในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงผลกระทบโควิด-19 ทำให้เป็นที่ต้องการต้องการน้ำยางสูง ในขณะที่การยางแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยราคาประมูลและปริมาณยางแผ่นรมควัน ณ สำนักงานตลาดกลางยางพารา จ.สงขลาล่าสุดวันนี้อยู่ที่ 82.80 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับแนวโน้มเรื่องราคายางช่วงนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะโครงการของรัฐบาลที่สนับสนุนอยู่ตอนนี้มีหลายโครงการด้วยกัน ทั้งในการการผลิตทำเสาหลักตามทางถนน ซึ่งจะต้องใช้น้ำยางจำนวนปริมาณมาก โรงงานทำหมอน โรงงานทำล้อยาง ยางรถยนต์ ก็มีความต้องการมากเช่นเดียวกัน อีกทั้งราคาก็ขึ้นกับสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นของตลาดจีนและตลาดญี่ปุ่นในช่วงสองวันนี้ มีราคาที่ขยับขึ้น 3-5 % ซึ่งตลาดต่างประเทศมีความต้องการใช้มาก ประกอบกับช่วงนี้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ยางกรีดได้น้อยเพราะฝนตกและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ซึ่งตลาดต้องการจำนวนมาก ทำให้ผู้ผลิตต้องแย่งกันซื้อ
อีกหนึ่งปัญหาสำหรับเกษตรกรนั่นคือ โรคในยางพารา คือโรคใบร่วงที่เจอค่อนข้างจะทำให้เกิดผลเสียหายจำนวนมากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ปริมาณยางออกไปสู่ตลาดลดน้อยลง สำหรับในวันที่ฝนไม่ตก ตลาดกลางยางพาราขายน้ำยางสดค่อนข้างจะสูงมากปริมาณเกือบ 100,000 กิโลต่อวัน ถือว่าเป็นโอกาสดีที่เกษตรกรมารวมกันซื้อขาย ทำให้มีปริมาณเยอะและความต้องการที่จะซื้อมากยิ่งขึ้น ซึ่งการรวมกลุ่มของเกษตรกรถือว่าเป็นผลอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ราคาสูงขึ้นด้วยอีกทางหนึ่งด้วย
https://www.thaipost.net/main/detail/82062
💖ถุงมือยางส่งออก ก.ย.พุ่ง154% ดันราคายางพาราในประเทศโตต่อ
พาณิชย์"เผยส่งออกถุงมือยางก.ย.พุ่ง154% ชี้มีคำสั่งซื้อยาวถึงปี2564 เหตุตลาดโลกยังผวา โควิด-19 ทำดีมานด์โต ขณะราคายางแผ่นในประเทศพ.ย.จ่อแตะกืโลกรัมละ 70 บาท
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การส่งออกถุงมือยางเดือนก.ย. ขยายตัวสูงถึง 154.9% ขณะที่การส่งออก 9เดือนปี2563 (ม.ค.-ก.ย.) ขยายตัว 61.4% เป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่ดีขี้น ขณะเดียวกันหลายตลาดยังไม่มั่นใจซื้อถุงมือยางจากจีน ทำให้ไทยคงมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องถึงปี 2564
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ การยางแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนในการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ส่งผลให้จับคู่ธุรกิจได้ถึง69 คู่ อีกทั้ง เศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัว
ขณะที่การส่งออกสินค้ายางพารา ก.ย. มีปริมาณ 200,173 ตัน ติดลบ 8.2% เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YOY)มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 12.2% และส่งออก 9 เดือน ปริมาณ 1,895,328 ตัน มูลค่า 2,368 ล้านดอลลาร์
จากการส่งออกถุงมือยางมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ราคาในประเทศปรับตัวขึ้น โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) รายงานราคายางพารา ณ 22 ต.ค. 2563 ว่า ยางแผ่นรมควันชั้น 3 กิโลกรัม (กก.)ละ 64.97 บาท น้ำยางสด กก.ละ 61.00 บาท
ส่วนราคาเฉลีย ต.ค. ยางแผ่านรบควันชั้น 3 กรุงเทพ กก.ละ 70.50 บาท สงขลา กก.ละ 70.23 บาท ขณะที่คาดการณ์ราคาเฉลี่ยพ.ย. กรุงเทพ กก.ละ 70.70 บาท สงขลา กก.ละ 70.45 บาท
ส่วนราคาน้ำยางข้น 60% ต.ค. ที่กรุงเทพ กก.ละ 47.10 บาท สงขลา กก.ละ 46.85 บาท และคาดการณ์ราคาเฉลี่ย ก.ย. กรุงเทพ กก.ละ 47.30 บาท สงขลา กก.ละ 47.05 บาท
สำหรับสาเหตุที่ราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้นนั้น โดยก่อนหน้านี้ กยท.เผยว่าเดือน ต.ค. - พ.ย. ของทุกปี เป็นช่วงที่ราคายางพาราจะออกสู่ตลาดมากที่สุดประมาณ 10 % ของปริมาณน้ำยางที่ผลิตได้ แต่ในปีนี้เนื่องจากมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ขาดแคลนแรงงานงานกรีด ในขณะที่ภาคใต้มีฝนตกชุกกว่าทุกปี ส่งผลให้ปริมาณน้ำยางออกสู่ตลาดน้อย ในขณะที่ความต้องการใช้เริ่มมีมากขึ้น ทั้งการผลิตถุงมือยาง และอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เริ่มฟื้นตัวแล้ว
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/904222
ระหว่างวุ่นวายกับฝ่านค้านและคณะราดหน้า
รัฐบาลมุ่งงานไปด้วยอย่างไม่ลดละ
และแล้วยางพาราก็หวนมามีราคาที่สูงขึ้น
ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็ตามมาให้ชื่นใจ
ยินดีจนอยากร้อง ไชโย!!! สัก ล้านครั้ง
ไม่ได้เป็นชาวสวนยาง หรือรับจ้างกรีดยางแต่ก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วยค่ะ
กรีดยางดีกว่า....กรีดแขนตัวเอง เพราะไม่ได้เงิน ไม่ได้อะไรเลยนอกจากเสียหน้าและเสียงตำหนิติเตียนจากประชาชนคนที่เขามีความคิดมีวุฒิภาวะมากกว่า
อย่าหาทำอีกนะคะ.....