🔴มาลาริน/18 ต.ค.ไทยพบโควิด7คน เป็นพม่า3อีก4 มาจากตปท./มาเลเซียพุ่ง 2 หมื่นคน/อนุทินบินแม่สอด/ไทยมีโอกาสต้นๆรับวัคซีน

ไทยป่วยโควิดเพิ่ม7เป็นพม่า3คนในจ.ตากอีก4มาจากตปท.

ศบค. เผย พบป่วยโควิด-19 เพิ่ม 7 ราย จาก 4 ประเทศ เป็นพม่า3 คนใน จ.ตาก ใกล้ชิดผู้ป่วย ยืนยันป่วยสะสม 3,686 คน รักษาหายแล้ว 3,481 คน

18 ตุลาคม 2020 - 11:49 น.



ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยตัวเลขประจำวันที่ 18 ต.ค.63 ว่า สถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยอยู่อันดับที่ 144 ของโลก พบผู้ป่วยใหม่ 7 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3,481 คน ยืนยันผู้ป่วยสะสม 3,686 คน รักษาอยู่ 146 คน และเสียชีวิตรวม 59 คน

โดยผู้ป่วยรายใหม่เดินทางมาจากประเทศสวีเดน 1 ราย เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 47 ปี อาชีพแม่บ้าน เข้าพัก Organizational Quarantine ที่กรุงเทพมหานคร

เดินทางมาจากประเทศสหราชอาณาจักร 1 ราย เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 39 ปี อาชีพนักธุรกิจ เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดสมุทรปราการ

เดินทางมาจากประเทศเบลเยียม 1 ราย เป็นผู้ป่วยชาย สัญชาติเบลเยียม อายุ 54 ปี อาชีพช่างเทคนิค เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดสมุทรปราการ

เดินทางมาจากประเทศเมียนมา 1 ราย เป็นผู้ป่วยชาย สัญชาติเมียนมา อายุ 33 ปี อาชีพพนักงานขับรถ ส่งตัวกลับไปรักษาที่ประเทศเมียนมา

และเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอีก 3 ราย เป็นผู้ป่วยชาย อายุ 1 ปี และผู้ป่วยหญิง อายุ 10 และ 23 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นมารดาและบุตร เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก

https://www.innnews.co.th/social/news_799079/

มาเลเซียติดโควิดทุบสถิติรายวัน ป่วยสะสมพุ่ง 2 หมื่นคน

สถิติผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 ในมาเลเซียเพิ่มเป็นมากกว่า 20,000 คนแล้ว หลังในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดยืนยันผู้ป่วย 871 คน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

อาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563 เวลา 18.07 น.



ขณะที่สถิติสะสมของผู้ที่หายป่วยแล้วมีจำนวนอย่างน้อย 13,262 คน เพิ่มขึ้น 701 คน อย่างไรก็ตาม ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอีก 7 คน เพิ่มสถิติผู้เสียชีวิตสะสมเป็นอย่างน้อย 187 คน โดยผู้เสียชีวิตกลุ่มล่าสุดเป็นชาวมาเลเซีย 5 คน และชาวต่างชาติ 2 คน ผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีอายุระหว่าง 41-70 ปี และมีเพียง 3 คนเท่านั้นซึ่งไม่มีประวัติเรื่องโรคประจำตัว
 
ทั้งนี้ นพ.นูร์ ฮิชาม กล่าวด้วยว่า จุดศูนย์กลางของโรคยังคงอยู่ที่รัฐซาบาห์และรัฐสลังงอร์ สถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้ถือเป็น "ระลอกที่สาม" และกำลังเป็นภาวะท้าทายอย่างมาก พร้อมทั้งยืนยันว่าหน่วยงานทุกแห่งที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือทั้งในด้านบุคลากรและเครื่องมือแพทย์ แต่สิ่งสำคัญซึ่งไม่สามารถละทิ้งได้ คือความร่วมมือจากภาคประชาชน เพื่อลดอัตราการติดเชื้อภายในชุมชนให้ได้มากที่สุด

อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/foreign/801801

'อนุทิน'บินด่วนแม่สอดหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด5ราย



18 ต.ค.63-  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เดินทางตรวจราชการที่อำเภอแม่สอด จ.ตาก ด้วยเครื่องบินส่วนตัว โดยได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาปฏิบัติงานบริเวณด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 มีนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก 1 และ นายศุภภิมิตร เปาริก รอง ผวจ.ตาก 2  พันเอกประสาน เห็นประเสริฐ ผู้บังคับการ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด นายแพทย์ศรายุธ อุตตมางคพงศ์. ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 พิษณุโลก นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้การต้อนรับ ในการเยี่ยมชมรถตรวจโรคชีวนิรภัยและรถขนส่งสินค้าของเมียนมาที่เข้ามารับสินค้าหน้าด่านพรมแดน จากนั้นเดินทางไปตรวจศูนย์ local Quarantine ในพื้นที่ก่อนจะเดินทางไปมอบนโยบายให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่สอด 

นายอนุทิน  กล่าวว่า ประสิทธิภาพการคัดกรองผู้ป่วยของเราสูงมาก การคัดกรองของหน่วยงานแม่สอดหากไม่ใช่คนลักลอบเข้ามาเมืองแล้วโควิด-19 จะไม่มีทางจะหลุดรอดไปได้เราจะตรวจเจอหมด เพราะระบบเราดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะเราส่งรถตรวจชีวนิรภัยพระราชทาน มาสนับสนุนความแม่นยำในการตรวจคัดกรอง ซึ่งการติดเชื้อก็มาจากการลักลอบเข้าเมือง ส่วนทั้ง 5 รายที่เราตรวจพบเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ทางการแพทย์มีรายงานเลยว่าโอกาสแพร่เชื้อยาก อย่าไปตื่นตระหนกจนเกินเหตุ เราเอาอยู่ไม่ต้องกังวล

https://www.dailynews.co.th/foreign/801801

ข่าวดี!ไทยมีโอกาสได้รับวัคซีนโควิด-19ลำดับต้นๆของโลก



18 ต.ค.63-น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทย โดยมีความพยายามผลัดดันให้ประชาชนชาวไทย เป็นประเทศแรกๆของโลกที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 

ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) การผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด โดยวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด  จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งการผลิตวัคซีนนั้น มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือนี้ ไทยและอ๊อกซฟอร์ด จะใช้โรงงานของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นแหล่งผลิตวัคซีน โดยการลงนามครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือด้วยการประสานงานของเอสซีจี ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมงานด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดมายาวนาน และในหนังสือแสดงเจตจำนงดังกล่าว มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดยังได้ให้สิทธิประเทศไทยในการจัดจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านการสาธาณสุข มีความสามารถที่จะใช้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมีความสำคัญต่อประชากรโลก และจะทำให้คนไทยได้รับวัคซีนเป็นประเทศแรกๆของโลก นอกจากนี้ ยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัย ซึ่งแสดงถึงความคืบหน้าไปอีกขั้นในการจัดหาวัคซีนวิจัยมาใช้ในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
 
"นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมจัดหาวัคซีนหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็น การจองล่วงหน้าจากต่างประเทศ และสนับสนุนการผลิตวัคซีนภายในประเทศ เพื่อให้ได้วัคซีนอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยเล็งเห็นว่าวัคซีน มีความสำคัญในการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งยังคงแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกขณะนี้" 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมเรื่องสาธารณสุขและการรับมือกับโควิด-19 รัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องงบประมาณ ซึ่งนอกจากการจัดสรรวงเงินตามเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่มีการจัดสรรไว้ให้ใช้ด้านสาธารณสุข รวมถึงการพัฒนาวัคซีนวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ยังมีการจัดสรรงบกลางฯในปี 2564 อีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย

https://www.thaipost.net/main/detail/80993

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่