"ขอขอบคุณเพจ ป ปืนอย่างสูงครับ"
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
ในช่วงปี 1878 John M. Browning, เริ่มหาประโยชน์จากการใช้แรงดันแก๊สที่มีอยู่ในระบบปืน ซึ่งแบบทดลองที่เขาคิดขึ้นมาโดยการนำแผ่นที่มีรูอยู่ตรงการไปติดตั้งอยู่หน้าปากลำกล้องโดยเมื่อปืนลั่นกระสุนออกไป จะมีแรงดันแก๊สวิ่งตามหลังมาและเป่าให้แผ่นดักแก๊สไปด้านหน้า เรียกว่า “muzzle blast.”
โดยที่แผ่นดักแก๊สนี้จะมีข้อต่อลิงค์ไปยังอุปกรณ์บริหารกลไกลูกเลื่อน ในขั้นต้นปี1887 Browning ได้นำมาดัดแปลงใส่กับปืนแบบคานเหวี่ยงแบบ Winchester 1886. โดยต่อลิงค์เข้ากับก้านคานเหวี่ยง เมื่อลั่นไกออกไปแก๊สจะพลักแผ่นดักแก๊สและมาง้างคานเหวี่งออก และมีแหนบสปริงดันกลไกกลับจนครบวงจรการทำงาน ระบบนี้เรียกว่า "Flapper" concept ปืนใช้กระสุนดินดำขนาด .44 นิ้วปืนบรรจุ 12 นัด
โดยมีการพัฒนาต้นแบบเพื่อนำมาใช้ในระบบปืนกลมากขึ้น ซึ่งต้นแบบมีกลไกในการบรรจุกระสุนจากสายกระสุน โดยมี Matthew S. Browning น้องชายของ Browning เป็นคนร่วมพัฒนาระบบ
ในช่วงปี 1891 Browning ได้นำระบบมาพัฒนาเพื่อที่จะใช้กับปืนกล โดยเปลี่ยนจากแผ่นดักแก๊สมาเป็นลูกสูบ ซึ่งอาศัยหลักการทำงานของต้นแบบระบบ flapper โดยแนวของชุดสูบอยู่ใต้ลำกล้องจะอยู่เป็นมุมฉากกับแนวลำกล้องเมื่อลั่นไปแรงดันแก๊สจะดันลูกสูบลงมาด้านล่าง ซึ่งจะต่อกับแขนเหวี่ยงระบบนี้จึงเรียกว่า “Swinging gas piston.” ซึ่งเป็นประเภท lever actuated(คานเหวี่ยง) และจะมีก้านบังคับโครงลูกเลื่อนต่ออกมาเพื่อบริหารกลไกลูกเลื่อน
ระบบลูกเลื่อนจะเป็นระบบตกกลอนกับโครงปืน โดยมีร่องลูกเบี้ยว(Cam) บังคับการเข้า/ปลด กลอน
ปืนเป็นระบบพร้อมยิงขณะลูกเลื่อนปิดหรือ Firing was from closed bolt, และใช้ระบบนกปืนแบบค้อนกระแทก(internal striker (hammer)) ด้ามปืนเป็นแบบ Pistol Grip
ปืนป้อนกระสุนด้วยระบบสายกระสุนผ้า(cloth belts) 240 นัด อัตราการยิงของปืนอยู่ที่ 600 นัดต่อนาที ซึ่งกลไกการป้อนจะอาศัยชุดโม่หมุนป้อนกระสุนเข้าสู่ปืน
Browning ได้เสนอโครงการนี้ให้กับ Colt ตั้งแต่ปี 1892 โดยที่ บ. Colt ได้ร่วมพัฒนาระบบ ในระบบพร้อมยิงขณะลูกเลื่อนปืน ในการยิงทดสอบ 1,000 นัดพบว่าลำกล้องมาความร้อนสูงและมีการลั่นเพราะความร้อนสะสม(cook off shots) จึงทำให้ต่อมามีการเพิ่มครีบระบายความร้อนที่ลำกล้องในรุ่นต่อมา ซึ่งปืนได้ทดสอบและสำเร็จสุ่สายการผลิตในปี 1895 และมีชื่อเรียกว่า “M1895 Colt–Browning machine gun.”
เดิมแล้วปืนใช้กระสุนแบบ 6mm Lee Navy และเมื่อกองทัพอเมริกามีการนำปืนเล็กยาวแบบ Krag–Jørgensen rifle มาใช้งานจึงมีการนำกระสุนขนาด .30-40 Krag, มาใช้ และต่อมาคือ 7×57mm Mauser caliber หลังมีการยึดปืนเล็กยาวแบบ Spanish Model 1893 Mauser ได้จากสนามรบในสงครามอเมริกัน-สเปน
ในปี 1914 จึงมีการใช้กระสุนขนาด .30-06 Springfield ในรุ่นปี 1914 มีการใช้ขาหยั่งแบบเตี้ย ในบางครั้งเตี้ยจนระบบลูกสูบนั้นก็เหวี่ยงมีโดนพื้นใต้ลำกล้อง มันจึงได้ฉายาว่า "Potato digger" หรือ ที่ขุดมันฝรั่ง
มีการผลิตเพื่อส่งออกโดยในปี 1914 รัสเซีย ได้ซื้อไปใช้งานในขนาด 7.62×54mmR จำนวน 14,850กระบอก อังกฤษได้นำไปใช้งานในขนาด .303 British ซึ่งมีชื่อเรียกว่า M1895/14 ในแอฟริกาใต้ ใช้กระสุนขนาด 7×57mm Mauser
ต่อมา ทีมงาน Colt ได้ทำการลดอัตราการยิงลงเหลือ 400 นัดต่อนาที่เพื่อลดความร้อน
ถึงแม้การออกแบบจะมีข้อเสียเรื่องน้ำหนักของลำกล้องอยู่บางแต่เทียบกับปืนกลที่ระบายความร้อนด้วยน้ำแล้วนั้น M1895 จึงต้องใช้ลำกล้องหนา แต่ยังมีความคล่องตัวมากกว่าเพราะไม่ต้องหิ้วถังน้ำไปด้วย ถึงแม้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศจะทำให้มีการติดขัดบ้าง แต่พลปืนที่มีประสบการณ้ จะรู้จังหวะในการยิงและสามารถแก้ไขปัญหาได้ไม่ยาก
มีการผลิตในขนาดกระสุนต่างๆ ตามผู้ใช้คือ
6mm Lee Navy
7×57mm Mauser
.30-40 Krag
.30-06 Springfield
.303 British
7.62×54mmR
6.5×52mm Mannlicher–Carcano
ซึ่งมีการใช้งานอย่างเป็นทางการถึง 17 ชาติและมีใช้งานมาถึงยุค 70 เลยทีเดียว
บ. Marlin Arms Corp มีการนำพื้นฐานระบบของ M1895 ไปทำการออกแบบและผลิต โดยในรุ่น M 1895/1917 สามารถถอดเปลี่ยนลำกล้องได้ และ Marlin M1917,M1918: ซึ่งเป็นปืนกลที่ใช้งานทั้งบนยานเกราะ/รถถัง หรือ อากาศยาน โดยเปลี่ยนมาใช้ลูกสูบแบบขนาดไปกับลำกล้อง( linear gas piston) และมีหม้อน้ำอลูมีเนียม
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดมา ณ. ที่นี้ครับ
Cr.
https://www.firearmlicense.net/colt-potato-digger-edition...
https://modernfirearms.net/.../colt-browning-m1895-eng/
https://www.militaryfactory.com/smallarms/detail.asp...
https://guns.fandom.com/wiki/M1895_Colt_Browning_machine_gun
#M1895_Colt_Browning_machine_gun #ป_ปืน
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 416 M1895 Colt Browning machine gun"Potato digger"
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
ในช่วงปี 1878 John M. Browning, เริ่มหาประโยชน์จากการใช้แรงดันแก๊สที่มีอยู่ในระบบปืน ซึ่งแบบทดลองที่เขาคิดขึ้นมาโดยการนำแผ่นที่มีรูอยู่ตรงการไปติดตั้งอยู่หน้าปากลำกล้องโดยเมื่อปืนลั่นกระสุนออกไป จะมีแรงดันแก๊สวิ่งตามหลังมาและเป่าให้แผ่นดักแก๊สไปด้านหน้า เรียกว่า “muzzle blast.”
โดยที่แผ่นดักแก๊สนี้จะมีข้อต่อลิงค์ไปยังอุปกรณ์บริหารกลไกลูกเลื่อน ในขั้นต้นปี1887 Browning ได้นำมาดัดแปลงใส่กับปืนแบบคานเหวี่ยงแบบ Winchester 1886. โดยต่อลิงค์เข้ากับก้านคานเหวี่ยง เมื่อลั่นไกออกไปแก๊สจะพลักแผ่นดักแก๊สและมาง้างคานเหวี่งออก และมีแหนบสปริงดันกลไกกลับจนครบวงจรการทำงาน ระบบนี้เรียกว่า "Flapper" concept ปืนใช้กระสุนดินดำขนาด .44 นิ้วปืนบรรจุ 12 นัด
โดยมีการพัฒนาต้นแบบเพื่อนำมาใช้ในระบบปืนกลมากขึ้น ซึ่งต้นแบบมีกลไกในการบรรจุกระสุนจากสายกระสุน โดยมี Matthew S. Browning น้องชายของ Browning เป็นคนร่วมพัฒนาระบบ
ในช่วงปี 1891 Browning ได้นำระบบมาพัฒนาเพื่อที่จะใช้กับปืนกล โดยเปลี่ยนจากแผ่นดักแก๊สมาเป็นลูกสูบ ซึ่งอาศัยหลักการทำงานของต้นแบบระบบ flapper โดยแนวของชุดสูบอยู่ใต้ลำกล้องจะอยู่เป็นมุมฉากกับแนวลำกล้องเมื่อลั่นไปแรงดันแก๊สจะดันลูกสูบลงมาด้านล่าง ซึ่งจะต่อกับแขนเหวี่ยงระบบนี้จึงเรียกว่า “Swinging gas piston.” ซึ่งเป็นประเภท lever actuated(คานเหวี่ยง) และจะมีก้านบังคับโครงลูกเลื่อนต่ออกมาเพื่อบริหารกลไกลูกเลื่อน
ระบบลูกเลื่อนจะเป็นระบบตกกลอนกับโครงปืน โดยมีร่องลูกเบี้ยว(Cam) บังคับการเข้า/ปลด กลอน
ปืนเป็นระบบพร้อมยิงขณะลูกเลื่อนปิดหรือ Firing was from closed bolt, และใช้ระบบนกปืนแบบค้อนกระแทก(internal striker (hammer)) ด้ามปืนเป็นแบบ Pistol Grip
ปืนป้อนกระสุนด้วยระบบสายกระสุนผ้า(cloth belts) 240 นัด อัตราการยิงของปืนอยู่ที่ 600 นัดต่อนาที ซึ่งกลไกการป้อนจะอาศัยชุดโม่หมุนป้อนกระสุนเข้าสู่ปืน
Browning ได้เสนอโครงการนี้ให้กับ Colt ตั้งแต่ปี 1892 โดยที่ บ. Colt ได้ร่วมพัฒนาระบบ ในระบบพร้อมยิงขณะลูกเลื่อนปืน ในการยิงทดสอบ 1,000 นัดพบว่าลำกล้องมาความร้อนสูงและมีการลั่นเพราะความร้อนสะสม(cook off shots) จึงทำให้ต่อมามีการเพิ่มครีบระบายความร้อนที่ลำกล้องในรุ่นต่อมา ซึ่งปืนได้ทดสอบและสำเร็จสุ่สายการผลิตในปี 1895 และมีชื่อเรียกว่า “M1895 Colt–Browning machine gun.”
เดิมแล้วปืนใช้กระสุนแบบ 6mm Lee Navy และเมื่อกองทัพอเมริกามีการนำปืนเล็กยาวแบบ Krag–Jørgensen rifle มาใช้งานจึงมีการนำกระสุนขนาด .30-40 Krag, มาใช้ และต่อมาคือ 7×57mm Mauser caliber หลังมีการยึดปืนเล็กยาวแบบ Spanish Model 1893 Mauser ได้จากสนามรบในสงครามอเมริกัน-สเปน
ในปี 1914 จึงมีการใช้กระสุนขนาด .30-06 Springfield ในรุ่นปี 1914 มีการใช้ขาหยั่งแบบเตี้ย ในบางครั้งเตี้ยจนระบบลูกสูบนั้นก็เหวี่ยงมีโดนพื้นใต้ลำกล้อง มันจึงได้ฉายาว่า "Potato digger" หรือ ที่ขุดมันฝรั่ง
มีการผลิตเพื่อส่งออกโดยในปี 1914 รัสเซีย ได้ซื้อไปใช้งานในขนาด 7.62×54mmR จำนวน 14,850กระบอก อังกฤษได้นำไปใช้งานในขนาด .303 British ซึ่งมีชื่อเรียกว่า M1895/14 ในแอฟริกาใต้ ใช้กระสุนขนาด 7×57mm Mauser
ต่อมา ทีมงาน Colt ได้ทำการลดอัตราการยิงลงเหลือ 400 นัดต่อนาที่เพื่อลดความร้อน
ถึงแม้การออกแบบจะมีข้อเสียเรื่องน้ำหนักของลำกล้องอยู่บางแต่เทียบกับปืนกลที่ระบายความร้อนด้วยน้ำแล้วนั้น M1895 จึงต้องใช้ลำกล้องหนา แต่ยังมีความคล่องตัวมากกว่าเพราะไม่ต้องหิ้วถังน้ำไปด้วย ถึงแม้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศจะทำให้มีการติดขัดบ้าง แต่พลปืนที่มีประสบการณ้ จะรู้จังหวะในการยิงและสามารถแก้ไขปัญหาได้ไม่ยาก
มีการผลิตในขนาดกระสุนต่างๆ ตามผู้ใช้คือ
6mm Lee Navy
7×57mm Mauser
.30-40 Krag
.30-06 Springfield
.303 British
7.62×54mmR
6.5×52mm Mannlicher–Carcano
ซึ่งมีการใช้งานอย่างเป็นทางการถึง 17 ชาติและมีใช้งานมาถึงยุค 70 เลยทีเดียว
บ. Marlin Arms Corp มีการนำพื้นฐานระบบของ M1895 ไปทำการออกแบบและผลิต โดยในรุ่น M 1895/1917 สามารถถอดเปลี่ยนลำกล้องได้ และ Marlin M1917,M1918: ซึ่งเป็นปืนกลที่ใช้งานทั้งบนยานเกราะ/รถถัง หรือ อากาศยาน โดยเปลี่ยนมาใช้ลูกสูบแบบขนาดไปกับลำกล้อง( linear gas piston) และมีหม้อน้ำอลูมีเนียม
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดมา ณ. ที่นี้ครับ
Cr.
https://www.firearmlicense.net/colt-potato-digger-edition...
https://modernfirearms.net/.../colt-browning-m1895-eng/
https://www.militaryfactory.com/smallarms/detail.asp...
https://guns.fandom.com/wiki/M1895_Colt_Browning_machine_gun
#M1895_Colt_Browning_machine_gun #ป_ปืน