[SR] รีวิว VIVO V20 PRO 5G บางเบาพร้อม Snapdragon 765G กล้องหน้าคู่ 44MP Eye Autofocus !


 
VIVO นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ต้องบอกว่ามีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆในเรื่องของกล้องทั้งในด้านหน้าและหลัง รวมถึงการถ่ายที่มีโหมดอะไรเข้ามาค่อนข้างหลากหลายมากขึ้น และในครั้งนี้ได้นำหน้าค่ายอื่นไปอีกเท่าตัวด้วยการใส่กล้องหน้าที่มีระบบ ออโต้โฟกัสในตัวพร้อมกับรองรับการ โฟกัสดวงตาที่ล้ำหน้าค่ายอื่นจริงๆครับให้มาที่ 44MP แน่นๆเลยทีเดียวและยังมาพร้อมเลนส์มุมกว้าง 8MP อีกตัว ส่วนทางด้านฟีเจอร์การถ่ายนั้นยังคงจัดเต็มเช่นเดิม และในด้านหลังก็ไม่น้อยหน้าใส่มาให้ที่ 64MP และ ยังมาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง ที่มี ออโต้โฟกัสอีกเช่นกันที่ 8MP พร้อมถ่ายมาโครได้ 2.5 เซนติเมตรเท่านั้นถือว่าโหดอย่างมากในเรทราคานี้รวมถึง สเปคอื่นๆยังคงให้มาเต็มที่และรองรับ 5G ด้วย และทางด้านชาร์จไว 33W ยังคงใส่เข้ามาให้ แต่ที่เด่นอีกเรื่องคืองานออกแบบที่เบา บาง และ ดีไซน์สวยหรูขึ้นแบบชัดเจน ฝาหลังเล่นสีสวยงามพร้อมวัสดุกระจกด้านทำให้ เป็นมือถือที่ลงตัวในหลายๆอย่างโดยเฉพาะกล้องหน้า
 

 

 
VIVO V20 PRO 5G เปิดตัวมาด้วยสเปคที่ถือว่าเพียงพอและเหลือในการใช้งานโดยเฉพาะกล้องหน้าที่โหดที่สุดในบรรดามือถือเรทราคานี้ รวมถึงเด่นเกินหน้าเรือธงค่ายอื่นแบบชัดเจนครับ ทางด้านสเปคนั้นมาพร้อมกับ  Snapdragon 765G  รองรับการใช้งาน 5G ทั้งแบบ SA และ NSA พร้อมกับ ระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Liquid Cooling และใช้งาน RAM 8GB LPDDR4X รวมถึง 128GB UFS 2.1 ครับ ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 20:9 มีอัตราส่วนที่ 91.2% รองรับการแสดงผลแบบ HDR10  และ ใช้งาน 3,000,000:1 Contrast Ratio  รองรับความสว่างสุงสุด 600NITS อีกทั้งในเรื่องของระบบเสียงตัดรู 3.5มม.ออกไปแล้วแต่ก็ยังรองรับ Hi-Res Audio อยู่ครับ และทางด้านกล้องหน้าให้มาที่  2 ตัว 44MP และ กล้อง Ultra-Wide 8MP มุมกว้าง 105 องศา รองรับ Eye Autofocus ถือว่าโหดมากๆและยังมาพร้อมกับรองรับ 4K 60FPS อีกด้วย ส่วนทางด้านกล้องหลังให้มาแน่นๆที่ กล้องหลัก 64MP F1.8 + เลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8MP F2.2 (Ultra wide) ใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร เพียง 2.5 ซม. และ จับระยะในตัว พร้อม Auto Focus  + เลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องขาวดำ) และทางด้านแบตนั้นแอบน้อยลงนิดหน่อยให้มาที่ แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับชาร์จไว Vivo Flash Charge 2.0 33W ครับ และยังคงใช้งาน USB-C และตัวเครื่องบางแค่ 7.39 มม.เท่านั้น ถือว่าเป็น สมาร์ทโฟน 5G ที่บางที่สุดเลยทีเดียวครับรุ่นนี้
 

 

 

 
VIVO V20 PRO 5G
เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 14,999 บาท
สี Midnight Jazz สีดำ // Sunset Melody ไล่สี // Moonlight Sonata สีขาว
 

 

 
UNBOX
 
    - ตัวเครื่อง VIVO V20 PRO 5G
    - เคสใส TPU
    - ที่ชาร์จ VIVO FLASHCHARGE 2.0 33W
    - สายชาร์จ USB-C
    - หูฟัง In-Ear
    - ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
    - คู่มือ ที่จิ้มซิม
 

 

 

 
เคสถือว่ามีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าแต่ครั้งนี้ เหมือนจะทำวัสดุออกมาได้ดี ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จไม่มีจุกปิดมาให้แล้วครับ และ เคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำครับ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกกระแทกแต่ก็ทำให้ไม่หนักมากเกินไป
 

 

 
จะเห็นว่าตัวเคสนั้นมีการปกป้องได้ดีพอสมควรในเรื่องเลนส์กล้องและหน้าจอ แต่อาจจะไม่ได้สูงหนาขึ้นมามากนักแต่ก็ถือว่าพ้นระยะเวลาวางคว่ำหรือใช้งานได้ดีพอสมควรเลยครับสำหรับเคสที่แถมมาให้ในกล่องรุ่นนี้ ขอบเครื่องมีการเพิ่มความหนาเข้ามาให้ทำให้เรื่องของการปกป้องเวลาตกอะไรทำได้ดีเลยแหละ ส่วนตัวพอร์ตไม่มีจุกปิดกันฝุ่นมาให้แล้วจริงๆถือว่าชอบแบบนี้มากกว่าเพราะเวลาใช้งานนั้นแบบไม่มีจุกจะใช้งานได้สะดวกกว่าเยอะมากพอสมควรครับ
 

 
DESIGN
 
งานออกแบบในรุ่นนี้จะเป็นตัวที่ใช้งานสีที่เรียกว่าสี Midnight Jazz เป็นโทนสีเทาดำเล่นกับแสงได้สวยงามพร้อมกับใช้งานวัสดุกระจกด้าน AG Matte Glass เล่นกับแสงสวยงามมากครับและจะสะท้อนออกมาเนียนๆนุ่มๆนิดหน่อยเป็นโทนสี สีดำลึกลับ และในด้านหน้าขอบจอที่มาพร้อมความโค้ง 2.5D ความหนาเพียง 7.39 มม. น้ำหนัก170กรัม ถือว่าเป็นรุ่นที่บางมากๆ และ ด้านหน้านั้นเป็นหน้าจอแบบติ่งตรงกลางพร้อมกล้องหน้า คู่รวมถึงในด้านหลังนั้นเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายนี้เป็นเลนส์หลักขนาดใหญ่และเล่นกับขอบสีกล้องสวยงามพอสมควร
 

 
หน้าจอนั้นแอบเสียดายไม่ใช่หน้าจอเจาะรูแล้วแต่ก็อาจจะเป็นข้อจำกัดในการใส่กล้องหน้าที่มี Eye Autofocus เข้ามาให้นั้นเองเลยทำให้ต้องมีพื้นที่พอสมควรครับ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นจะเป็นหน้าจอ  หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 20:9 + HDR10 สูงสุด 600NITS ถือว่าสวย คุณภาพ งามเช่นเดิม
 

 
ขอบหน้าจอด้านบนนั้นกลับมาใช้งานดีไซน์แบบติ่งหน้าจอพร้อมกับ แทรกลำโพงไว้ขอบบนรวมถึง กล้องหน้า 44MP F2.0 พร้อมระบบโฟกัส EYE AF + 8MP F2.2 (Ultra wide) อาจจะดูย้อนยุคไปนิดๆในส่วนนี้แอบเสียดาย
 

 
ส่วนขอบด้านล่างนั้นถือว่าทำได้บางพอสมควรเมื่อเทียบกับราคาตัวนี้ครับ พร้อมกับปุ่มควบคุมแบบพื้นฐาน หรือจะใช้งานควบคุมแบบเต็มหน้าจอได้ทั้งหมดเลยถือว่ารองรับได้สบายๆและดีไซน์ขอบหน้าจอข้างๆก็บางพอสมควรเลยครับ
 

 
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีความสมมาตรพอสมควรครับและฝาหลังนั้นเรียบเป็นแนวระนาบทั้งหมดเลยพร้อมกับขอบเครื่องที่มีการเล่นกับโครมเมี่ยมเงาสวยงามทำให้ดูตัดกับฝาหลังแบบด้านได้สวยและดูพรีเมี่ยมอย่างมากครับ
 

 
ตัวขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นไมค์ รับเสียง ตัดเสียงมาให้ด้วย รวมถึงกล้องหลังก็ไม่ได้นูนเยอะแบบที่คิดไว้ครับส่วนนี้
 

 
ในด้านขวาของตัวเครื่องนั้นจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงสำหรับการใช้งาน และปุ่ม Power สำหรับการเปิดปิดเครื่องที่มีการเล่น Texture สวยงามและกดได้ง่ายมีความรู้สึกแตกต่างกับปุ่มทั่วไปอยู่พอสมควรเลยครับในด้านขวาข้างนี้
 

 
ถาดซิมอยู่ในด้านท้ายเครื่องพร้อมกับ มี ไมค์ตัดเสียง รับเสียงมาให้และใช้งาน USB-C พร้อมกับ ลำโพงหลักด้านนี้
 

 
ฝาหลังในรุ่นนี้ถือว่าเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน นอกเหนือจากวัสดุแล้วที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดๆนั้นคงหนีไม่พ้นกับตัวกล้อง และการวางที่แปลกใหม่และดีไซน์สวยแบบรุ่นพี่ X50 เลยนั้นเอง อีกทั้งวัสดุฝาหลังนั้นเป็นแบบด้าน เล่นแสงสีสวยงาม โดยใช้งานวัสดุ AG Matte Glass เพิ่มความสวยงาม หรูหรา ให้กับตัวเครื่อง พร้อมทั้งให้คุณสัมผัสถึงความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น  ด้วยพื้นผิวที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน อีกทั้งเทคโนโลยี AF ที่ช่วยป้องกันโทรศัพท์ของคุณจากรอยนิ้วมือถือว่าเป็นฝาหลังที่สวยและโดดเด่นอย่างมากแม้จะเป็นสีดำก็ตามแต่ดูสวยเอาเรื่อง
 

 
กล้องหลังถูกจัดวางอย่างระเบียบเป็นชั้นบางๆวางเลเยอร์สเต็ปขั้นแรกเป็นสีดำคลาสสิกที่บรรจุตัวกล้องไว้ ขั้นที่สองคือฐานกรอบตกแต่งโดยรอบที่มีสีกลมกลืนกับฝาครอบ ขั้นที่สามคือฝาหลังที่ใช้ครอบทั้งหมด  กล้องหลัก 64MP F1.8 + เลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8MP F2.2 (Ultra wide) ใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร เพียง 2.5 ซม. และ จับระยะในตัว พร้อม Auto Focus  + เลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องขาวดำ) ถือว่าดีไซน์สวยงามและมีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างมาก จะคล้ายๆกับรุ่นพี่เลยทีเดียวและเลนส์หลักนั้นมีความใหญ่สวยงามชัดเจนมากๆครับ
 

 
SPEC
 
    - Android 10 + FuntouchOS 11
    - หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 20:9 + HDR10 สูงสุด 600NITS
    - CPU Snapdragon 765G 5G
    - Qualcomm Adreno 620
    - RAM 8GB (LPDDR4x)
    - ความจุ 128GB  (UFS 2.1) รองรับ MicroSD Card Triple Slot
    - กล้องหลัก 64MP F1.8 + เลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8MP F2.2 (Ultra wide) ใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร เพียง 2.5 ซม. และ จับระยะในตัว พร้อม Auto Focus  + เลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องขาวดำ)
    - กล้องหน้า 44MP F2.0 พร้อมระบบโฟกัส EYE AF + 8MP F2.2 (Ultra wide)
    - 3D Sound Tracking ปรับเสียงไมค์ หน้า หลัง ได้
    - Vapor Chamber Liquid Cooling
    - พอร์ต USB-C
    - ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
    - WIFI 2.4GHz,5GHz
    - 5G ความถี่ n41/n78/n1/n3/n77
    - Bluetooth 5.0
    - สแกนนิ้วบนหน้าจอ
    - แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับชาร์จไว Vivo Flash Charge 2.0 33W
    - ขนาด / น้ำหนัก : 158.82 x 74.2 x 7.39 มม. / 170 กรัม
 

 

 
PERFORMANCE
 
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 765G 5G พร้อมกับ  Storage UFS 128GB จัดเต็มด้วย RAM 8GB ส่วนทางด้านคะแนน UFS นั้นอ่านไปได้ที่ 958MB/s – เขียนไปได้ที่ 204 MB/s ส่วน DRL L1 ในแอป Netflix รองรับ HD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 322418 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และ Geekbench นั้นทำไปได้ 631/1785 คะแนน ถือว่าเป็นการอัพเกรดจากรุ่นเดิมมาใช้งาน 712 แล้วดีขึ้นแน่นอนและใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆรุ่นก่อนนั้นเราบ่นว่าใช้งานตัวต่ำไปนิดแต่ในครั้งนี้ปรับมาใช้งาน 765G 5G
 
ชื่อสินค้า:   VIVO V20 PRO 5G
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่