อยากมีลูก 4 ข้อดีของการทำอิ๊กซี่ (ICSI)


วิธีการรักษาผู้มีบุตรยากมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือการทำอิ๊กซี่ หรือที่เรียกกันว่า ICSI ค่ะ
ICSI หรือ IntraCytoplasmic Sperm Injectionเป็นการปฎิสนธินอกร่างกาย ที่ได้รับความนิยมสำหรับคนที่มีลูกยาก และอยากมีลูก โดยเป็นการคัดไข่ที่สมบูรณ์จากฝ่ายหญิงและคัดอสุจิที่แข็งแรงของฝ่ายชายมาผสมกัน ให้เกิดการปฏิสนธิภายนอก แล้วก็จะเลี้ยงตัวอ่อนที่ได้จนเติบโตถึงระยะที่เหมาะสม จึงทำการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งการย้ายตัวอ่อนอาจจะเป็นการย้ายตัวอ่อนเพียงตัวเดียว หรือหลายตัวก็ได้ เพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ต่อไป

ข้อดีของการทำ ICSI หรืออิ๊กซี่
1. เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
         ถ้าเปรียบเทียบการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากด้วยวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว โดยวิธี การทำ IVF (IVF – InVitro Fertilization) กับการทำ  ICSI การทำ ICSI ทำให้เพิ่มโอกาสปฎิสนธิได้มากกว่าการทำ IVF เนื่องจาก IVF มีวิธีการทำคือ การนำไข่และเชื้ออสุจิไปไว้ในจานหลอดทดลอง เพื่อให้เกิดการผสมกันเอง ซึ่งวิธีนี้อาจเกิดปัญหาไข่กับเชื้ออสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกันเองได้ ด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น เปลือกไข่หนาในสตรีที่มีอายุมาก อสุจิจึงไม่อาจเจาะไข่เพื่อทำการปฏิสนธิได้ แต่ในขณะที่การทำ ICSI หรืออิ๊กซี่จะเป็นการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง 
.
2.   เก็บตัวอ่อนได้เป็นเวลานาน
       การทำ ICSI สามารถเก็บตัวอ่อนได้นานกว่า 10 ปี เช่นเดียวกับการเก็บไข่และน้ำเชื้อ เช่น กรณีคู่สมรสที่ยังไม่พร้อมมีลูก แต่กังวลว่าเมื่ออายุมากขึ้นจะมีลูกยาก ก็สามารถใช้วิธีปฎิสนธิแบบ ICSI  เพื่อเก็บตัวอ่อนเอาไว้ได้ค่ะ เมื่อถึงวันที่พร้อมจึงนำตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ หรือในกรณีที่ตั้งครรภ์จากการทำอิ๊กซี่ไปแล้ว และยังเหลือตัวอ่อนจากการทำครั้งแรก ก็สามารถเก็บแช่ตัวอ่อนไว้ หากต้องการมีลูกคนต่อไปจึงมาทำการย้ายตัวอ่อนอีกครั้ง
.
3.   ลดความเสี่ยงทารกมีความผิดปกติ
       ในการทำ ICSI เมื่อเลี้ยงตัวอ่อนถึงวันที่ 5  คุณหมอสามารถตัดเซลล์ตัวอ่อนเล็กน้อยไปตรวจโครโมโซม ซึ่งจะทำให้ทราบว่าตัวอ่อนมีความผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะความผิดปกติของพันธุกรรมที่จะเสี่ยงให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ดาวน์ซินโดรม ธาลัสซีเมีย เป็นต้น ซึ่งการตรวจโครโมโซมจะทำให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าเมื่อตัวอ่อนถูกนำกลับเข้าสู่โพรงมดลูกและเกิดการตั้งครรภ์แล้ว เด็กที่เกิดมาจะลดโอกาสเกิดความผิดปกติจากโครโมโซม
.
4. มีโอกาสในการตั้งครรภ์มากที่สุด
     การทำ ICSI มีโอกาสในการตั้งครรภ์มากกว่าวิธีอื่น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับอายุของฝ่ายหญิงด้วย หากอายุไม่เกิน 35 ปี  จะมีโอกาสในการตั้งครรภ์ 30-40% สำหรับผู้ที่อายุเกิน 35 ปี โอกาสในการตั้งครรภ์จะอยู่ที่ประมาณ 20-30% และหากอายุเกิน 40 ปี จะมีโอกาสในการตั้งครรภ์ 10-20% ฉะนั้นเมื่อสังเกตว่าตัวเองเข้าข่ายภาวะมีบุตรยาก คือ คู่สมรสที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลา 1 ปี หรือในคู่สมรสที่อายุมากกว่า 35 ปี มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอเป็นเวลา 6 เดือน แล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ก็ควรรีบมาปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
 .
ใครบ้างที่ควรทำ ICSI 
1.        ผู้ที่เคยผ่านการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูกมาแล้วมากกว่า 3 ครั้ง แต่ไม่ตั้งครรภ์
2.        ฝ่ายหญิงที่ท่อนำไข่มีปัญหา หรือ ผิดปกติ เช่น ถูกตัดท่อนำไข่ หรือ ท่อนำไข่ตีบตัน หรือคดงอ, บวมน้ำ หรือไม่มีท่อนำไข่จากความพิการแต่กำเนิด, หรือเคยผ่าตัดท่อนำไข่ออกไปทั้งสองข้าง
3.        ผู้ที่น้ำเชื้อมีคุณภาพไม่ดี เช่น มีตัวเชื้อน้อย วิ่งช้า รูปร่างผิดปกติ ไม่พบตัวอสุจิ หรือไม่สามารถหลั่งน้ำเชื้อออกมาได้ เป็นต้น
4.        ฝ่ายหญิงที่มีค่าฮอร์โมนรังไข่ผิดปกติรุนแรง
5.        ผู้มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากคุณภาพของรังไข่จะเริ่มลดลง
6.        มีประวัติโรคทางพันธุกรรมในครอบครัว เนื่องจากการทำเด็กหลอดแก้วและตรวจโครโมโซมตัวอ่อนจะช่วยป้องกันการเกิดโรคทางพันธุกรรมในลูกได้
7.        คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้ และพยายามมีลูกมาแล้วหลายปี
.
.
มีลูกยาก อยากมีลูก แก้ไขได้ เพียงได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
และมีการวางแผนที่เหมาะสมค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่