❌❌❌
ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องประกันตัว”ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง”
➡️➡️➡️ศาลอุทธรณ์ ยกคำร้องประกันตัว "ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง" 19 กันยาทวงคืนอำนาจ-ปักหมุดสนามหลวง ชี้ พฤติกรรมไม่เกรงกลัวกฎหมาย หวั่นหลบหนี
ศาลอาญา อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ทนายความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น เพื่อขอปล่อยชั่วคราว นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ กรณีร่วมชุมนุม 19-20 กันยายน ทวงอำนาจคืนราษฎร และคดี ปักหมุดคณะราษฎร์ที่ท้องสนามหลวง รวม 2 สำนวน และอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ขอให้ปล่อยชั่วคราว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน กับไมค์ ภานุพงศ์ โดยทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลไว้ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา
↪↪↪โดยศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าการกระทำตามข้อกล่าวหามีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลจำนวนมากอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวายขึ้นส่งผลกระทบเป็นวงกว้างชักนำให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดินโดยการบุกรุกทำลายทรัพย์สินของทางราชการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง
🎈🎈🎈นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาคำคัดค้าน ของพนักงานสอบสวนแล้ว ยังปรากฏว่าผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายคดีในหลายท้องที่ กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าในชั้นนี้หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้วผู้ต้องหาอาจก่อให้เกิด เหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นและน่าเชื่อว่า ผู้ต้องหาอาจหลบหนีกรณีสมควรรอฟังผลการสอบสวนก่อน คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
https://www.innnews.co.th/crime/news_803900/
^_^~⊙~⊙~
✔กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" เป็นภาษิตภาษาละตินทางกฎหมาย ซึ่งตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตว่า "เจตนาหํ กมฺมํ วทามิ" แปลว่า "เจตนานั่นแหละเป็นกรรม" อันมาจากพุทธพจน์ว่า "เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ, เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา" แปลว่า "ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนานั่นแหละเป็นกรรม เมื่อมีเจตนาแล้ว บุคคลย่อมกระทำกรรมโดยทางกาย วาจา ใจ"
ภาษิตนี้เป็นหลักกฎหมายอาญา ไว้สำหรับพิจารณาพฤติการณ์ในการกระทำของจำเลยเพื่อกำหนดฐานความผิดของจำเลย โดยพิจารณาว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดหรือไม่ และยังใช้แยกเจตนาฆ่าออกจากเจตนาทำร้าย เพราะเจตนาฆ่าย่อมมีโทษหนักกว่าเจตทำร้าย
ทั้งนี้ เนื่องจากเจตนาเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของผู้กระทำไม่มีใครหยั่งรู้ได้ ในการวินิจฉัยหรือพิสูจน์ว่าผู้กระทำมีเจตนาฆ่าหรือเพียงแต่มีเจตนาทำร้ายเท่านั้นจึงต้องถือหลักว่า "การกระทำที่แสดงออกมาภายนอกเป็นเครื่องชี้ถึงสภาพจิตใจของผู้กระทำ" หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" นั่นเอง
https://www.blockdit.com/posts/5ee8814221038d4c87f6fd43
~~~~⊙~~~••••••••
🍟เป็นไปตามกรรมบ่งบอกกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา...ไม่ให้ประกันตัว”ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง”
➡️➡️➡️ศาลอุทธรณ์ ยกคำร้องประกันตัว "ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง" 19 กันยาทวงคืนอำนาจ-ปักหมุดสนามหลวง ชี้ พฤติกรรมไม่เกรงกลัวกฎหมาย หวั่นหลบหนี
ศาลอาญา อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ทนายความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น เพื่อขอปล่อยชั่วคราว นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ กรณีร่วมชุมนุม 19-20 กันยายน ทวงอำนาจคืนราษฎร และคดี ปักหมุดคณะราษฎร์ที่ท้องสนามหลวง รวม 2 สำนวน และอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ขอให้ปล่อยชั่วคราว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน กับไมค์ ภานุพงศ์ โดยทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลไว้ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา
↪↪↪โดยศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าการกระทำตามข้อกล่าวหามีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลจำนวนมากอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวายขึ้นส่งผลกระทบเป็นวงกว้างชักนำให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดินโดยการบุกรุกทำลายทรัพย์สินของทางราชการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง
🎈🎈🎈นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาคำคัดค้าน ของพนักงานสอบสวนแล้ว ยังปรากฏว่าผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายคดีในหลายท้องที่ กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าในชั้นนี้หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้วผู้ต้องหาอาจก่อให้เกิด เหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นและน่าเชื่อว่า ผู้ต้องหาอาจหลบหนีกรณีสมควรรอฟังผลการสอบสวนก่อน คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
https://www.innnews.co.th/crime/news_803900/
✔กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" เป็นภาษิตภาษาละตินทางกฎหมาย ซึ่งตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตว่า "เจตนาหํ กมฺมํ วทามิ" แปลว่า "เจตนานั่นแหละเป็นกรรม" อันมาจากพุทธพจน์ว่า "เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ, เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา" แปลว่า "ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนานั่นแหละเป็นกรรม เมื่อมีเจตนาแล้ว บุคคลย่อมกระทำกรรมโดยทางกาย วาจา ใจ"
ภาษิตนี้เป็นหลักกฎหมายอาญา ไว้สำหรับพิจารณาพฤติการณ์ในการกระทำของจำเลยเพื่อกำหนดฐานความผิดของจำเลย โดยพิจารณาว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดหรือไม่ และยังใช้แยกเจตนาฆ่าออกจากเจตนาทำร้าย เพราะเจตนาฆ่าย่อมมีโทษหนักกว่าเจตทำร้าย
ทั้งนี้ เนื่องจากเจตนาเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของผู้กระทำไม่มีใครหยั่งรู้ได้ ในการวินิจฉัยหรือพิสูจน์ว่าผู้กระทำมีเจตนาฆ่าหรือเพียงแต่มีเจตนาทำร้ายเท่านั้นจึงต้องถือหลักว่า "การกระทำที่แสดงออกมาภายนอกเป็นเครื่องชี้ถึงสภาพจิตใจของผู้กระทำ" หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" นั่นเอง
https://www.blockdit.com/posts/5ee8814221038d4c87f6fd43