***รีวิวนี้ไม่มีการสปอยมากนัก เพราะไงๆหนังก็ไม่มีพล็อตอะไรหวือหวานัก แต่เด่นที่กลิ่นอาย คนที่ยังไม่ได้ดู ผมว่ายังพออ่านรีวิวผมแล้วไปดูโรงได้สนุกอยู่นะ
นับตั้งแต่ทรานสฟอร์มเมอร์ทำหนังมา ก็รู้สึกว่าความฝันในวัยเด็กได้ถูกเติมเต็ม หุ่นยนต์แปลงร่างสู้กัน มันช่างเป็นความโรแมนติกของผู้ชายทุกคน แต่มันก็ยังมีกลิ่นอายแห่งฮอลลีวู้ดเต็มๆ(ก็แหงล่ะ เบย์กำกับ)
แต่เรื่องนี้ได้ยินข่าวว่าผกก.แกทำเพื่อ tribute หนังสัตว์ประหลาดญี่ปุ่น ก็ต้องขอยอมรับเลยว่า มันได้กลิ่นอายการ์ตูนสายหุ่นยนต์แดนปลาดิบมากๆ
และก็เช่นกัน สำหรับคนที่เป็นแฟนสายเหล็กไหล เมื่อดูเรื่องนี้แล้วคงย่อมจะจับจุดที่เป็น "มุก" หรือเอกลักษณ์ของสายหุ่นยนต์ได้มากมายแน่ๆเหมือนผม
พล็อตมีว่า เมื่อใต้ทะเลแปซิฟิค มีประตูมิติเปิดขึ้น สัตว์ประหลาดเอเลี่ยนลึกลับได้โผล่ขึ้นมา ด้วยความพยายามจากอาวุธปกติที่มี ต้องใช้เวลาถึง6วันเต็มๆในการหยุดพวกมันได้ "แค่" หนึ่งตัว
ดังนั้น ทั้งโลกจึงต้องร่วมมือกันสร้างโปรเจ็คหุ่นยักษ์ขึ้นมาเพื่อสู้กับมัน
โอ้ววววววว แค่พล็อตเปิดมาก็วิญญาณซุปเปอร์โรบอทลุกโชนแล้ว
(TSF และ เอวานเกเลี่ยน ที่เป็นผลผลิตจากการรวมหัวของทั้งโลก เพื่อมาต้านภัยสัตว์ประหลาดลึกลับ)
ไม่ใช่แค่พล็อตเท่านั้น แต่ยังมี"มุก"ต่างๆที่เราเห็นในการ์ตูนหุ่นยนต์บ่อยๆด้วย ข้อที่ชัดสุดจนผมเชื่อว่าถ้าไปดูกันคงต้องเฮ้ยกันได้เลย คือ
"หุ่นรุ่นใหม่สุด จะไม่เคยเก่งสุดเลย ถ้าเป็นรุ่นเก่าๆที่กรำศึก จะเทพเสมอ"
ซึ่งผกก.เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นในฉบับฮอลลีวู้ดแล้ว 5555
พล็อตรองก็ยังไม่พ้นเป็นแนวเดียวกับซุปเปอร์โรบอทอีก ที่เกี่ยวกับอุปสรรคทางจิตใจของความพยายามในการเชื่อมั่นและประสานวิญญาณของทีมคนขับให้เป็นหนึ่งเพื่อบังคับหุ่นยักษ์
โอ้ววววววววววววววว อีแบบนี้มันก็อีกหนึ่งจิตวิญญาณแห่งซุปเปอร์โรบอทชัดๆ!!!!
(เหล่าคนขับซุปเปอร์โรบอทขี้เหงา บังคับหุ่นคนเดียวไม่ได้)
แต่ถ้าถามผม โดยรวมสุดแล้ว PACIFIC RIM ทำให้ผมได้กลิ่นอายให้นึกถึงเรื่องอะไรสุด ผมนึกถึงเอวา+muv luv สุด ตรงที่การ์ตูนหุ่นยนต์ส่วนใหญ่มักเป็นไซไฟ ที่มีความเหนือจริงอยู่พอควร แต่สองเรื่องนี้พยายามดึงหุ่นยนต์ในฝันให้ลงมาติดดินด้วย "องค์ประกอบ" ไม่ว่าจะฉากหลังของโลกที่ไม่ดูอนาคตเกินจริง งานการเมืองเล็กๆที่พยายามกังขาหน่วยรบหุ่นยักษ์ ฉากในฐานทัพที่ดูจริงจังมีคนเพ่นพ่านตลอดแลตึงเครียด ฉากสู้กับสัตว์ประหลาดแบบโหดถึงพริกถึงขิง กระชากลิ้น กระชวกไส้ เอาดาบผ่าขาดครึ่งเครื่องในกระจาย เหมือนเอวา/muv luv และถ้าพอสู้แพ้สัตว์ประหลาด คนขับจะต้องโดนบดขยี้เละสังหารโหด จนรู้สึกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่จริง ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนในเอวา/muv luv ซึ่ง PACIFIC RIM ก็ทำตามองค์ประกอบเหล่านี้เช่นกัน
อีกทั้งงานดีไซน์เมคคานิกเอง ทั้งฐานทัพชายฝั่งที่มีช่องปล่อยหุ่น ทั้งกรงครอบหุ่นกับวิธีบังคับหุ่นด้วยการ synchronize จิตแบบในเอวา พอหุ่นเสียหายคนขับก็จะเจ็บตามไปด้วย ฉากโรงเก็บหุ่นที่มีคนกำลังซ่อมบำรุงและติดอาวุธให้หุ่นจนมือเป็นระวิงแบบกันดั้ม
เรื่องอาวุธ/ไม้ตายก็เหมือนกัน ไม่ว่าหุ่นมันจะมีปืนแรงขนาดไหน อาวุธสุดยอดมันก็หนีไม่พ้นดาบเสมอ เหมือนในการ์ตูนที่เวลาจะเผด็จศึก ยิงกันมาให้ตายยังไง สุดท้ายก็ต้องมาจบที่ดาบ
แต่ที่เด็ดสุดจนผมตบหน้าตักในโรงเลยคือ "วิธี" เดินเครื่องหุ่นในเรื่องเนี่ยแหละ มาชินก้ามาก!!!! คาราวะ!!!
ที่ต้องแยกส่วนหัวของหุ่นไว้ต่างหาก(ห้องขับอยู่ในหัว) พอนักบินพร้อมปุ๊บ ส่วนหัวก็จะพุ่งไปประกอบกับตัว
MAZIN GO!!! ชิ้ง!!!! กัตไต!!!!
วิธีเดินเครื่องแบบนี้นับเป็นเอกสิทธิ์ของซุปเปอร์โรบอทที่ทั่งแท้และดั้งเดิมมาก ผกก.แกต้องดูมาชินก้า จี๊ก ไม่ก็กุเรนลากันมาก่อนทำหนังแน่ๆ555
แต่ดูเหมือนยังไม่หนำใจผกก. ยังมีหมัดจรวดด้วยนะ
"ร็อกเก็ตโตะ พาาาาานชิ!!!!"
อาาาา เดินออกมาจากโรงด้วยความอิ่มเหล็กไหล
เรื่องนี้เป็นการหักปากกาชาวการ์ตูนหลายคน(รวมผม) ที่เคยคิดตลอดว่าการเอากลิ่นอายของการ์ตูนญี่ปุ่นไปแปลงเป็นฮอลลีวู้ดมันไม่มีทางเข้ากันไปได้ ซึ่งถ้านับจากเศษซากรายทางของหนังจากการ์ตูนและเกมทั้งหลายก็น่าให้คิดอยู่ แต่ PACIFIC RIM เหมือนการกำเนิดใหม่ของแบทแมนชุดรัดตูดเห็นหัวนม กลายเป็นอัศวินรัตติกาลได้ด้วยมือของผกก.ที่มีทัศนคติที่ถูกต้อง และเรื่องนี้ก็เช่นกัน ถ้าหากมีผกก.ที่เข้าใจถึงจิตวิญญาณแห่งเหล็กไหลแล้วไซร้ การแปลงการ์ตูนหุ่นยนต์ญี่ปุ่นให้เป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ย่อมเป็นไปได้เสมอ
สรุป: บทหนังก็ไม่มีอะไรมาก บล็อคบัสเตอร์ทั่วไป แต่ยังดีกว่าหนังเบย์อยู่ ถ้าคนทั่วไปไปดูคงไม่ได้อะไรมากนอกจากยักษ์ตบกัน เพราะเรื่องนี้ทำเพื่อคาราวะหนังสัตว์ประหลาด+การ์ตูนหุ่นยนต์ญี่ปุ่นเน้นๆล้วนๆ เลยเอาไปเลยเกรด S จากผม (เป็นคะแนนพิศวาสส่วนมาก)
ผกก. Guillermo del Toro ท่านได้รับการคาราวะจากชาวเหล็กไหล และขอนับท่านเป็นพี่น้องกันนับจากนี้
แถมอีก!!!
มีใบปิดชุดนึงที่ทำเน้นหุ่นแต่ละตัวในหนัง เจ๋งตรงที่ทำออกมาเหมือนกล่องพลาโมมากๆ ครีเอทสุดๆ
(แปะตราMGกับบันไดให้ เพื่อความเนียน 555)
[REVIEWสำหรับคนการ์ตูน] PACIFIC RIM - "จิตวิญญาณแห่งซุปเปอร์โรบอทในคราบฮอลลีวู้ด"
นับตั้งแต่ทรานสฟอร์มเมอร์ทำหนังมา ก็รู้สึกว่าความฝันในวัยเด็กได้ถูกเติมเต็ม หุ่นยนต์แปลงร่างสู้กัน มันช่างเป็นความโรแมนติกของผู้ชายทุกคน แต่มันก็ยังมีกลิ่นอายแห่งฮอลลีวู้ดเต็มๆ(ก็แหงล่ะ เบย์กำกับ)
แต่เรื่องนี้ได้ยินข่าวว่าผกก.แกทำเพื่อ tribute หนังสัตว์ประหลาดญี่ปุ่น ก็ต้องขอยอมรับเลยว่า มันได้กลิ่นอายการ์ตูนสายหุ่นยนต์แดนปลาดิบมากๆ
และก็เช่นกัน สำหรับคนที่เป็นแฟนสายเหล็กไหล เมื่อดูเรื่องนี้แล้วคงย่อมจะจับจุดที่เป็น "มุก" หรือเอกลักษณ์ของสายหุ่นยนต์ได้มากมายแน่ๆเหมือนผม
พล็อตมีว่า เมื่อใต้ทะเลแปซิฟิค มีประตูมิติเปิดขึ้น สัตว์ประหลาดเอเลี่ยนลึกลับได้โผล่ขึ้นมา ด้วยความพยายามจากอาวุธปกติที่มี ต้องใช้เวลาถึง6วันเต็มๆในการหยุดพวกมันได้ "แค่" หนึ่งตัว
ดังนั้น ทั้งโลกจึงต้องร่วมมือกันสร้างโปรเจ็คหุ่นยักษ์ขึ้นมาเพื่อสู้กับมัน
โอ้ววววววว แค่พล็อตเปิดมาก็วิญญาณซุปเปอร์โรบอทลุกโชนแล้ว
(TSF และ เอวานเกเลี่ยน ที่เป็นผลผลิตจากการรวมหัวของทั้งโลก เพื่อมาต้านภัยสัตว์ประหลาดลึกลับ)
ไม่ใช่แค่พล็อตเท่านั้น แต่ยังมี"มุก"ต่างๆที่เราเห็นในการ์ตูนหุ่นยนต์บ่อยๆด้วย ข้อที่ชัดสุดจนผมเชื่อว่าถ้าไปดูกันคงต้องเฮ้ยกันได้เลย คือ
"หุ่นรุ่นใหม่สุด จะไม่เคยเก่งสุดเลย ถ้าเป็นรุ่นเก่าๆที่กรำศึก จะเทพเสมอ"
ซึ่งผกก.เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นในฉบับฮอลลีวู้ดแล้ว 5555
พล็อตรองก็ยังไม่พ้นเป็นแนวเดียวกับซุปเปอร์โรบอทอีก ที่เกี่ยวกับอุปสรรคทางจิตใจของความพยายามในการเชื่อมั่นและประสานวิญญาณของทีมคนขับให้เป็นหนึ่งเพื่อบังคับหุ่นยักษ์
โอ้ววววววววววววววว อีแบบนี้มันก็อีกหนึ่งจิตวิญญาณแห่งซุปเปอร์โรบอทชัดๆ!!!!
(เหล่าคนขับซุปเปอร์โรบอทขี้เหงา บังคับหุ่นคนเดียวไม่ได้)
แต่ถ้าถามผม โดยรวมสุดแล้ว PACIFIC RIM ทำให้ผมได้กลิ่นอายให้นึกถึงเรื่องอะไรสุด ผมนึกถึงเอวา+muv luv สุด ตรงที่การ์ตูนหุ่นยนต์ส่วนใหญ่มักเป็นไซไฟ ที่มีความเหนือจริงอยู่พอควร แต่สองเรื่องนี้พยายามดึงหุ่นยนต์ในฝันให้ลงมาติดดินด้วย "องค์ประกอบ" ไม่ว่าจะฉากหลังของโลกที่ไม่ดูอนาคตเกินจริง งานการเมืองเล็กๆที่พยายามกังขาหน่วยรบหุ่นยักษ์ ฉากในฐานทัพที่ดูจริงจังมีคนเพ่นพ่านตลอดแลตึงเครียด ฉากสู้กับสัตว์ประหลาดแบบโหดถึงพริกถึงขิง กระชากลิ้น กระชวกไส้ เอาดาบผ่าขาดครึ่งเครื่องในกระจาย เหมือนเอวา/muv luv และถ้าพอสู้แพ้สัตว์ประหลาด คนขับจะต้องโดนบดขยี้เละสังหารโหด จนรู้สึกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่จริง ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนในเอวา/muv luv ซึ่ง PACIFIC RIM ก็ทำตามองค์ประกอบเหล่านี้เช่นกัน
อีกทั้งงานดีไซน์เมคคานิกเอง ทั้งฐานทัพชายฝั่งที่มีช่องปล่อยหุ่น ทั้งกรงครอบหุ่นกับวิธีบังคับหุ่นด้วยการ synchronize จิตแบบในเอวา พอหุ่นเสียหายคนขับก็จะเจ็บตามไปด้วย ฉากโรงเก็บหุ่นที่มีคนกำลังซ่อมบำรุงและติดอาวุธให้หุ่นจนมือเป็นระวิงแบบกันดั้ม
เรื่องอาวุธ/ไม้ตายก็เหมือนกัน ไม่ว่าหุ่นมันจะมีปืนแรงขนาดไหน อาวุธสุดยอดมันก็หนีไม่พ้นดาบเสมอ เหมือนในการ์ตูนที่เวลาจะเผด็จศึก ยิงกันมาให้ตายยังไง สุดท้ายก็ต้องมาจบที่ดาบ
แต่ที่เด็ดสุดจนผมตบหน้าตักในโรงเลยคือ "วิธี" เดินเครื่องหุ่นในเรื่องเนี่ยแหละ มาชินก้ามาก!!!! คาราวะ!!!
ที่ต้องแยกส่วนหัวของหุ่นไว้ต่างหาก(ห้องขับอยู่ในหัว) พอนักบินพร้อมปุ๊บ ส่วนหัวก็จะพุ่งไปประกอบกับตัว MAZIN GO!!! ชิ้ง!!!! กัตไต!!!!
วิธีเดินเครื่องแบบนี้นับเป็นเอกสิทธิ์ของซุปเปอร์โรบอทที่ทั่งแท้และดั้งเดิมมาก ผกก.แกต้องดูมาชินก้า จี๊ก ไม่ก็กุเรนลากันมาก่อนทำหนังแน่ๆ555
แต่ดูเหมือนยังไม่หนำใจผกก. ยังมีหมัดจรวดด้วยนะ "ร็อกเก็ตโตะ พาาาาานชิ!!!!"
อาาาา เดินออกมาจากโรงด้วยความอิ่มเหล็กไหล
เรื่องนี้เป็นการหักปากกาชาวการ์ตูนหลายคน(รวมผม) ที่เคยคิดตลอดว่าการเอากลิ่นอายของการ์ตูนญี่ปุ่นไปแปลงเป็นฮอลลีวู้ดมันไม่มีทางเข้ากันไปได้ ซึ่งถ้านับจากเศษซากรายทางของหนังจากการ์ตูนและเกมทั้งหลายก็น่าให้คิดอยู่ แต่ PACIFIC RIM เหมือนการกำเนิดใหม่ของแบทแมนชุดรัดตูดเห็นหัวนม กลายเป็นอัศวินรัตติกาลได้ด้วยมือของผกก.ที่มีทัศนคติที่ถูกต้อง และเรื่องนี้ก็เช่นกัน ถ้าหากมีผกก.ที่เข้าใจถึงจิตวิญญาณแห่งเหล็กไหลแล้วไซร้ การแปลงการ์ตูนหุ่นยนต์ญี่ปุ่นให้เป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ย่อมเป็นไปได้เสมอ
สรุป: บทหนังก็ไม่มีอะไรมาก บล็อคบัสเตอร์ทั่วไป แต่ยังดีกว่าหนังเบย์อยู่ ถ้าคนทั่วไปไปดูคงไม่ได้อะไรมากนอกจากยักษ์ตบกัน เพราะเรื่องนี้ทำเพื่อคาราวะหนังสัตว์ประหลาด+การ์ตูนหุ่นยนต์ญี่ปุ่นเน้นๆล้วนๆ เลยเอาไปเลยเกรด S จากผม (เป็นคะแนนพิศวาสส่วนมาก)
ผกก. Guillermo del Toro ท่านได้รับการคาราวะจากชาวเหล็กไหล และขอนับท่านเป็นพี่น้องกันนับจากนี้
แถมอีก!!!
มีใบปิดชุดนึงที่ทำเน้นหุ่นแต่ละตัวในหนัง เจ๋งตรงที่ทำออกมาเหมือนกล่องพลาโมมากๆ ครีเอทสุดๆ
(แปะตราMGกับบันไดให้ เพื่อความเนียน 555)