สวัสดีค่ะ เราคบกับแฟนมาได้ระยะหนึ่ง และกำลังจะวางแผนอนาคตหลังแต่งงานกัน อายุก็เข้าเลข 3 ทั้งคู่แล้ว เป็นลูกคนเดียวทั้งคู่
ปัจจุบันเรากับแฟนอยู่บ้านบุพการีของตัวเอง แต่ด้วยความที่อยากจัดงานแต่งก่อนซื้อบ้าน/สร้างบ้าน (เก็บตังกันไม่ทันจ่ายทั้งสองอย่างจริงๆ ค่ะ) เลยอยากที่จะอยู่บ้านใครบ้านมันไปก่อน สาเหตุก็เพราะ...
- เราไม่คุ้นชินกับธรรมชาติการอยู่อาศัยของบ้านแฟนเลย ถึงสามารถแวะเยี่ยมได้ตามปกติและไม่มีปัญหากับทางครอบครัวแฟน แต่อะไรหลายๆ อย่างเราก็ไม่เข้าใจ เช่น วัฒนธรรมคนจีนที่แฟนเราซึ่งคือลูกชายไม่ต้องทำอะไร ญาติพี่น้องผู้หญิงจัดการหมด ถ้าเราไปนานๆ ครั้ง เราพอปรับตัวให้เข้ากับธรรมเนียมนี้ได้ชั่วคราว แต่ถ้าเป็นกิจวัตรทุกวันเราไม่โอเค รู้สึกไม่เท่าเทียม เราเคยคุยกับแฟนว่า ถ้าแยกไปอยู่บ้านของเราสองคน ทุกอย่างต้องช่วยกันนะ เขาก็รับปาก (นี่เป็นอีกเหตุผลที่เราบอกที่บ้านเราว่า ไม่เอาสินสอดแม้แต่บาทเดียว ค่าจัดงานแต่งก็ออกคนละครึ่ง เพราะเรากลัวว่าทางฝั่งนั้นจะคิดแบบโบราณๆ ว่า ให้สินสอดไปแล้วทางผู้หญิงก็ต้องมาอยู่ดูแลฝั่งบ้านผู้ชาย ซึ่งเราคิดเสมอว่า "แล้วพ่อแม่เราล่ะ" เราเลยคิดว่าไม่ว่าเงินจะมากแค่ไหน บุพการีเราก็ไม่ยินดีกับการที่ลูกสาวต้องไปทำหน้าที่เหมือนคนรับใช้ในบ้านอื่น)
- ทางฝั่งแฟนก็ไม่สะดวกใจจะมาอยู่กับบ้านเรา ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กัน คือเรื่องของความต่างของการใช้ชีวิตในครอบครัวอื่น อีกปัจจัยคือบ้านเราก็ไม่ได้มีห้องกว้างขวางสำหรับการมีสมาชิกเพิ่มอีกคนด้วย
ซึ่งในเรื่องของบ้านในอนาคต เรากับแฟนก็จะหาบ้านที่สามารถเดินทางไปหาพ่อแม่ของแต่ละคนได้สะดวก เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ไปหาได้ทันที เรื่องเยี่ยมเยียนก็ไปอาทิตย์ละวัน โชคดีที่บ้านเรากับแฟนอยู่จังหวัดเดียวกัน ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัดค่ะ
ข้อมูลประมาณนี้ อยากทราบความเห็นของผู้ใหญ่ค่ะ ว่ามองกรณีนี้ยังไง ถ้าเป็นลูกๆ ท่านเอง ท่านจะอยากให้ไปอยู่ด้วยกันหรือแยกไปก่อนคะ หรือถ้าคู่สามีภรรยาคู่ไหนเคยใช้ชีวิตประมาณนี้ รบกวนแชร์ข้อดีข้อเสียมาก็ได้ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
แต่งงานแล้วแต่อยู่บ้านตัวเองไปก่อน รอเก็บเงินซื้อบ้านแยกออกมา ผู้ใหญ่มองอย่างไรคะ
ปัจจุบันเรากับแฟนอยู่บ้านบุพการีของตัวเอง แต่ด้วยความที่อยากจัดงานแต่งก่อนซื้อบ้าน/สร้างบ้าน (เก็บตังกันไม่ทันจ่ายทั้งสองอย่างจริงๆ ค่ะ) เลยอยากที่จะอยู่บ้านใครบ้านมันไปก่อน สาเหตุก็เพราะ...
- เราไม่คุ้นชินกับธรรมชาติการอยู่อาศัยของบ้านแฟนเลย ถึงสามารถแวะเยี่ยมได้ตามปกติและไม่มีปัญหากับทางครอบครัวแฟน แต่อะไรหลายๆ อย่างเราก็ไม่เข้าใจ เช่น วัฒนธรรมคนจีนที่แฟนเราซึ่งคือลูกชายไม่ต้องทำอะไร ญาติพี่น้องผู้หญิงจัดการหมด ถ้าเราไปนานๆ ครั้ง เราพอปรับตัวให้เข้ากับธรรมเนียมนี้ได้ชั่วคราว แต่ถ้าเป็นกิจวัตรทุกวันเราไม่โอเค รู้สึกไม่เท่าเทียม เราเคยคุยกับแฟนว่า ถ้าแยกไปอยู่บ้านของเราสองคน ทุกอย่างต้องช่วยกันนะ เขาก็รับปาก (นี่เป็นอีกเหตุผลที่เราบอกที่บ้านเราว่า ไม่เอาสินสอดแม้แต่บาทเดียว ค่าจัดงานแต่งก็ออกคนละครึ่ง เพราะเรากลัวว่าทางฝั่งนั้นจะคิดแบบโบราณๆ ว่า ให้สินสอดไปแล้วทางผู้หญิงก็ต้องมาอยู่ดูแลฝั่งบ้านผู้ชาย ซึ่งเราคิดเสมอว่า "แล้วพ่อแม่เราล่ะ" เราเลยคิดว่าไม่ว่าเงินจะมากแค่ไหน บุพการีเราก็ไม่ยินดีกับการที่ลูกสาวต้องไปทำหน้าที่เหมือนคนรับใช้ในบ้านอื่น)
- ทางฝั่งแฟนก็ไม่สะดวกใจจะมาอยู่กับบ้านเรา ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กัน คือเรื่องของความต่างของการใช้ชีวิตในครอบครัวอื่น อีกปัจจัยคือบ้านเราก็ไม่ได้มีห้องกว้างขวางสำหรับการมีสมาชิกเพิ่มอีกคนด้วย
ซึ่งในเรื่องของบ้านในอนาคต เรากับแฟนก็จะหาบ้านที่สามารถเดินทางไปหาพ่อแม่ของแต่ละคนได้สะดวก เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ไปหาได้ทันที เรื่องเยี่ยมเยียนก็ไปอาทิตย์ละวัน โชคดีที่บ้านเรากับแฟนอยู่จังหวัดเดียวกัน ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัดค่ะ
ข้อมูลประมาณนี้ อยากทราบความเห็นของผู้ใหญ่ค่ะ ว่ามองกรณีนี้ยังไง ถ้าเป็นลูกๆ ท่านเอง ท่านจะอยากให้ไปอยู่ด้วยกันหรือแยกไปก่อนคะ หรือถ้าคู่สามีภรรยาคู่ไหนเคยใช้ชีวิตประมาณนี้ รบกวนแชร์ข้อดีข้อเสียมาก็ได้ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ