ประสบการณ์ฝึกสติตามสายหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และเห็นผีพรายริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อขึ้นปี 4 ปี 2551 หลังจากกลับจากการปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุง ผมยังฝึกดวงแก้วอยู่ ในปีนั้นได้รู้จักพี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬา พี่ได้ชวนผมและเพื่อนๆรวม 5 คนไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่อัมรา ที่ จ.อยุธยา สายหลวงพ่อปราโมทย์ 3 วัน 3 คืน ไปกับนิสิตแพทย์ จุฬา เป็นผู้หญิงทั้งหมด ส่วนพวกผมเป็นผู้ชาย สถานปฏิบัติธรรมอยู่กลางป่าช้า อีกฝั่งติดแม่น้ำเจ้าพระยา (มีโกฐเก็บอัฐิเต๋มไปหมดเรียก ป่าช้าป่าวครับ) เค้าจัดให้พวกผมนอนชั้นล่างสุด มองไปเห็นโกฐเก็บอัฐิเต็มไปหมดแต่ไม่ได้กลัวอะไร ชั้น 2 เป็นที่ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้หญิงนอนชั้น 3 ก็ลองปฏิบัติตามสายหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งท่านเน้นการฝึกสติ ไม่มีการให้นั่งสมาธินะครับ ปฏิบัติอยู่ 3 วันไม่มีอะไร เพราะผมแอบมานั่งสมาธิ (กสิณ) ช่วงเย็น วันสุดท้ายเพื่อน 4 คนชวนกันซื้อดอกไม้ไปไหว้ศาลพระภูมิอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนตัวผมขอมานั่งสมาธิคนเดียวที่ห้อง เตียงผมจะอยู่ฝั่งติดแม่น้ำ นั่งไปสักพักประมาณ 30 นาที จิตเริ่มเป็นสมาธิ เห็นใบหน้าสีเขียว ผมสีแดงฟูสยาย ตัวสีเขียว แต่ตา จมูก เค้าเล็กมากๆจนเหมือนไม่มีหน้า (ตามรูป) ยื่นใบหน้าเข้ามาหาผมแบบใกล้มากๆ เหมือนจะให้กลัวไม่รู้โกรธเพราะผมไม่ไปไหว้หรือเพราะเหตุใด แต่จิตเป็นสมาธิจึงไม่ได้กลัวอะไร เผอิญเพื่อน 4 คนกลับมาพอดี จึงออกจากสมาธิ แล้วอุทานว่า “กูเจอและ” แต่ไม่ได้พูดอะไร เพื่อนที่เปิดพระโอษฐ์ที่เรียนเก่งที่สุดนอนอีกฝั่งติดป่าช้า (เป็น 5 เตียงเรียงกัน) นั่งสมาธิทันที หลังจากออกจากสมาธิ อุทานว่า “ใช่ตัวเขียวๆไม่มีหน้าใช่ไหม” ผมคิดในใจ เปะเลย เพื่อนพูดมาเหมือนที่เห็นมากๆ คืนนั้นเพื่อนหลายคนคงนอนไม่หลับแต่ผมหลับปกตินะครับ หลังจากกลับครบ 3 วัน วันที่ 4 พวกผมก็ขอนั่งรถจากอยุธยาไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน 1 วัน (หลวงพ่อจรัญ) เนื่องจากไม่ถูกจริตเลยหนีกัน แล้วไปปฏิบัติที่วัดท่าซุงอีก 4 วัน จึงค่อยกลับกรุงเทพ
หลังจากกลับกรุงเทพไม่นาน พี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬาก็ชวนผมไปกราบพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่วัดสันติธรรม ชลบุรี ได้เจอหลวงพ่อครั้งแรกรู้สึกเลื่อมใสมาก พระอาจารย์ปราโมทย์นั่งอยู่กลางอุโบสถ มีญาติโยมนั่งอยู่เต็มอุโบสถไปหมด พระอาจารย์ท่านก็เทศนาธรรม ผมก็ภาวนากสิณดวงแก้วใสไปด้วย เมื่อท่านเทศเสร็จท่านก็เปิดโอกาสให้ญาติโยม ส่งการบ้าน ถามปัญหาธรรม
หลายคนในอุโบสถทยอยกันถามจนเกือบหมด ผมก็นั่งภาวนาไปด้วย เมื่อไม่มีคนถาม ผมจึงออกจากสมาธิแล้วถามหลวงพ่อคำเดียวว่า “ผมปฏิบัติถูกไหมครับพระอาจารย์”
ท่านมองมาที่ผมแวบเดียวแล้วพูดว่า “ดวงแก้วที่เห็นอ่า จิตเป็นฌานถ้าตายไประวังเป็นพระพรหมนะ” ท่านพูดติดตลกว่า “พระพรหมต้องมาอยู่เฝ้าแถวสี่แยกราชประสงค์นะ” ญาติโยมในอุโบสถก็หัวเราะกัน แต่ผมฟังแล้วขนลุกมาก พระอาจารย์ต้องหยั่งรู้วาระจิตผมแน่ๆ เพราะผมไม่ได้พูดอะไรเลย
ตอนมีดวงแก้วอยู่ตอนนั้นคิดอะไรอยากได้อะไรอธิฐานขอกับดวงแก้วก็สมหวังทุกประการจนหน้าอัศจรรย์ใจ มีครั้งหนึ่งอยากได้หนังสือเล่มหนึ่งมากๆ แต่ไม่มีเงินซื้อ จึงอธิฐานขอในใจไม่ได้บอกใคร กลับมาที่หอเพื่อนเอาหนังสือเล่มนั้นมาวางที่โต๊ะผมแล้วบอกว่าอยากเอามาให้ผมอ่าน ตอนเรียนปี 4 เครียดมากๆ จึงไม่มีเวลาปฏิบัติ จนกระทั่งเรียนจบ ดวงแก้วก็เลือนหายไป แล้วผมก็ไม่เห็น ผี อีกเลย
ประสบการณ์ฝึกสติตามสายหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
เมื่อขึ้นปี 4 ปี 2551 หลังจากกลับจากการปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุง ผมยังฝึกดวงแก้วอยู่ ในปีนั้นได้รู้จักพี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬา พี่ได้ชวนผมและเพื่อนๆรวม 5 คนไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่อัมรา ที่ จ.อยุธยา สายหลวงพ่อปราโมทย์ 3 วัน 3 คืน ไปกับนิสิตแพทย์ จุฬา เป็นผู้หญิงทั้งหมด ส่วนพวกผมเป็นผู้ชาย สถานปฏิบัติธรรมอยู่กลางป่าช้า อีกฝั่งติดแม่น้ำเจ้าพระยา (มีโกฐเก็บอัฐิเต๋มไปหมดเรียก ป่าช้าป่าวครับ) เค้าจัดให้พวกผมนอนชั้นล่างสุด มองไปเห็นโกฐเก็บอัฐิเต็มไปหมดแต่ไม่ได้กลัวอะไร ชั้น 2 เป็นที่ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้หญิงนอนชั้น 3 ก็ลองปฏิบัติตามสายหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งท่านเน้นการฝึกสติ ไม่มีการให้นั่งสมาธินะครับ ปฏิบัติอยู่ 3 วันไม่มีอะไร เพราะผมแอบมานั่งสมาธิ (กสิณ) ช่วงเย็น วันสุดท้ายเพื่อน 4 คนชวนกันซื้อดอกไม้ไปไหว้ศาลพระภูมิอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนตัวผมขอมานั่งสมาธิคนเดียวที่ห้อง เตียงผมจะอยู่ฝั่งติดแม่น้ำ นั่งไปสักพักประมาณ 30 นาที จิตเริ่มเป็นสมาธิ เห็นใบหน้าสีเขียว ผมสีแดงฟูสยาย ตัวสีเขียว แต่ตา จมูก เค้าเล็กมากๆจนเหมือนไม่มีหน้า (ตามรูป) ยื่นใบหน้าเข้ามาหาผมแบบใกล้มากๆ เหมือนจะให้กลัวไม่รู้โกรธเพราะผมไม่ไปไหว้หรือเพราะเหตุใด แต่จิตเป็นสมาธิจึงไม่ได้กลัวอะไร เผอิญเพื่อน 4 คนกลับมาพอดี จึงออกจากสมาธิ แล้วอุทานว่า “กูเจอและ” แต่ไม่ได้พูดอะไร เพื่อนที่เปิดพระโอษฐ์ที่เรียนเก่งที่สุดนอนอีกฝั่งติดป่าช้า (เป็น 5 เตียงเรียงกัน) นั่งสมาธิทันที หลังจากออกจากสมาธิ อุทานว่า “ใช่ตัวเขียวๆไม่มีหน้าใช่ไหม” ผมคิดในใจ เปะเลย เพื่อนพูดมาเหมือนที่เห็นมากๆ คืนนั้นเพื่อนหลายคนคงนอนไม่หลับแต่ผมหลับปกตินะครับ หลังจากกลับครบ 3 วัน วันที่ 4 พวกผมก็ขอนั่งรถจากอยุธยาไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน 1 วัน (หลวงพ่อจรัญ) เนื่องจากไม่ถูกจริตเลยหนีกัน แล้วไปปฏิบัติที่วัดท่าซุงอีก 4 วัน จึงค่อยกลับกรุงเทพ
หลังจากกลับกรุงเทพไม่นาน พี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬาก็ชวนผมไปกราบพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่วัดสันติธรรม ชลบุรี ได้เจอหลวงพ่อครั้งแรกรู้สึกเลื่อมใสมาก พระอาจารย์ปราโมทย์นั่งอยู่กลางอุโบสถ มีญาติโยมนั่งอยู่เต็มอุโบสถไปหมด พระอาจารย์ท่านก็เทศนาธรรม ผมก็ภาวนากสิณดวงแก้วใสไปด้วย เมื่อท่านเทศเสร็จท่านก็เปิดโอกาสให้ญาติโยม ส่งการบ้าน ถามปัญหาธรรม
หลายคนในอุโบสถทยอยกันถามจนเกือบหมด ผมก็นั่งภาวนาไปด้วย เมื่อไม่มีคนถาม ผมจึงออกจากสมาธิแล้วถามหลวงพ่อคำเดียวว่า “ผมปฏิบัติถูกไหมครับพระอาจารย์”
ท่านมองมาที่ผมแวบเดียวแล้วพูดว่า “ดวงแก้วที่เห็นอ่า จิตเป็นฌานถ้าตายไประวังเป็นพระพรหมนะ” ท่านพูดติดตลกว่า “พระพรหมต้องมาอยู่เฝ้าแถวสี่แยกราชประสงค์นะ” ญาติโยมในอุโบสถก็หัวเราะกัน แต่ผมฟังแล้วขนลุกมาก พระอาจารย์ต้องหยั่งรู้วาระจิตผมแน่ๆ เพราะผมไม่ได้พูดอะไรเลย
ตอนมีดวงแก้วอยู่ตอนนั้นคิดอะไรอยากได้อะไรอธิฐานขอกับดวงแก้วก็สมหวังทุกประการจนหน้าอัศจรรย์ใจ มีครั้งหนึ่งอยากได้หนังสือเล่มหนึ่งมากๆ แต่ไม่มีเงินซื้อ จึงอธิฐานขอในใจไม่ได้บอกใคร กลับมาที่หอเพื่อนเอาหนังสือเล่มนั้นมาวางที่โต๊ะผมแล้วบอกว่าอยากเอามาให้ผมอ่าน ตอนเรียนปี 4 เครียดมากๆ จึงไม่มีเวลาปฏิบัติ จนกระทั่งเรียนจบ ดวงแก้วก็เลือนหายไป แล้วผมก็ไม่เห็น ผี อีกเลย