SuperPark Thailand สวนสนุกในร่ม ปิดถาวร 'ไอคอนสยาม' แจ้งลูกค้า ติดต่อผู้ประกอบการโดยตรง
https://www.matichon.co.th/social/news_2408903
SuperPark Thailand สวนสนุกในร่ม ปิดถาวร ‘ไอคอนสยาม’ แจ้งลูกค้า ติดต่อผู้ประกอบการโดยตรง
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่โลกออนไลน์กำลังให้ความสนใจ เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์บัญชี @khajochi
https://twitter.com/khajochi เปิดเผยภาพถ่ายและข้อความที่ระบุว่า SuperPark Thailand ที่ไอคอนสยาม ประกาศปิดตัวแล้ว ทั้งนี้ ในป้ายประกาศได้ระบุว่า Super Park ได้ปิดให้บริการอย่างถาวรและปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้เช่าของไอคอนสยามแต่อย่างใด บริษัทฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า ไอคอนสยามมิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง มิได้ถือกรรมสิทธิ์ มิได้มีหุ้นส่วนใดๆ ท่านสมาชิกสามารถติดต่อซุปเปอร์พาร์คโดยตรงที่หมายเลข 0-2073-0917 หรืออีเมล์ enquiry@superpark.co.th ไอคอนสยามขอขอบพระคุณทุกท่าน และขออภัยในความไม่สะดวกจากการปิดให้บริการ ณ ที่นี้
อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ SuperPark Thailand
https://www.facebook.com/superparkth/ ไม่ปรากฏข้อมูลอัพเดตเรื่องการปิดตัวถาวร โดยพบว่าโพสต์ชี้แจงล่าสุดคือเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 แจ้งความคืบหน้าระหว่างทำการปิดปรับปรุง SuperPark Thailand เนื่องจากมีการซ่อมบำรุงระบบน้ำ และระบบไฟที่เกิดปัญหาขึ้นจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าเบื้องต้นจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์
สำหรับ SuperPark Thailand เป็นสวนสนุกในร่ม สไตล์กีฬากว่า 25 ชนิดสุดฮิตจากประเทศฟินด์แลนด์ที่แรกในเมืองไทย ทั้งนี้ SuperPark เริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.2012 โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่มาใช้บริการ หลังจากนั้นไม่นาน SuperPark ตระหนักว่าสถานที่ที่ดีและสนุกสนานนี้ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่ในเมืองเล็กๆ ที่ได้ไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศฟินแลนด์ ดังนั้น SuperPark จึงได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมีสาขารวม 16 สาขาทั่วโลกเมื่อกลางปี ค.ศ.2019 โดยบริษัทได้ขยายสาขาใหม่ไปยังบอลติค, สวีเดน, จีน (ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้), สิงคโปร์, มาเลเซีย และไทย
โดยในปี ค.ศ.2020 มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 4-6 สาขาในภูมิภาคเอเชีย โดย SuperPark มีเป้าหมายในการขยายสาขารวมกว่า 100 สาขาภายในต้นปี 2020
รัฐบาลชวนปชช.ร่วม 'คนละครึ่ง' ยังเหลือสิทธิอีกเพียบ
https://www.dailynews.co.th/economic/802754
โฆษกรัฐบาล ชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ยังเหลือสิทธิลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีกกว่า 3 ล้านคน โดยวันนี้ (23 ต.ค.) เป็นวันแรกที่เริ่มใช้จ่ายได้แล้ว
นาย
อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ ประชาชนที่ผ่านการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง สามารถใช้จ่ายได้แล้ว โดยเริ่มวันนี้เป็นวันแรก จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยประชาชนสามารถจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าทั่วไป ไม่รวมสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบและบริการต่างๆ ในลักษณะการร่วมจ่าย (Co-pay) โดยปัจจุบัน มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 6,733,557 คน ในจำนวนนี้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งได้รับสิทธิใช้จ่ายตามโครงการจำนวน 6,402,927 คน ดังนั้น จึงยังคงเหลือสิทธิให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีกกว่า 3 ล้านคน
สำหรับประชาชนที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้ว ขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน “
เป๋าตัง” และยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย จากนั้นเติมเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องเติมครั้งเดียว 3,000 บาทจากนั้นจึงเข้าไปในแอปพลิเคชัน “
เป๋าตัง” ก็จะสามารถใช้สิทธิจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าทั่วไป กับผู้ประกอบการร้านค้าที่มีแอปพลิเคชัน “
ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ทันที ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ในช่วงเวลา 06.00 น. – 23.00 น.
สำหรับการใช้จ่ายแต่ละครั้งรัฐจะร่วมจ่ายครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน และไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ เช่น การใช้จ่ายในครั้งแรกหากต้องการจ่ายค่าอาหาร 200 บาทก็ต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 100 บาท เพื่อสแกนจ่ายเงินกับร้านค้า “ถุงเงิน” และรัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้าอีก 100 บาท หรือหากจะใช้จ่าย ค่าสินค้าจำนวน 400 บาท ก็ต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 250 บาท รัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้า 150 บาท
สำหรับร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบเข้าร่วมโครงการและมีแอปพลิเคชัน “
ถุงเงิน” แล้ว ขอให้อัพเดท แอปพลิเคชันให้เป็นปัจจุบันและกดปุ่มยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขโครงการผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าวก่อนด้วย เพื่อให้พร้อมรับการสแกนจ่ายเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนได้อย่างราบรื่น โดยขณะนี้มีร้านค้า ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 300,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถสังเกตร้านค้าดังกล่าว จากสัญลักษณ์โครงการคนละครึ่งที่หน้าร้านค้า หรือค้นหารายชื่อและที่ตั้งร้านค้าได้จากเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com อีกทางหนึ่ง
“ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลา 06.00 - 23.00 น. จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน เช่นเดียวกับร้านค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยกำลังเร่งประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกในการรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจโดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอยเข้าร่วมโครงการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้มีร้านค้ารองรับการใช้จ่ายของประชาชนจำนวนมากที่สุด”
JJNY : SuperPark ปิดถาวร/คนละครึ่งเหลือสิทธิเพียบ/เทพไทวอนพรรคการเมืองอย่าจัดม็อบเอง/เครือข่ายรามฯ จี้ตร.หาตัวคนทำร้าย
https://www.matichon.co.th/social/news_2408903
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่โลกออนไลน์กำลังให้ความสนใจ เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์บัญชี @khajochi https://twitter.com/khajochi เปิดเผยภาพถ่ายและข้อความที่ระบุว่า SuperPark Thailand ที่ไอคอนสยาม ประกาศปิดตัวแล้ว ทั้งนี้ ในป้ายประกาศได้ระบุว่า Super Park ได้ปิดให้บริการอย่างถาวรและปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้เช่าของไอคอนสยามแต่อย่างใด บริษัทฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า ไอคอนสยามมิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง มิได้ถือกรรมสิทธิ์ มิได้มีหุ้นส่วนใดๆ ท่านสมาชิกสามารถติดต่อซุปเปอร์พาร์คโดยตรงที่หมายเลข 0-2073-0917 หรืออีเมล์ enquiry@superpark.co.th ไอคอนสยามขอขอบพระคุณทุกท่าน และขออภัยในความไม่สะดวกจากการปิดให้บริการ ณ ที่นี้
อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ SuperPark Thailand https://www.facebook.com/superparkth/ ไม่ปรากฏข้อมูลอัพเดตเรื่องการปิดตัวถาวร โดยพบว่าโพสต์ชี้แจงล่าสุดคือเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 แจ้งความคืบหน้าระหว่างทำการปิดปรับปรุง SuperPark Thailand เนื่องจากมีการซ่อมบำรุงระบบน้ำ และระบบไฟที่เกิดปัญหาขึ้นจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าเบื้องต้นจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์
สำหรับ SuperPark Thailand เป็นสวนสนุกในร่ม สไตล์กีฬากว่า 25 ชนิดสุดฮิตจากประเทศฟินด์แลนด์ที่แรกในเมืองไทย ทั้งนี้ SuperPark เริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.2012 โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่มาใช้บริการ หลังจากนั้นไม่นาน SuperPark ตระหนักว่าสถานที่ที่ดีและสนุกสนานนี้ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่ในเมืองเล็กๆ ที่ได้ไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศฟินแลนด์ ดังนั้น SuperPark จึงได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมีสาขารวม 16 สาขาทั่วโลกเมื่อกลางปี ค.ศ.2019 โดยบริษัทได้ขยายสาขาใหม่ไปยังบอลติค, สวีเดน, จีน (ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้), สิงคโปร์, มาเลเซีย และไทย
โดยในปี ค.ศ.2020 มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 4-6 สาขาในภูมิภาคเอเชีย โดย SuperPark มีเป้าหมายในการขยายสาขารวมกว่า 100 สาขาภายในต้นปี 2020
รัฐบาลชวนปชช.ร่วม 'คนละครึ่ง' ยังเหลือสิทธิอีกเพียบ
https://www.dailynews.co.th/economic/802754
โฆษกรัฐบาล ชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ยังเหลือสิทธิลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีกกว่า 3 ล้านคน โดยวันนี้ (23 ต.ค.) เป็นวันแรกที่เริ่มใช้จ่ายได้แล้ว
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ ประชาชนที่ผ่านการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง สามารถใช้จ่ายได้แล้ว โดยเริ่มวันนี้เป็นวันแรก จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยประชาชนสามารถจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าทั่วไป ไม่รวมสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบและบริการต่างๆ ในลักษณะการร่วมจ่าย (Co-pay) โดยปัจจุบัน มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 6,733,557 คน ในจำนวนนี้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งได้รับสิทธิใช้จ่ายตามโครงการจำนวน 6,402,927 คน ดังนั้น จึงยังคงเหลือสิทธิให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีกกว่า 3 ล้านคน
สำหรับประชาชนที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้ว ขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย จากนั้นเติมเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องเติมครั้งเดียว 3,000 บาทจากนั้นจึงเข้าไปในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก็จะสามารถใช้สิทธิจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าทั่วไป กับผู้ประกอบการร้านค้าที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ทันที ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ในช่วงเวลา 06.00 น. – 23.00 น.
สำหรับการใช้จ่ายแต่ละครั้งรัฐจะร่วมจ่ายครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน และไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ เช่น การใช้จ่ายในครั้งแรกหากต้องการจ่ายค่าอาหาร 200 บาทก็ต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 100 บาท เพื่อสแกนจ่ายเงินกับร้านค้า “ถุงเงิน” และรัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้าอีก 100 บาท หรือหากจะใช้จ่าย ค่าสินค้าจำนวน 400 บาท ก็ต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 250 บาท รัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้า 150 บาท
สำหรับร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบเข้าร่วมโครงการและมีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว ขอให้อัพเดท แอปพลิเคชันให้เป็นปัจจุบันและกดปุ่มยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขโครงการผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าวก่อนด้วย เพื่อให้พร้อมรับการสแกนจ่ายเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนได้อย่างราบรื่น โดยขณะนี้มีร้านค้า ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 300,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถสังเกตร้านค้าดังกล่าว จากสัญลักษณ์โครงการคนละครึ่งที่หน้าร้านค้า หรือค้นหารายชื่อและที่ตั้งร้านค้าได้จากเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com อีกทางหนึ่ง
“ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลา 06.00 - 23.00 น. จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน เช่นเดียวกับร้านค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยกำลังเร่งประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกในการรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจโดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอยเข้าร่วมโครงการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้มีร้านค้ารองรับการใช้จ่ายของประชาชนจำนวนมากที่สุด”