เอา ”ความจริง” ชนะทุกสิ่ง
สิ่งที่คนรุ่นเก่าตั้งคำถามกับคนรุ่นใหม่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ที่มาพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ที่ฮอร์โมนกำลังฉีดแรง พลุ่งพล่าน การแสดงออก ที่ผิดแผก เป็นกลุ่มเป็นก้อน ทำในสิ่งเดียวกัน โดยที่มีผู้นำทางความคิดคนเดียวกัน เลียนแบบฮ่องกง ที่ใช้สื่อใหม่ หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือ ทำให้ดูเท่ห์ หล่อ สวย กล้าหาญ น่ายกย่อง
ลูกข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชน จึงต่างออกมาแสดงออกด้วยการเคลื่อนไหวทางการเมือง การจัดสรรอำนาจของรัฐบาลที่ยึด พรรคพวก เพื่อนฝูง คนใกล้ชิด เข้าไปมีอำนาจ ที่สุดท้ายละทิ้ง คนรักชาติ อีกกลุ่มหนึ่งและเยาวชน
ประกอบกับ การแสดงพฤติกรรม ที่ถูกขยี้ด้วยสื่อใหม่ ชุดความคิดอันเป็นลบ ต่อต้านคนรุ่นเก่า โกหกซ้ำๆจนเข้าใจว่าเรื่องโกหกเป็นเรื่องจริง
ลามปาม จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งใหญ่ อย่างที่เคยเตือนไว้ตลอดมา
การแก้ไขสถานการณ์ ให้ประเทศกลับสู่ปกติสุข ให้คนไทยกลับมารักกันอีกครั้ง กระทำได้ใน 2 ยุทธวิธี คือ พลเอกประยุทธ์ และคณะลาออก หรือต้องออกจากแผ่นดินไทย ไปลี้ภัยไปยังต่างประเทศ จัดการเลือกตั้งใหม่ ที่ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ฝ่ายนักการทหาร ฝ่ายจ้า จะพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เมื่อได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากฝ่ายทักษิณ เข้ามาปกครองประเทศ ก็จะเริ่มต้นทำการลิดรอนอำนาจ อำนาจทหาร อำนาจตุลาการ นิติบัญญัติ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เขาเตรียมไว้แล้วทั้งสิ้นเพียง 60 มาตรา
นิรโทษกรรมให้ทักษิณ เปลี่ยนการปกครอง เหมือนการปฏิวัติอิหร่าน หรือปฏิวัติอิสลาม ขับไล่ราชวงศ์ปาห์ลาวี นำ รูฮุลลอฮ์ โคมัยนี กลับมาเป็นประธานาธิบดี
สำหรับ การปฏิวัติอิหร่าน (หรือเรียก การปฏิวัติอิสลาม หรือการปฏิวัติ ค.ศ. 1979; เปอร์เซีย: انقلاب اسلامی, Enghelābe Eslāmi หรือ انقلاب بیست و دو بهمن) หมายถึง เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการโค่นราชวงศ์ปาห์ลาวีภายใต้พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา และการแทนที่ด้วยสาธารณรัฐอิสลามภายใต้รูฮุลลอฮ์ โคมัยนี ผู้นำการปฏิวัติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การฝ่ายซ้ายและอิสลามหลายแห่ง
และขบวนการ
นักศึกษาอิหร่าน เริ่มการเดินขบวนต่อต้านชาห์ในเดือนตุลาคม 2520 พัฒนาเป็นการรณรงค์การดื้อแพ่งซึ่งมีทั้งภาคฆราวาสและศาสนา ซึ่งบานปลายในเดือนมกราคม 2521 ระหว่างเดือนสิงหาคมและธันวาคม 2521 การนัดหยุดงานและการเดินขบวนทำให้ประเทศเป็นอัมพาต
ชา ออกนอกประเทศอิหร่านเพื่อลี้ภัยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2522 เปอร์เซียสุดท้าย ปล่อยภาระหน้าที่ให้สภาผู้สำเร็จราชการและนายกรัฐมนตรีที่อิงฝ่ายค้าน รัฐบาลเชิญรูฮุลลอฮ์ โคมัยนีก ลับประเทศอิหร่าน และกลับสู่กรุงเตหะรานซึ่งมีชาวอิหร่านหลายล้านคนรอต้อนรับ สิ้นสุดหลังวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เมื่อกองโจรและทหารกบฏชนะกำลังซึ่งภักดีต่อชา ในการสู้รบด้วยอาวุธตามถนน นำให้โคมัยนีเถลิงอำนาจอย่างเป็นทางการ อิหร่านออกเสียงลงคะแนนการลงประชามติทั่วประเทศให้เป็นสาธารณรัฐอิสลามเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2522และรับรองรัฐธรรมนูญเทวาธิปไตย-สาธารณรัฐนิยมฉบับใหม่ ซึ่งโคมัยนี กลายเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ ในเดือนธันวาคม 2522
การปฏิวัตินี้แปลกสำหรับความประหลาดใจที่สร้างไปทั่วโลก เพราะขาดสาเหตุการปฏิวัติดังที่เคยมีมา (เช่น แพ้สงคราม วิกฤตการณ์การเงิน กบฏชาวนาหรือกองทัพไม่พอใจ) เกิดในชาติที่มีความมั่งคั่งทางวัตถุและเจริญรุ่งเรืองค่อนข้างดี มีความเปลี่ยนแปลงลึกซึ้งด้วยความเร็วเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทำให้มีการลี้ภัยของชาวอิหร่าน
เทวาธิปไตยอำนาจนิยมต่อต้านตะวันตกโดยยึดมโนทัศน์ความอนุบาลของนักนิติศาสตร์อิสลาม (Guardianship of the Islamic Jurists หรือ velayat-e faqih) เป็นการปฏิวัติที่ค่อนข้างไม่รุนแรง และช่วยนิยามความหมายและการปฏิบัติของการปฏิวัติสมัยใหม่(แม้มีความรุนแรงให้หลังการปฏิวัติ)
ในปัจจุบันพบว่ามีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขรธน. ที่เขาเตรียมการประกาศใช้ในวันครบรอบวันรัฐธรรมนูญ ในปี 2564
และจัดการชุมนุมใหญ่ ยกเลิก รื้อล้าง ทุกอย่างที่ประวัติศาสตร์ไทยเคยทำมา เร่งเร้าสู่การเปลี่ยนแปลง ที่พวกเขานั้นได้เปรียบ โดยมีคนรุ่นใหม่ ประชาชน เป็นเครื่องมือ ตามหลักทฤษฎีเรดการ์ด ที่ผสมผสาน ทฤษฎีอันโตนิโอ กรัมชี่ ที่อ้างเสรีภาพ ภราดรภาพ ประชาธิปไตย ความเป็นมนุษย์ และทฤษฎีของ คาร์ล มาร์ก ที่ยึดหลัก ทัดเทียม เสมอภาค ยุติธรรม
ยุทธวิธีที่สอง รัฐบาลจะต้องยุติการสลายการชุมนุม หยุดจับกุมแกนนำตามจุดต่างๆ เพราะยิ่งทำ ยิ่งเร่งปฏิกิริยาเชิงการต่อต้าน ให้รุนแรงต่อต้านมากขึ้น เพราะจุดแข็งของคนรุ่นใหม่คือ มีความกล้าหาญ แต่ขาดซึ่งปัญญา ในขณะที่คนรุ่นเก่า มีปัญญา แต่ขาดความกล้าหาญ เดินหน้าสู้อย่างมั่นคง
ม๊อบที่ถูกแบ่งตามหลักวิชาการ ในการเปลี่ยนแปลงทางความคิดมีหลักสำคัญ สี่ประการคือ การปลูกฝังทางความคิด การครอบงำทางความคิด จนกลายเป็นอุดมการณ์ สู่การเคลื่อนไหวทางการเมือง จุดแข็งของม๊อบอุดมการณ์คือจะร่วมกันกระทำการในสิ่งที่มีจุดมุ่งหมายในสิ่งเดียวกัน เพียงได้รับสัญญาณที่มีเป้าหมายชัดเจน
การสลายชุดความคิดของ ม๊อบอุดมการณ์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด มีหลักคิดง่ายๆคือ “ความจริง” แล้วนำความจริงนั้น กลับไปสู่การปลูกฝัง ครอบงำ จนกลายเป็นอุดมการณ์ ในชุดความคิดที่ถูกต้อง ก็เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงหลักคิดได้มิยาก
ในภาคปฏิบัติการ รัฐบาลที่มีหน้าที่โดยตรง เพียงแค่ใช้หลักปฏิบัติง่ายๆ แบ่งเป็น 3 ระดับชั้น ประกอบด้วย ชั้นล่าง กลาง บน แบ่งเป็น 3 ระยะ สั้น กลาง ยาว
ระยะสั้น ออกคำสั่งให้นักการเมือง ทั้งนอกในประเทศเข้ารายงานตัว ให้ต่างชาติและคนในประเทศได้เห็นเชิงประจักษ์ ว่าใครคือผู้บงการ หากไม่มามีความผิด โทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท ในต่างประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานงาน ขอความช่วยเหลือ ส่งจนท.สถานทูตไปกดดัน เชิญตัวถึงที่พัก ตามหมายแดงประกาศในผู้ร้ายสากล (ในเฟสแรก)
ระยะกลาง ทำการจัดสรรอำนาจให้ลงตัว จัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศที่มาจากทุกฝ่าย เข้ามามีส่วนร่วม ตั้งครม.เอาคนนอก ที่มีกำลังเข้าร่วม ให้เกิดความมั่นคง
และจัดทำชุดความคิด ตั้งแต่ระดับ ล่าง กลาง บน ตั้งแต่การให้การศึกษา ให้ความรู้บนพื้นฐานของความจริง ในเรื่อง ทหาร รัฐบาล หน้าที่พลเมือง
ระยะยาว จัดการเคลื่อนไหวในระบบ จัดการแสดงออกในการรักชาติ ในทุกระดับชั้น ล่างกลาง และบน แม่นยำในการปลูกฝังในการรักชาติ ตามหลักชาตินิยม
ระดับล่าง เรียกระดมพลนักเรียนวิชาทหาร จัดฝึกอบรมให้ความรู้ เรียกกำลังพลสำรอง จัดฝึกอบรมให้ความรู้ในภาคสนาม และภาคปฏิบัติการ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย จัดฝึกอบรม ยุวจิตอาสา 904 ให้เข้าใจถึงการรักชาติ โดยจัดอบรมในภาคต่างๆ โดยให้ความรู้ในระดับแกนนำ นร. นศ.โดยตรง ปลูกชุดความคิดการรักชาติ เดินสวนสนามแสดงพลังในทุกปี จัดเครื่องแบบ เข็มประดับ ให้กับบุคคลที่ผ่านการอบรมในโครงการเหล่านี้ และจัดกิจกรรมให้แสดงออก
ระดับกลาง จัดชุดความคิดให้ ครู อาจารย์ แกนนำ ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ทุนการพัฒนา ในการสนับสนุนการปลูกฝังทางความคิด บังคับใช้กฎระเบียบ สถานศึกษา ครู อาจารย์ จะต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง
ระดับสูง ต้องจัดชุดความคิดหลัก ให้ผู้บริหารรัฐบาล ผู้นำเหล่าทัพ ฯลฯในองค์กรของรัฐ เน้น ประเทศไทยปกครองในระบอบ
หยุดใช้วาทกรรมโกหกซ้ำๆจนเข้าใจว่าเรื่องโกหกเป็นเรื่องจริง
ต่างจากประชาธิปไตย ที่จะมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
ในกระบวนการทั้งระยะสั้น กลาง ยาว บน กลาง ล่าง ต้องใช้สื่อใหม่เป็นเครื่องมือ ผลิตสื่อ ที่เข้าถึงเป้าหมาย แบบสั้นๆ ไม่ยาว เยิ่นเย้อ ต้องมีแหล่งที่มา นำบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ เข้าใจ เป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติ เดินสายทั้งนอกในประเทศ ใช้สื่อของรัฐ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สื่อใหม่ นำเสนอในชุดความคิดเดียวกัน ใช้วาทกรรม เช่น รวมพลคนรักชาติ ชาติคือความมั่นคงของเรา เป็นต้น
โดยใช้หลักชุด “ความจริง” ใช้สื่อเก่า และใหม่ นำเสนอในทิศทางเดียวกัน นำเสนอในแนวเดียวกัน แค่นี้ประเทศก็จะกลับมาสงบร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนก็จะยุติความขัดแย้งไปตามธรรมชาติ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สันติสุข ก็จะกลับคืนมา
“ รู้จักแผ่นดินถิ่นกำเนิด...”
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
19 ตุลาคม 2563
คลิก.
https://www.facebook.com/454886191215595/posts/3455429157827935/
เอา ”ความจริง” ชนะทุกสิ่ง สิ่งที่คนรุ่นเก่าตั้งคำถามกับคนรุ่นใหม่
สิ่งที่คนรุ่นเก่าตั้งคำถามกับคนรุ่นใหม่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ที่มาพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ที่ฮอร์โมนกำลังฉีดแรง พลุ่งพล่าน การแสดงออก ที่ผิดแผก เป็นกลุ่มเป็นก้อน ทำในสิ่งเดียวกัน โดยที่มีผู้นำทางความคิดคนเดียวกัน เลียนแบบฮ่องกง ที่ใช้สื่อใหม่ หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือ ทำให้ดูเท่ห์ หล่อ สวย กล้าหาญ น่ายกย่อง
ลูกข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชน จึงต่างออกมาแสดงออกด้วยการเคลื่อนไหวทางการเมือง การจัดสรรอำนาจของรัฐบาลที่ยึด พรรคพวก เพื่อนฝูง คนใกล้ชิด เข้าไปมีอำนาจ ที่สุดท้ายละทิ้ง คนรักชาติ อีกกลุ่มหนึ่งและเยาวชน
ประกอบกับ การแสดงพฤติกรรม ที่ถูกขยี้ด้วยสื่อใหม่ ชุดความคิดอันเป็นลบ ต่อต้านคนรุ่นเก่า โกหกซ้ำๆจนเข้าใจว่าเรื่องโกหกเป็นเรื่องจริง
ลามปาม จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งใหญ่ อย่างที่เคยเตือนไว้ตลอดมา
การแก้ไขสถานการณ์ ให้ประเทศกลับสู่ปกติสุข ให้คนไทยกลับมารักกันอีกครั้ง กระทำได้ใน 2 ยุทธวิธี คือ พลเอกประยุทธ์ และคณะลาออก หรือต้องออกจากแผ่นดินไทย ไปลี้ภัยไปยังต่างประเทศ จัดการเลือกตั้งใหม่ ที่ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ฝ่ายนักการทหาร ฝ่ายจ้า จะพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เมื่อได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากฝ่ายทักษิณ เข้ามาปกครองประเทศ ก็จะเริ่มต้นทำการลิดรอนอำนาจ อำนาจทหาร อำนาจตุลาการ นิติบัญญัติ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เขาเตรียมไว้แล้วทั้งสิ้นเพียง 60 มาตรา
นิรโทษกรรมให้ทักษิณ เปลี่ยนการปกครอง เหมือนการปฏิวัติอิหร่าน หรือปฏิวัติอิสลาม ขับไล่ราชวงศ์ปาห์ลาวี นำ รูฮุลลอฮ์ โคมัยนี กลับมาเป็นประธานาธิบดี
สำหรับ การปฏิวัติอิหร่าน (หรือเรียก การปฏิวัติอิสลาม หรือการปฏิวัติ ค.ศ. 1979; เปอร์เซีย: انقلاب اسلامی, Enghelābe Eslāmi หรือ انقلاب بیست و دو بهمن) หมายถึง เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการโค่นราชวงศ์ปาห์ลาวีภายใต้พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา และการแทนที่ด้วยสาธารณรัฐอิสลามภายใต้รูฮุลลอฮ์ โคมัยนี ผู้นำการปฏิวัติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การฝ่ายซ้ายและอิสลามหลายแห่ง
และขบวนการ
นักศึกษาอิหร่าน เริ่มการเดินขบวนต่อต้านชาห์ในเดือนตุลาคม 2520 พัฒนาเป็นการรณรงค์การดื้อแพ่งซึ่งมีทั้งภาคฆราวาสและศาสนา ซึ่งบานปลายในเดือนมกราคม 2521 ระหว่างเดือนสิงหาคมและธันวาคม 2521 การนัดหยุดงานและการเดินขบวนทำให้ประเทศเป็นอัมพาต
ชา ออกนอกประเทศอิหร่านเพื่อลี้ภัยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2522 เปอร์เซียสุดท้าย ปล่อยภาระหน้าที่ให้สภาผู้สำเร็จราชการและนายกรัฐมนตรีที่อิงฝ่ายค้าน รัฐบาลเชิญรูฮุลลอฮ์ โคมัยนีก ลับประเทศอิหร่าน และกลับสู่กรุงเตหะรานซึ่งมีชาวอิหร่านหลายล้านคนรอต้อนรับ สิ้นสุดหลังวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เมื่อกองโจรและทหารกบฏชนะกำลังซึ่งภักดีต่อชา ในการสู้รบด้วยอาวุธตามถนน นำให้โคมัยนีเถลิงอำนาจอย่างเป็นทางการ อิหร่านออกเสียงลงคะแนนการลงประชามติทั่วประเทศให้เป็นสาธารณรัฐอิสลามเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2522และรับรองรัฐธรรมนูญเทวาธิปไตย-สาธารณรัฐนิยมฉบับใหม่ ซึ่งโคมัยนี กลายเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ ในเดือนธันวาคม 2522
การปฏิวัตินี้แปลกสำหรับความประหลาดใจที่สร้างไปทั่วโลก เพราะขาดสาเหตุการปฏิวัติดังที่เคยมีมา (เช่น แพ้สงคราม วิกฤตการณ์การเงิน กบฏชาวนาหรือกองทัพไม่พอใจ) เกิดในชาติที่มีความมั่งคั่งทางวัตถุและเจริญรุ่งเรืองค่อนข้างดี มีความเปลี่ยนแปลงลึกซึ้งด้วยความเร็วเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทำให้มีการลี้ภัยของชาวอิหร่าน
เทวาธิปไตยอำนาจนิยมต่อต้านตะวันตกโดยยึดมโนทัศน์ความอนุบาลของนักนิติศาสตร์อิสลาม (Guardianship of the Islamic Jurists หรือ velayat-e faqih) เป็นการปฏิวัติที่ค่อนข้างไม่รุนแรง และช่วยนิยามความหมายและการปฏิบัติของการปฏิวัติสมัยใหม่(แม้มีความรุนแรงให้หลังการปฏิวัติ)
ในปัจจุบันพบว่ามีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขรธน. ที่เขาเตรียมการประกาศใช้ในวันครบรอบวันรัฐธรรมนูญ ในปี 2564
และจัดการชุมนุมใหญ่ ยกเลิก รื้อล้าง ทุกอย่างที่ประวัติศาสตร์ไทยเคยทำมา เร่งเร้าสู่การเปลี่ยนแปลง ที่พวกเขานั้นได้เปรียบ โดยมีคนรุ่นใหม่ ประชาชน เป็นเครื่องมือ ตามหลักทฤษฎีเรดการ์ด ที่ผสมผสาน ทฤษฎีอันโตนิโอ กรัมชี่ ที่อ้างเสรีภาพ ภราดรภาพ ประชาธิปไตย ความเป็นมนุษย์ และทฤษฎีของ คาร์ล มาร์ก ที่ยึดหลัก ทัดเทียม เสมอภาค ยุติธรรม
ยุทธวิธีที่สอง รัฐบาลจะต้องยุติการสลายการชุมนุม หยุดจับกุมแกนนำตามจุดต่างๆ เพราะยิ่งทำ ยิ่งเร่งปฏิกิริยาเชิงการต่อต้าน ให้รุนแรงต่อต้านมากขึ้น เพราะจุดแข็งของคนรุ่นใหม่คือ มีความกล้าหาญ แต่ขาดซึ่งปัญญา ในขณะที่คนรุ่นเก่า มีปัญญา แต่ขาดความกล้าหาญ เดินหน้าสู้อย่างมั่นคง
ม๊อบที่ถูกแบ่งตามหลักวิชาการ ในการเปลี่ยนแปลงทางความคิดมีหลักสำคัญ สี่ประการคือ การปลูกฝังทางความคิด การครอบงำทางความคิด จนกลายเป็นอุดมการณ์ สู่การเคลื่อนไหวทางการเมือง จุดแข็งของม๊อบอุดมการณ์คือจะร่วมกันกระทำการในสิ่งที่มีจุดมุ่งหมายในสิ่งเดียวกัน เพียงได้รับสัญญาณที่มีเป้าหมายชัดเจน
การสลายชุดความคิดของ ม๊อบอุดมการณ์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด มีหลักคิดง่ายๆคือ “ความจริง” แล้วนำความจริงนั้น กลับไปสู่การปลูกฝัง ครอบงำ จนกลายเป็นอุดมการณ์ ในชุดความคิดที่ถูกต้อง ก็เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงหลักคิดได้มิยาก
ในภาคปฏิบัติการ รัฐบาลที่มีหน้าที่โดยตรง เพียงแค่ใช้หลักปฏิบัติง่ายๆ แบ่งเป็น 3 ระดับชั้น ประกอบด้วย ชั้นล่าง กลาง บน แบ่งเป็น 3 ระยะ สั้น กลาง ยาว
ระยะสั้น ออกคำสั่งให้นักการเมือง ทั้งนอกในประเทศเข้ารายงานตัว ให้ต่างชาติและคนในประเทศได้เห็นเชิงประจักษ์ ว่าใครคือผู้บงการ หากไม่มามีความผิด โทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท ในต่างประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานงาน ขอความช่วยเหลือ ส่งจนท.สถานทูตไปกดดัน เชิญตัวถึงที่พัก ตามหมายแดงประกาศในผู้ร้ายสากล (ในเฟสแรก)
ระยะกลาง ทำการจัดสรรอำนาจให้ลงตัว จัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศที่มาจากทุกฝ่าย เข้ามามีส่วนร่วม ตั้งครม.เอาคนนอก ที่มีกำลังเข้าร่วม ให้เกิดความมั่นคง
และจัดทำชุดความคิด ตั้งแต่ระดับ ล่าง กลาง บน ตั้งแต่การให้การศึกษา ให้ความรู้บนพื้นฐานของความจริง ในเรื่อง ทหาร รัฐบาล หน้าที่พลเมือง
ระยะยาว จัดการเคลื่อนไหวในระบบ จัดการแสดงออกในการรักชาติ ในทุกระดับชั้น ล่างกลาง และบน แม่นยำในการปลูกฝังในการรักชาติ ตามหลักชาตินิยม
ระดับล่าง เรียกระดมพลนักเรียนวิชาทหาร จัดฝึกอบรมให้ความรู้ เรียกกำลังพลสำรอง จัดฝึกอบรมให้ความรู้ในภาคสนาม และภาคปฏิบัติการ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย จัดฝึกอบรม ยุวจิตอาสา 904 ให้เข้าใจถึงการรักชาติ โดยจัดอบรมในภาคต่างๆ โดยให้ความรู้ในระดับแกนนำ นร. นศ.โดยตรง ปลูกชุดความคิดการรักชาติ เดินสวนสนามแสดงพลังในทุกปี จัดเครื่องแบบ เข็มประดับ ให้กับบุคคลที่ผ่านการอบรมในโครงการเหล่านี้ และจัดกิจกรรมให้แสดงออก
ระดับกลาง จัดชุดความคิดให้ ครู อาจารย์ แกนนำ ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ทุนการพัฒนา ในการสนับสนุนการปลูกฝังทางความคิด บังคับใช้กฎระเบียบ สถานศึกษา ครู อาจารย์ จะต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง
ระดับสูง ต้องจัดชุดความคิดหลัก ให้ผู้บริหารรัฐบาล ผู้นำเหล่าทัพ ฯลฯในองค์กรของรัฐ เน้น ประเทศไทยปกครองในระบอบ
หยุดใช้วาทกรรมโกหกซ้ำๆจนเข้าใจว่าเรื่องโกหกเป็นเรื่องจริง
ต่างจากประชาธิปไตย ที่จะมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
ในกระบวนการทั้งระยะสั้น กลาง ยาว บน กลาง ล่าง ต้องใช้สื่อใหม่เป็นเครื่องมือ ผลิตสื่อ ที่เข้าถึงเป้าหมาย แบบสั้นๆ ไม่ยาว เยิ่นเย้อ ต้องมีแหล่งที่มา นำบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ เข้าใจ เป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติ เดินสายทั้งนอกในประเทศ ใช้สื่อของรัฐ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สื่อใหม่ นำเสนอในชุดความคิดเดียวกัน ใช้วาทกรรม เช่น รวมพลคนรักชาติ ชาติคือความมั่นคงของเรา เป็นต้น
โดยใช้หลักชุด “ความจริง” ใช้สื่อเก่า และใหม่ นำเสนอในทิศทางเดียวกัน นำเสนอในแนวเดียวกัน แค่นี้ประเทศก็จะกลับมาสงบร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนก็จะยุติความขัดแย้งไปตามธรรมชาติ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สันติสุข ก็จะกลับคืนมา
“ รู้จักแผ่นดินถิ่นกำเนิด...”
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
19 ตุลาคม 2563
คลิก. https://www.facebook.com/454886191215595/posts/3455429157827935/