JJNY : 4in1 หอการค้าฯคาดศก.เชียงใหม่ฟื้นช้าสุด/ท่องเที่ยวกร่อย/สมคิดแจ้งกมธ.ไม่ทัน ขอไปส่วนตัว/เปิดตัว'กลุ่มRe-solution'

หอการค้าฯ คาดเศรษฐกิจเชียงใหม่ฟื้นตัวช้าสุด เงินหมุนในระบบหายกว่าแสนล้าน
https://www.thairath.co.th/news/business/1950185
 

 
ประธานหอการค้าฯ เชียงใหม่ คาดเศรษฐกิจในเชียงใหม่ฟื้นตัวช้าสุด เพราะพึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นหลัก ประเมินเงินหมุนเวียนในระบบหายกว่าแสนล้าน
 
นายวโรดม ปิฏกานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2563 หดตัวมาก เพราะได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการควบคุมโรคระบาดของโควิด-19 ซึ่งดำเนินการอย่างเข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ
 
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเชียงใหม่ ต้องพึ่งพิงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในเกณฑ์สูง ดังนั้นภาวะเศรษฐกิจเชียงใหม่จึงฟื้นตัวได้ช้าที่สุด ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ตลอดปี 2563 หายไปจากระบบไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยมีการจัดเตรียมที่พักแรม Alternative Local Quarantine สำหรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ แบบจำกัดจำนวนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนด โดยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เตรียมความพร้อมที่จะรับเที่ยวบินระหว่างประเทศวันละ 2 เที่ยวบิน หรือไม่เกินวันละ 400 คน
 
นายวโรดม กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ทางหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ คิดว่าจะต้องรอบคอบและเป็นมาตรการที่เข้มงวด หากดำเนินการโดยไม่ส่งผลกระทบต่อมาตรการด้านสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ คิดว่าจะเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ได้.
 

 
"หยุดยาว"ท่องเที่ยวกร่อยเกือบ 50% ไม่มีแผนเดินทาง
https://www.thansettakij.com/content/452382
  
พาณิชย์เผยผลสำรวจช่วงวันหยุดยาว ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด จากต้องการประหยัดเงิน ขณะผู้ที่ยังเดินทางค่าใช้จ่ายต่อทริปต่ำกว่า 5,000 มากสุด กังวลโควิดระบาดรอบ2
  
นางสาวพิมพ์ชนก  วอนขอพร  ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  กระทรวงพาณิชย์เผยว่า ในเดือนกันยายน 2563 สนค. ได้สำรวจพฤติกรรมการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว โดยสำรวจผู้บริโภคทั้งประเทศ ครอบคลุมทุกจังหวัดและอำเภอ (884 อำเภอ/เขต) รวมทั้งสิ้น 8,124 คน พบว่า การเดินทางในช่วงวันหยุดยาว (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2563) ประชาชนเดินทางร้อยละ 27.4 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว ร้อยละ 56.0 และกลับภูมิลำเนาร้อยละ 44.0 โดยมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว ไม่เกิน 10,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 86.1 (ต่ำกว่า 5,000 บาท มากที่สุด ร้อยละ 48.4 รองลงมาเป็น 5,000-10,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 37.7) และใช้จ่ายเกิน 10,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 13.9
  
สำหรับสาเหตุที่ประชาชนไม่เดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว เนื่องจากต้องการประหยัดเงิน และไม่อยากไปไหน (ชอบพักผ่อนอยู่บ้าน) มีสัดส่วนรวมกัน คิดเป็นร้อยละ 85.2 (ร้อยละ 55.7 และ 29.5 ตามลำดับ) ในขณะที่ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหน/ไม่มีข้อมูล คิดเป็นร้อยละ 14.8
  
สำหรับในวันหยุดยาวเดือนตุลาคม 2563 ที่จะถึงนี้ พบว่า ประชนที่ไม่มีแผนการเดินทางไปต่างจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 47.7 รองลงมา คือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 40.6 และสุดท้ายคือ มีแผนเดินทางไปต่างจังหวัดเพียงร้อยละ 11.7
 
นอกจากนี้ สนค.ยังสำรวจความกังวลของผู้บริโภคในปัจจุบัน พบว่า ประชาชนมีความกังวลในเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  รอบ 2 เป็นอันดับแรก คิดเป็นร้อยละ 40.1 รองลงมา คือ ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคเพิ่มสูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 17.2 และลำดับที่ 3 เป็นภาระหนี้สิน คิดเป็นร้อยละ 14.4
   
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวสรุปว่า จากผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในการเดินทางช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนยังคงมีความระมัดระวังในด้านการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เริ่มมีการระบาดระลอกสอง ส่งผลให้ตลาดการท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก
  
ประกอบกับปัจจุบันคนไทยเริ่มปรับตัวสู่ยุค New Normal ทั้งในเรื่องวิถีการใช้ชีวิตประจำวัน และรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้และต้นทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำเป็นต้องปรับรูปแบบการทำตลาดให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวในยุค New Normal ขณะเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจต่อประชาชนในมาตรฐานการดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยใช้จังหวะที่ภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งเสริมให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศ ให้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งธุรกิจโรงแรม ขนส่ง ร้านขายของที่ระลึก และร้านขายอาหาร เป็นต้น
  
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคากับผู้บริโภคอย่างไม่เป็นธรรมด้วย ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งหากพบเห็นปัญหาไม่เป็นธรรมด้านราคาสินค้าและบริการ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่