**หมายเหตุ ผู้เขียนต้องการเขียนเรื่องนี้เพื่อความสนุกและฝึกฝีมือเท่านั้น ไม่มีการตรวจทานเหมือนเรื่องอื่นๆ หากเจอจุดผิดพลาดร้ายแรงกรุณาบอกด้วยความสุภาพอย่าด่าแรงนะไม่งั้นเค้านอยด์ด้วย
************************
หน้าจอโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นฉายภาพการบุกของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่เหมือนกับในภาพยนตร์ต่างประเทศ วัชระมองทีวีราวกับเป็นเรื่องปกติ ในระยะสิบปีมานี้มีข่าวจำพวกคลิปสัตว์ประหลาดยักษ์หลุดออกมาในอินเตอร์เน็ทบ่อยๆราวกับมีคนพยายามทำให้การตัดต่อคลิปกลายเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง แต่การมาฉายในรายการข่าวช่วงบ่ายมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต่างไป อย่างกับพวกนักข่าวเชื่อเรื่องพวกนี้จริงๆอย่างนั้น
แล้วสายตาของเขาก็เลื่อนไปความจริงตอนนี้ วัชระหันกลับมามองอินเตอร์เฟสรายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดรับนักศึกษาในปีนี้ที่กำลังลอยอยู่ข้างๆ เขากำลังตรวจสอบว่ามหาลัยที่เขาอยากเข้าต้องการคะแนนสอบเฉลี่ยเท่าไรและจะรับสอบตรงกี่คน เมื่อรู้สึกเบื่อก็กดสวิตช์ปิดที่แผ่นเก็บข้อมูลสำหรับผู้เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะคะแนนของเขาอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น จะสอบตรงก็คงไม่มีหวังพอๆกัน จำใจต้องเลือกที่เรียนต่อในระดับปานกลางเท่านั้น ถึงกระนั้นวัชระก็อยากลองสอบตรงดู เขามีโชคเรื่องการทดสอบต่างๆซึ่งมักทำได้ดีกว่าที่คิดเสมอแม้จะไม่ช่วยเรื่องเกรดมากมายนัก เขามีเวลาอีกแค่ปีเดียวเพื่อทำคะแนนเฉลี่ยเพิ่ม บวกกับการสอบเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีในปีหน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก
แต่ตอนนี้เป็นช่วงหยุดฤดูร้อน เหลืออีกครึ่งเดือนวัชระก็จะเข้าสู่ปีสุดท้ายของการเป็นนักเรียนมัธยมปลายแล้ว เขาอยากพักผ่อนเพราะพี่ชายที่กำลังจะจบมหาวิทยาลัยเคยบอกกับเขาไว้ว่าชีวิตนักเรียนมัธยมดีกว่าชีวิตเด็กมหาวิทยาลัย เขาจึงอยากใช้ชีวิตแบบเด็กๆให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
ด้วยอากาศที่ร้อนจัดและความเครียดสะสมวัชระจึงเลี่ยงความจริงด้วยการหนีไปเดินในร้านสะดวกซื้อชื่อดังข้างบ้านที่มีเครื่องปรับอากาศ รถตู้สีขาววิ่งผ่านหน้าบ้านของเขาพอดี ด้านข้างมีตัวอักษรติดเอาไว้อย่างเป็นทางการว่า ‘สถาบัน ค.ค.ก.’ เด็กหนุ่มมองอย่างครุ่นคิด บ้านของเขาอยู่ใกล้ทางสายเอเชียนานๆทีจะมีรถของบริษัทอะไรสักอย่างวิ่งผ่าน แต่เขาคิดว่าไม่เคยเห็นอักษรย่อ ค.ค.ก. ที่ใดเลย ครม. ล่ะมีแน่แต่น่าจะหรูกว่านี้
“อาร์ม ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
หุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ตัวหนึ่งเดินมาหยุดข้างเขา เป็นการพัฒนาด้านสมองกลที่สามารถเชื่อมต่อหุ่นยนต์เข้ากับสมองของมนุษย์ เพื่อให้ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติในสภาพหุ่นยนต์ มีข้อมูลบอกว่ามันถูกวิจัยและปรับปรุงเกือบยี่สิบปีจนมีราคาถูกลงมาก แต่มันยังสูงอยู่ดีสำหรับคนมีฐานะปานกลาง
เมื่อวัชระดูสัญลักษณ์และเสื้อผ้าแล้วจึงรู้ว่าเป็นหุ่นของตาอำพลข้างบ้านที่แก่จนนอนติดเดียง เพราะสามารถใช้หุ่นแทนตัวได้จึงสามารถดูแลร่างตัวเองที่นอนซมได้โดยไม่เป็นภาระ
“พรุ่งนี้อาร์มไปวัดหรือเปล่า ตาอยากไปแต่ไม่มีใครว่างไปด้วย แถมต้องมีคนคอยพลิกตัวตาอีก เลยอยากฝากทำบุญเหมือนคราวก่อน” หุ่นยนต์แทนตัวลุงพลพูดด้วยเสียงที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น
“อย่างนั้นเดี๋ยวอาร์มเอาของไปทำบุญให้เหมือนครั้งก่อนนะครับ ตอนนี้ขอไปตากแอร์ก่อน” วัชระตอบอย่างสุภาพก่อนเดินไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ห่างไปแค่ยี่สิบเมตร
วัชระฆ่าเวลาได้เกือบสิบนาทีในร้านสะดวกซื้อที่เย็นสบายและกลับมาทำงานของตัวเองอย่างรู้หน้าที่ เขาจะต้องตรวจเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้เสร็จเร็วที่สุดจะได้มีเวลาพักมากกว่านี้ ที่บ้านของเขาเชื่อว่าการทำงานหนักเป็นสิ่งดีแต่ไม่ควรละเลยการพักผ่อนด้วย
พอไขกุญแจประตูบ้านเสร็จโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น พ่อของเขาโทรศัพท์เข้ามา คงฝากซื้อกับข้าวกระมัง วัชระคิดแล้วเลื่อนนิ้วบนหน้าจอเพื่อรับสาย
“อาร์ม เตรียมตัวไปเที่ยวพรุ่งนี้นะ” เสียงพ่อของเขาพูดมาจากในสายทำให้วัชระเงียบแล้วครางเบาๆด้วยความสงสัย “จำที่เราวางแผนกันได้ไหมว่าจะไปเที่ยวกันวันเสาร์ วันมะรืนนี้...พอดีพ่อขอวันหยุดเพิ่มได้ แม่เขาก็หยุดได้เหมือนกัน พ่อเลยคิดว่าคงดีถ้าเราไปเที่ยวพรุ่งนี้ มันเป็นวันศุกร์ที่คนน้อย และจะได้หยุดเพิ่มอีกสองวันด้วย”
วัชระพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นเรื่องไม่คาดคิดที่วันพักผ่อนของครอบครัวจะถูกเลื่อนขึ้นมาสักวันหนึ่ง พวกเขาทั้งครอบครัวรวมพี่ชายด้วยจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ซึ่งแผนการถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นพรุ่งนี้แทน
“แต่ไปที่เดิมใช่ไหมครับ ตลาดร้อยปี บึงฉวาก ดอนเจดีย์” วัชระทึ่งทุกครั้งที่พ่อของเขาวางแผนเที่ยวแบบอัดแน่นจนไม่อยากเชื่อ ทำให้แทนที่จะได้ผ่อนคลายกลับต้องเครียดเรื่องเวลาที่มีจำกัด
“วัดไผ่โรงวัวด้วยก็ได้ถ้าอาร์มอยาก เห็นค้นเรื่องไตรภูมิพระร่วงอยู่น่าจะอยากเห็นแบบจำลองนรกนะ” เสียงหัวเราะของพ่อจากในสายบอกว่ากำลังอารมณ์ดีอยู่ พวกเขาพี่น้องสนิทกับพ่อและมักหยอกล้อกันอย่างนี้ประจำ
“ไม่ล่ะครับเห็นมาพอแล้ว” อาร์มตอบอย่างนึกแขยง จะว่าไปเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตาอำพลจะฝากเขาไปทำบุญในวันพรุ่งนี้เช้า “พ่อ ตาอำพลฝากอาร์มไปทำบุญพรุ่งนี้ เดี๋ยวขอไปบอกแกก่อนนะว่าไปให้ไม่ได้แล้ว” วัชระบอกกับพ่อก่อนตัดสินใจไปหาตาอำพลข้างบ้านก่อนกลับไปทำงานต่อ...
วันต่อมาครอบครัวของวัชระออกเดินทางแต่เช้ามืดเพื่อไปเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี ทางสายเอเชียมีรถไม่มากนักเพราะยังเป็นช่วงเช้าอยู่ เมื่อวัชระมองเห็นป้ายจังหวัดซึ่งแสดงว่ามาถึงรอยต่อเรื่องแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น สัตว์ใหญ่คล้ายพญานาคชูคอขึ้นสูงเหนือยอดมะม่วงไกลออกไปสักร้อยเมตร เกล็ดสีเขียววาววับสะท้อนแสงแดดยามเช้าเด่นชัดจนดูไม่ผิดปกตินอกจากขนาดที่ใหญ่ยักษ์เหมือนต้นตาล รถหลายคันที่มองเห็นมันต่างพากันจอดดูเพราะเป็นสิ่งแปลกประหลาดรวมไปถึงรถที่ครอบครัวของเด็กหนุ่มนั่งอยู่ด้วย
แล้วเจ้างูใหญ่เหมือนในหนังก็หันหัวมาทางขบวนรถที่จอดดูบนถนน ดวงตาสีแดงของมันลุกวาวอย่างประสงค์ร้าย เทียบจากขนาดตัวของมันแล้วแค่ร้อยเมตรก็ใกล้เพียงนิดเดียว ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นร่างของมันก็เปล่งแสง ถึงจะมองไม่ชัดแต่วัชระกับครอบครัวก็ตระหนักได้ว่าท่าทางไม่ชอบมาพากล แสงนั้นสว่างไล่จากหัวขึ้นไปหงอนทรงกรวยตามด้วยลวดลายบนลำตัวเหมือนในภาพยนตร์ฉะนั้น!
ผู้เฝ้ามองจากบนถนนพยายามออกตัวหนีแต่ไม่ทันเสียแล้ว ไอพิษสีเขียวแห่งความตายแผ่พุ่งออกจากปากมันด้วยความแรงดุจเครื่องฉีดน้ำล้างรถยนต์ ไม่ถึงอึดใจมนุษย์ภายในรถยนต์กลุ่มเล็กๆก็ตกอยู่ในวงล้อมของหมอกสีเขียวที่ชักนำหายนะมาสู่ทุกชีวิต แม้แต่ในรถมันก็สามารถซอกซอนเข้าไปได้เหมือนกับมีความนึกคิด
ร่างของทุกคนในรถถูกรมด้วยพิษร้อนแรงจนสติลางเลือน ก่อนทุกอย่างจะดับวูบวัชระมองเห็นเงาสิ่งที่เหมือนคนวิ่งผ่านรอบรถภายใต้หมอกพิษราวกับมันไม่มีผลกับพวกนั้นเลย...
สิ่งแรกที่วัชระมองเห็นหลังความมืดหายไปคือแสงอันแรงกล้าของดวงอาทิตย์ บนท้องฟ้า เขายืนอยู่กลางแท่นโลหะที่มีสายเชื่อมเข้ากับพื้นดิน ไกลสุดสายตาเห็นเส้นขอบฟ้าได้อย่างชัดเจน มันอยู่ใกล้เมฆเกินกว่าจะเป็นพื้นโลกเบื้องล่าง ความทรงจำของเขาเริ่มกลับมาแล้วเริ่มสำรวจตัวเอง เขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุจากสัตว์ยักษ์ที่โผล่ออกมาตามท้องถนนเหมือนในโทรทัศน์แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย! เขาสวมชุดที่ใหม่และสะอาดเกินกว่าจะผ่านเรื่องร้ายมา หรือเขาจะได้อยู่บนสวรรค์
แต่เขาคิดว่าตนคงได้เกิดใหม่ต่างโลกมากกว่าเพราะมีหญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาวัชระ เธอน่าจะอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี ร่างค่อนข้างอวบผิวสีแทนอ่อนๆกับเส้นผมสีดำยาวรวบไว้ด้วยปิ่นสีทองบนหัว เธอคนนั้นสวมชุดเหมือนพวกนักวิจัยสีขาวเป็นทางการ เธอยกแขนที่น่าจะติดตั้งเครื่องฉายหน้าจออินเตอร์เฟส เพราะเธออ่านหน้าจอโฮโลแกรมสีเขียวอ่อนระหว่างเดินมาทางวัชระ
“สวัสดีคุณน้องวัชระ พวกเราคือสถาบัน ค้นหา ควบคุม กำจัด ฉันชื่อชาลิกยินดีที่รู้จัก” หญิงสาวนามชาลิกทักทาทายอย่างสุภาพแล้วอธิบายสถานการณ์คร่าวๆให้ฟัง “เธอจะคิดว่าได้เกิดใหม่ในต่างโลกอย่างในนิยายการ์ตูนก็ได้แต่เรามีข้อเสนอ ขอให้คุณน้องช่วยกำจัดสัตว์ยักษ์ให้เราแล้วเธอกับครอบครัวจะได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง”
“หมายความว่ายังไงครับคุณชาลิก” วัชระเอ่ยถามเพราะคำอธิบายที่สั้นและกำกวมของเธอ
“เรียกคุณพี่ก็ได้ค่ะคุณน้อง” ชาลิกกระแอม “ทางสถาบันของเราออกตามล่าสัตว์ประหลาดที่จอมปิศาจแห่งบาปทั้งเจ็ดปล่อยออกมาบนโลก เราสามารถฆ่ามันแล้วนำพลังชีวิตของมันออกมาใช้เป็นพลังงานบริสุทธิ์เพื่อใช้คืนสภาพร่างให้ผู้บาดเจ็บได้ แต่การล่ามันต้องใช้คนที่มีใจของนักสู้ อย่างเช่นคนที่รอดจากอุบัติเหตุใหญ่ๆได้”
“แล้วพวกพ่อกับพี่ผมล่ะครับคุณพี่”
“สักกะพี่ชายเธอไปอยู่ในเขตของอริษฏ์ ส่วนพ่อกับแม่เธอไม่พร้อมต่อสู้ แต่ถ้าเธอกับพี่สะสมพลังจากสัตว์ประหลาดได้มากพอก็จะทำให้เขากลับมาได้”
“พวกเราจะได้คืนชีพ มันเป็นไปได้จริงหรือครับ!” ด้วยความตื่นเต้นทำให้วัชระลืมรักษามารยาท แทนที่หญิงสาวจะหงุดหงิดกลับอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
(มีต่อ)
ชีวิตใหม่? ตอนที่ 1
อย่าด่าแรงนะไม่งั้นเค้านอยด์ด้วย************************
หน้าจอโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นฉายภาพการบุกของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่เหมือนกับในภาพยนตร์ต่างประเทศ วัชระมองทีวีราวกับเป็นเรื่องปกติ ในระยะสิบปีมานี้มีข่าวจำพวกคลิปสัตว์ประหลาดยักษ์หลุดออกมาในอินเตอร์เน็ทบ่อยๆราวกับมีคนพยายามทำให้การตัดต่อคลิปกลายเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง แต่การมาฉายในรายการข่าวช่วงบ่ายมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต่างไป อย่างกับพวกนักข่าวเชื่อเรื่องพวกนี้จริงๆอย่างนั้น
แล้วสายตาของเขาก็เลื่อนไปความจริงตอนนี้ วัชระหันกลับมามองอินเตอร์เฟสรายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดรับนักศึกษาในปีนี้ที่กำลังลอยอยู่ข้างๆ เขากำลังตรวจสอบว่ามหาลัยที่เขาอยากเข้าต้องการคะแนนสอบเฉลี่ยเท่าไรและจะรับสอบตรงกี่คน เมื่อรู้สึกเบื่อก็กดสวิตช์ปิดที่แผ่นเก็บข้อมูลสำหรับผู้เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะคะแนนของเขาอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น จะสอบตรงก็คงไม่มีหวังพอๆกัน จำใจต้องเลือกที่เรียนต่อในระดับปานกลางเท่านั้น ถึงกระนั้นวัชระก็อยากลองสอบตรงดู เขามีโชคเรื่องการทดสอบต่างๆซึ่งมักทำได้ดีกว่าที่คิดเสมอแม้จะไม่ช่วยเรื่องเกรดมากมายนัก เขามีเวลาอีกแค่ปีเดียวเพื่อทำคะแนนเฉลี่ยเพิ่ม บวกกับการสอบเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีในปีหน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก
แต่ตอนนี้เป็นช่วงหยุดฤดูร้อน เหลืออีกครึ่งเดือนวัชระก็จะเข้าสู่ปีสุดท้ายของการเป็นนักเรียนมัธยมปลายแล้ว เขาอยากพักผ่อนเพราะพี่ชายที่กำลังจะจบมหาวิทยาลัยเคยบอกกับเขาไว้ว่าชีวิตนักเรียนมัธยมดีกว่าชีวิตเด็กมหาวิทยาลัย เขาจึงอยากใช้ชีวิตแบบเด็กๆให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
ด้วยอากาศที่ร้อนจัดและความเครียดสะสมวัชระจึงเลี่ยงความจริงด้วยการหนีไปเดินในร้านสะดวกซื้อชื่อดังข้างบ้านที่มีเครื่องปรับอากาศ รถตู้สีขาววิ่งผ่านหน้าบ้านของเขาพอดี ด้านข้างมีตัวอักษรติดเอาไว้อย่างเป็นทางการว่า ‘สถาบัน ค.ค.ก.’ เด็กหนุ่มมองอย่างครุ่นคิด บ้านของเขาอยู่ใกล้ทางสายเอเชียนานๆทีจะมีรถของบริษัทอะไรสักอย่างวิ่งผ่าน แต่เขาคิดว่าไม่เคยเห็นอักษรย่อ ค.ค.ก. ที่ใดเลย ครม. ล่ะมีแน่แต่น่าจะหรูกว่านี้
“อาร์ม ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
หุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ตัวหนึ่งเดินมาหยุดข้างเขา เป็นการพัฒนาด้านสมองกลที่สามารถเชื่อมต่อหุ่นยนต์เข้ากับสมองของมนุษย์ เพื่อให้ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติในสภาพหุ่นยนต์ มีข้อมูลบอกว่ามันถูกวิจัยและปรับปรุงเกือบยี่สิบปีจนมีราคาถูกลงมาก แต่มันยังสูงอยู่ดีสำหรับคนมีฐานะปานกลาง
เมื่อวัชระดูสัญลักษณ์และเสื้อผ้าแล้วจึงรู้ว่าเป็นหุ่นของตาอำพลข้างบ้านที่แก่จนนอนติดเดียง เพราะสามารถใช้หุ่นแทนตัวได้จึงสามารถดูแลร่างตัวเองที่นอนซมได้โดยไม่เป็นภาระ
“พรุ่งนี้อาร์มไปวัดหรือเปล่า ตาอยากไปแต่ไม่มีใครว่างไปด้วย แถมต้องมีคนคอยพลิกตัวตาอีก เลยอยากฝากทำบุญเหมือนคราวก่อน” หุ่นยนต์แทนตัวลุงพลพูดด้วยเสียงที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น
“อย่างนั้นเดี๋ยวอาร์มเอาของไปทำบุญให้เหมือนครั้งก่อนนะครับ ตอนนี้ขอไปตากแอร์ก่อน” วัชระตอบอย่างสุภาพก่อนเดินไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ห่างไปแค่ยี่สิบเมตร
วัชระฆ่าเวลาได้เกือบสิบนาทีในร้านสะดวกซื้อที่เย็นสบายและกลับมาทำงานของตัวเองอย่างรู้หน้าที่ เขาจะต้องตรวจเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้เสร็จเร็วที่สุดจะได้มีเวลาพักมากกว่านี้ ที่บ้านของเขาเชื่อว่าการทำงานหนักเป็นสิ่งดีแต่ไม่ควรละเลยการพักผ่อนด้วย
พอไขกุญแจประตูบ้านเสร็จโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น พ่อของเขาโทรศัพท์เข้ามา คงฝากซื้อกับข้าวกระมัง วัชระคิดแล้วเลื่อนนิ้วบนหน้าจอเพื่อรับสาย
“อาร์ม เตรียมตัวไปเที่ยวพรุ่งนี้นะ” เสียงพ่อของเขาพูดมาจากในสายทำให้วัชระเงียบแล้วครางเบาๆด้วยความสงสัย “จำที่เราวางแผนกันได้ไหมว่าจะไปเที่ยวกันวันเสาร์ วันมะรืนนี้...พอดีพ่อขอวันหยุดเพิ่มได้ แม่เขาก็หยุดได้เหมือนกัน พ่อเลยคิดว่าคงดีถ้าเราไปเที่ยวพรุ่งนี้ มันเป็นวันศุกร์ที่คนน้อย และจะได้หยุดเพิ่มอีกสองวันด้วย”
วัชระพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นเรื่องไม่คาดคิดที่วันพักผ่อนของครอบครัวจะถูกเลื่อนขึ้นมาสักวันหนึ่ง พวกเขาทั้งครอบครัวรวมพี่ชายด้วยจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ซึ่งแผนการถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นพรุ่งนี้แทน
“แต่ไปที่เดิมใช่ไหมครับ ตลาดร้อยปี บึงฉวาก ดอนเจดีย์” วัชระทึ่งทุกครั้งที่พ่อของเขาวางแผนเที่ยวแบบอัดแน่นจนไม่อยากเชื่อ ทำให้แทนที่จะได้ผ่อนคลายกลับต้องเครียดเรื่องเวลาที่มีจำกัด
“วัดไผ่โรงวัวด้วยก็ได้ถ้าอาร์มอยาก เห็นค้นเรื่องไตรภูมิพระร่วงอยู่น่าจะอยากเห็นแบบจำลองนรกนะ” เสียงหัวเราะของพ่อจากในสายบอกว่ากำลังอารมณ์ดีอยู่ พวกเขาพี่น้องสนิทกับพ่อและมักหยอกล้อกันอย่างนี้ประจำ
“ไม่ล่ะครับเห็นมาพอแล้ว” อาร์มตอบอย่างนึกแขยง จะว่าไปเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตาอำพลจะฝากเขาไปทำบุญในวันพรุ่งนี้เช้า “พ่อ ตาอำพลฝากอาร์มไปทำบุญพรุ่งนี้ เดี๋ยวขอไปบอกแกก่อนนะว่าไปให้ไม่ได้แล้ว” วัชระบอกกับพ่อก่อนตัดสินใจไปหาตาอำพลข้างบ้านก่อนกลับไปทำงานต่อ...
วันต่อมาครอบครัวของวัชระออกเดินทางแต่เช้ามืดเพื่อไปเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี ทางสายเอเชียมีรถไม่มากนักเพราะยังเป็นช่วงเช้าอยู่ เมื่อวัชระมองเห็นป้ายจังหวัดซึ่งแสดงว่ามาถึงรอยต่อเรื่องแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น สัตว์ใหญ่คล้ายพญานาคชูคอขึ้นสูงเหนือยอดมะม่วงไกลออกไปสักร้อยเมตร เกล็ดสีเขียววาววับสะท้อนแสงแดดยามเช้าเด่นชัดจนดูไม่ผิดปกตินอกจากขนาดที่ใหญ่ยักษ์เหมือนต้นตาล รถหลายคันที่มองเห็นมันต่างพากันจอดดูเพราะเป็นสิ่งแปลกประหลาดรวมไปถึงรถที่ครอบครัวของเด็กหนุ่มนั่งอยู่ด้วย
แล้วเจ้างูใหญ่เหมือนในหนังก็หันหัวมาทางขบวนรถที่จอดดูบนถนน ดวงตาสีแดงของมันลุกวาวอย่างประสงค์ร้าย เทียบจากขนาดตัวของมันแล้วแค่ร้อยเมตรก็ใกล้เพียงนิดเดียว ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นร่างของมันก็เปล่งแสง ถึงจะมองไม่ชัดแต่วัชระกับครอบครัวก็ตระหนักได้ว่าท่าทางไม่ชอบมาพากล แสงนั้นสว่างไล่จากหัวขึ้นไปหงอนทรงกรวยตามด้วยลวดลายบนลำตัวเหมือนในภาพยนตร์ฉะนั้น!
ผู้เฝ้ามองจากบนถนนพยายามออกตัวหนีแต่ไม่ทันเสียแล้ว ไอพิษสีเขียวแห่งความตายแผ่พุ่งออกจากปากมันด้วยความแรงดุจเครื่องฉีดน้ำล้างรถยนต์ ไม่ถึงอึดใจมนุษย์ภายในรถยนต์กลุ่มเล็กๆก็ตกอยู่ในวงล้อมของหมอกสีเขียวที่ชักนำหายนะมาสู่ทุกชีวิต แม้แต่ในรถมันก็สามารถซอกซอนเข้าไปได้เหมือนกับมีความนึกคิด
ร่างของทุกคนในรถถูกรมด้วยพิษร้อนแรงจนสติลางเลือน ก่อนทุกอย่างจะดับวูบวัชระมองเห็นเงาสิ่งที่เหมือนคนวิ่งผ่านรอบรถภายใต้หมอกพิษราวกับมันไม่มีผลกับพวกนั้นเลย...
สิ่งแรกที่วัชระมองเห็นหลังความมืดหายไปคือแสงอันแรงกล้าของดวงอาทิตย์ บนท้องฟ้า เขายืนอยู่กลางแท่นโลหะที่มีสายเชื่อมเข้ากับพื้นดิน ไกลสุดสายตาเห็นเส้นขอบฟ้าได้อย่างชัดเจน มันอยู่ใกล้เมฆเกินกว่าจะเป็นพื้นโลกเบื้องล่าง ความทรงจำของเขาเริ่มกลับมาแล้วเริ่มสำรวจตัวเอง เขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุจากสัตว์ยักษ์ที่โผล่ออกมาตามท้องถนนเหมือนในโทรทัศน์แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย! เขาสวมชุดที่ใหม่และสะอาดเกินกว่าจะผ่านเรื่องร้ายมา หรือเขาจะได้อยู่บนสวรรค์
แต่เขาคิดว่าตนคงได้เกิดใหม่ต่างโลกมากกว่าเพราะมีหญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาวัชระ เธอน่าจะอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี ร่างค่อนข้างอวบผิวสีแทนอ่อนๆกับเส้นผมสีดำยาวรวบไว้ด้วยปิ่นสีทองบนหัว เธอคนนั้นสวมชุดเหมือนพวกนักวิจัยสีขาวเป็นทางการ เธอยกแขนที่น่าจะติดตั้งเครื่องฉายหน้าจออินเตอร์เฟส เพราะเธออ่านหน้าจอโฮโลแกรมสีเขียวอ่อนระหว่างเดินมาทางวัชระ
“สวัสดีคุณน้องวัชระ พวกเราคือสถาบัน ค้นหา ควบคุม กำจัด ฉันชื่อชาลิกยินดีที่รู้จัก” หญิงสาวนามชาลิกทักทาทายอย่างสุภาพแล้วอธิบายสถานการณ์คร่าวๆให้ฟัง “เธอจะคิดว่าได้เกิดใหม่ในต่างโลกอย่างในนิยายการ์ตูนก็ได้แต่เรามีข้อเสนอ ขอให้คุณน้องช่วยกำจัดสัตว์ยักษ์ให้เราแล้วเธอกับครอบครัวจะได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง”
“หมายความว่ายังไงครับคุณชาลิก” วัชระเอ่ยถามเพราะคำอธิบายที่สั้นและกำกวมของเธอ
“เรียกคุณพี่ก็ได้ค่ะคุณน้อง” ชาลิกกระแอม “ทางสถาบันของเราออกตามล่าสัตว์ประหลาดที่จอมปิศาจแห่งบาปทั้งเจ็ดปล่อยออกมาบนโลก เราสามารถฆ่ามันแล้วนำพลังชีวิตของมันออกมาใช้เป็นพลังงานบริสุทธิ์เพื่อใช้คืนสภาพร่างให้ผู้บาดเจ็บได้ แต่การล่ามันต้องใช้คนที่มีใจของนักสู้ อย่างเช่นคนที่รอดจากอุบัติเหตุใหญ่ๆได้”
“แล้วพวกพ่อกับพี่ผมล่ะครับคุณพี่”
“สักกะพี่ชายเธอไปอยู่ในเขตของอริษฏ์ ส่วนพ่อกับแม่เธอไม่พร้อมต่อสู้ แต่ถ้าเธอกับพี่สะสมพลังจากสัตว์ประหลาดได้มากพอก็จะทำให้เขากลับมาได้”
“พวกเราจะได้คืนชีพ มันเป็นไปได้จริงหรือครับ!” ด้วยความตื่นเต้นทำให้วัชระลืมรักษามารยาท แทนที่หญิงสาวจะหงุดหงิดกลับอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
(มีต่อ)