[CR] 9จุดเช็คอิน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส


นราธิวาส 1ในจังหวัด3ชายแดนใต้สุดของประเทศ ที่มักจะไม่ค่อยมีคนต่างถิ่นไปเยี่ยมเยียนสักเท่าไหร่ เป็นจังหวัดที่ไม่ฮิตติดลมบนอย่างใครเขา 
และนั่นก็คือเหตุผลหลักว่าทำไมเราถึงอยากไปเยือนสักครั้ง ไปสัมผัสให้เห็นกับตาว่าที่เขากังวลกัน มันน่ากลัวจริงมั้ย 

การเดินทางในจังหวัดนราธิวาสเราเดินทางโดยรถสาธารณะและเหมารถสองแถวจากคนในพื้นที่ เนื่องจากจังหวัดนี้ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าเลย เราไปปัตตานีมายังมีให้เช่าแต่ก็จะถามข้อมูลเราเยอะหน่อย ส่วนเบตงดูปลอดภัยสุดมีรถจากที่โฮสเทลสามารถเช่าได้เลยค่ะ

ป่าใต้ถือได้ว่าเป็นป่าที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับเราที่เคยไปมา ความธรรมชาติแบบไม่ปรุงแต่งใดๆ มันมีเสน่ห์จริงๆนะ

นอกจากธรรมชาติจะสมบูรณ์แล้ว วิถีการดำรงชีวิตก็ยังคงไว้เช่นกัน

เราชอบความสงบ หากเจอที่ไหนคนพลุกพล่านเป็นไปได้ก็เลี่ยงที่จะไม่ไปดีกว่า ทำให้การเดินทางใน3จังหวัดชายแดนใต้นี้ ตัดสินใจได้ ไม่ยากเลยที่จะออกไปค้นหาคำตอบจากสื่อต่างๆที่เรารับรู้มา และ...ธรรมชาติที่ไม่ค่อยมีคนเข้าถึงนั้นจะวิเศษมากเพียงใด ให้เรื่องราวต่อจากนี้เป็นคำตอบค่ะ

เราเดินทางไปปัตตานีและยะลามาแล้ว มาจบนราธิวาสเป็นจังหวัดสุดท้าย และขึ้นเครื่องจากนราธิวาสกลับกรุงเทพค่ะ โดยเรามีเวลา2วัน2คืนที่จังหวัดนี้ 
หลังจากนั่งรถจากเบตงมาถึงสุคิริน ใช้เวลานานม๊ากกก ฉะนั้นวันแรกที่มาถึงก็เข้าที่พักเลยค่ะ เราพักที่ สายธารทองรีสอร์ท เบอร์ติดต่อ0849630464 ห้องที่เราพักเราขอ2เตียงไปคืนละ650บาท ถ้าเตียงเดียวจะถูกกว่าค่ะ ห้องใหญ่ มีแอร์ ตามภาพเลยค่ะ

และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จ่ายเพิ่ม เราให้ทางสายธารทองจัดการให้เลยก็จะมี...
-ค่ารถสองแถวที่มารับพวกเราจากขนส่งสุไหงโกลก(แต่เผอิญพี่คนขับมาดักรอแถวสถานีรถไฟเราก็เลยลงตรงนี้) ไปส่งที่สายธารทอง 500บาท ที่เราเหมาไปเพราะกว่าจะมาถึงมันค่อนข้างจะเย็นแล้วเรากลัวรถสาธารณะจะไม่มีก็เลยตัดสินใจเหมา เราให้เขาพาไปป่าพรุโต๊ะแดงด้วย จะอยู่ไม่ไกลจากสุไหงโกลก แต่ไปไม่ทันเวลาเขาปิดแล้ว ก็เลยเข้าที่พัก ระหว่างทางก่อนถึงรีสอร์ท ก็จัดการซื้ออาหารเข้าไปเลยนะคะ เพราะที่พักไม่มีอาหาร แต่มีจาน ชาม ช้อนให้ 
-ค่าขึ้นผานับดาว ต้องใช้รถ4*4 คนละ120บาท
-ค่าทริปในเมืองสุคิริน+ค่ารถมาส่งในตัวเมืองนราธิวาส1500บาท
***ราคาค่ารถเป็นราคาเหมาค่ะ

หากใครอยากโดยสารรถสาธารณะ สามารถขึ้นรถสองแถวสุไหงโกลก – สุคิริน แถวหน้าสถานีรถไฟสุไหงโกลกได้ รถออกทุกหนึ่งชั่วโมง เวลา 09.00 – 15.00 น. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณเกือบชั่วโมง ค่าโดยสารไม่แน่ใจ แต่ไม่ถึงร้อยค่ะ 

เราตื่นแต่เช้าออกไปขึ้นเขาสูดอากาศ ชมแสงเช้า เคล้าสายหมอก ที่ระยะทางเดินแสนสั้นแต่สัมผัสได้ถึงความอิ่มเอมใจไม่ใช่น้อย กับที่นี่ผานับดาว ตั้งอยู่ที่บ้านราษฎร์ประสา ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส

ผานับดาวจะอยู่ห่างจากที่พักในสุคิรินที่เราอยู่กันเกือบ7กิโลเมตร จะต้องใช้รถกระบะ4x4ในการเดินทางเพราะเมื่อเข้ามาแล้วทางจะเป็นถนนดินแดงผ่านสวนยาง อีกอย่างเราควรใช้บริการจากคนท้องถิ่นที่ชำนาญทางเพื่อความปลอดภัยและยังสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วยนะคะ 

ตอนขึ้นมาถึงใจชื้นมาก ปังแน่นอนวันนี้ ในขณะที่แสงเช้ากำลังเริ่มส่อง หมอกก็ดันมาปิด แล้วก็ไม่เปิดอีกเลย แง๊ แต่ยังไงก็สวยอยู่ดี แม้จะสวยได้แค่แป็ปเดียวแต่ความหมอกสลับเขามันก็ทำให้เราได้เห็นรายละเอียดของป่าใต้แห่งนี้ได้ชัดเจนขึ้น ภาคใต้ก็มีหมอกนะไม่ใช่มีแต่ภาคเหนือ 

"พี่ไม่กลัวหรอ?" คำถามจากน้องๆวัยรุ่นชายกลุ่มใหญ่ในพื้นที่สีแดง ที่ขึ้นไปกางเต็นท์และได้พบเจอกันบนยอดผานับดาว
เราจำไม่ได้ชัดเจนว่าตอบน้องๆไปว่าอะไร แต่สิ่งที่คุยกับตัวเองในใจในตอนนั้นคือคำถามที่น้องถามมานี่แหละ คำว่า กลัว! มันคงฝั่งลึกไปในจิตใจของคนนอกพื้นที่ ที่ไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง และคำที่เหมือนกับว่าประทับตราให้กับ3จังหวัดชายแดนใต้นี้ไปแล้วด้วยสื่อต่างๆที่นำเสนอออกไป ความน่ากลัวที่สร้างกันขึ้นมามันยังไงกันนะ ถามว่าน่ากลัวอย่างข่าวมั้ย ตอบคำเดียวเลยว่า "ไม่" ส่วนใครจะมีความคิดเห็นว่ายังไงคงว่าไปตามที่ได้มาสัมผัสเอง เราว่าในข้อดีของการไม่ค่อยมีคนไป3จังหวัดชายแดนใต้ มันดีที่ช่วยคัดกรองคนที่สนใจอยากมาจริงๆให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่โคตรเจ๋ง เที่ยวสบายคนไม่ต้องไปแย่งกันกินแย่งกันใช้ ธรรมชาติก็สวยงามมีความสมบูรณ์สุดๆ อาหารอร่อยราคาไม่แพงอีกด้วย ที่สำคัญคนใต้ใจดีนี่เรื่องจริง

ลักษณะของทางเดินที่นี่พื้นจะเต็มไปด้วยหินสีขาวๆ ซึ่งเป็นหินที่มีแร่ควอตซ์อยู่ ในจุดที่เราอยู่ด้านหน้าสามารถมองเห็นตัวอำเภอสุคิริน และเทือกเขาบูโด ส่วนด้านหลังจะสามารถเห็นเทือกเขาสันกาลาคีรีค่ะ 

ขอเล่าย้อนหลังเพราะตอนขึ้นมายังมืดอยู่ เราเก็บภาพตอนขาลงมาให้ดู เมื่อมาถึงจุดจอดรถแล้วต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร แต่วันที่เราไปไม่มีคนมา พี่คนขับเลยขับขึ้นมาส่งทางเข้าป่าทำให้เราเดินต่อไปอีกไม่ถึง300เมตรเท่านั้น ระยะทางไม่ไกลแต่บางช่วงก็มีความชันความแคบและพื้นเป็นหินอาจทำให้เกิดความลื่นจึงควรต้องระมัดระวังนิดนึงค่ะ
***ฝากไว้ให้คิด การที่เราไปในสถานที่สาธารณะแล้วทำการจิตรกรรมฝาผนังเป็นสิ่งที่ไม่น่ารักเลยนะคะ มันทำให้สถานที่นั้นไม่น่ามอง ธรรมชาติดีงามอยู่แล้วไม่ต้องปรุงแต่งกันเนอะ

อากาศสบายมาก ไม่ร้อนไม่หนาว กำลังดี นั่งท้ายกระบะลมตีหน้ากลับมาถึงรีสอร์ท ก่อนจะเก็บกระเป๋าเตรียมไปทัวร์วันนี้และเข้าตัวเมืองนราธิวาส เดินมาด้านหลังจะเจอลำธาร น้ำใสถ้ามีเวลาได้ลงไปเล่นคงชื่นใจน่าดู 

ถึงเวลานัด แบดี มารับพวกเราออกจากรีสอร์ท เราจะไปทัวร์วิถีชุมชนตำบลภูเขาทอง ในอ.สุคิริน ที่แรกนั่นก็คือ ชมต้นสมพงหรือกะพงยักษ์ สูงใหญ่อายุกว่าร้อยปี ขนาด 27 คนโอบ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบาลาฮาลา (ถ้าเบตงจะเรียกป่านี้ว่าฮาลาบาลา จะสลับกับนราธิวาสค่ะ ฮาลาคือผืนป่าของทางเบตง ซึ่งมีพื้นที่ป่าแนวเดียวกันกับ บาลาคือผืนป่าของทางสุคิรินค่ะ) ง่ายๆคือเอาชื่อป่าของจังหวัดนั้นๆขึ้นก่อนอีกจังหวัดนึงนั่นเอง

ทางเดินง่าย ผ่านลำธารและผืนป่า ชื่นชมทักทายต้นไม้ไปเรื่อย แฮปปี้! ไม่นานนักก็มาถึงจุดหมายของเรา ต้นกะพงใหญ่จริงๆค่ะ ใช้เวลาสักพักก็ได้เวลาไปที่ต่อไป

#ขอบคุณมากๆที่มา คำพูดที่เอ่ยออกมาจากผู้ใหญ่ท่านนึงน่าจะมีตำแหน่งอะไรสักอย่าง เราเจอกันในป่าที่ต้นไม้ยักษ์ นี่คือคำพูดแทนคำขอบคุณของทุกคนในพื้นที่รึเปล่านะ เป็นคำห้วนๆแต่ฟังแล้วดูจริงใจ อยากจะบอกท่านว่าขอบคุณเช่นกันค่ะ

ความเถาวัลย์เอย ใบไม้ใหญ่เอย มอสเอย เห็ดเอย เพลินมากแม่ 

และจุดที่ใกล้เคียงกันกับทางเข้าป่าชมต้นกะพงยักษ์นั่นก็คือ เนินพิศวง เป็นพื้นที่มองด้วยตาเปล่าแล้วเป็นเนินลาดชัน ซึ่งจอดรถไว้แล้วดับเครื่องรถจะเคลื่นตัวได้เอง จริงเท็จยังไงลองไปพิสูจน์กันค่ะ

วัดพระธาตุภูเขาทอง เป็นจุดที่สิ้นสุดปลายด้ามขวานมีพรมแดนติดกับมาเลเซีย ในยามเช้ายังเป็นจุดที่สามารถชมหมอกได้อีกด้วย ขนาดวันนั้นที่เราไปถึงช่วงสายๆแล้ว ยังมีหมอกลอยให้เห็นบนยอดเขาอยู่เลย

เขตชายแดนไทย-มาเลเซีย ในอดีตเคยเปิดชายแดนให้ประชาชนทั้งสองประเทศเดินทางไปมาได้ เขตแดนจะมีเพียงรั้วไม้ที่มีลวดหนามกั้นเท่านั้น ฝั่งมาเลเซียจะมีป้อมสังเกตการณ์ขนาดใหญ่มีทหารของมาเลเซียประจำการอยู่บนป้อมส่องปืนหันหน้ามาทางไทยตลอดเวลา

เหมืองแร่ทองคำโต๊ะโมะ อุโมงค์ลำเลียงทองโบราณ ปัจจุบันปิดทำการไปแล้ว โดยอุโมงค์นี้ถูกขุดทะลุไปถึงฝั่งประเทศมาเลเซียเลย ตรงนี้มีลำธารน้ำใส ลำแสงที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ลงมาก็ทำให้ผืนป่านี้สวยขึ้นทันใด ส่วนในอุโมงค์ไม่ได้เดินเข้าไปดูนะคะ เขาบอกงูเยอะ ยึ่ยยย ว่าแล้วก็ขนลุกอยู่ห่างๆละกันเรื่องนี้จะไม่ยุ่ง

ทางเดินง่ายเป็นทางราบนะคะ ระหว่างทางก็ชื่นชมทักทายต้นไม้ไปเรื่อย(อีกแล้ว...)

ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เชื้อสายชาวจีนในประเทศและประเทศมาเลเซียนิยมมาท่องเที่ยวและกราบไหว้ สักการะ ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่บนเขา โอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ วิวดีเลยล่ะ

และที่สุดท้าย เนื่องจากเวลานั้นช่วงเที่ยงแล้ว แดดแรงมาก อยากเห็นวิถีดั้งเดิมของคนที่นี่ นั่นก็คือ ร่อนทองต้นน้ำสายบุรี แบดีก็ขับรถตามหาให้ จนมาเจอและขออนุญาตถ่ายรูป ในสมัยก่อนการร่อนทองนี่หาง่ายมากวันนึงรายได้หลักหมื่นก็มี และได้พูดคุยกับคุณยายท่านนึงมาเดินสอยผักผลไม้ข้างทาง และนี่คือมังคุดข้างทาง ไม่ได้สังเกตุเลยอยู่บนหัวนี่ล่ะเลยขอยายมาถ่ายไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย อยากลองชิมนะ แต่ก็ไม่อยากแย่งคุณยายเขา แฮ่ะๆ ยายยังเล่าต่อว่าเคยร่อนเจอของเก่า ทองเป็นก้อน และแหวนโบราณ ยังเก็บแหวนไว้อยู่เลย...

จบเที่ยววิถีชุมชนตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิรินไปด้วยความตาลุกวาว ใครสนใจเที่ยวสุคิริน เอาจริงๆคือสะดวกนะคะ บินตรงมาลงนราธิวาสได้เลย เที่ยวสบาย เสพธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องแย่งกับใคร ยังไงถ้ามีโอกาสลองมาสัมผัสด้วยตัวเองดูค่ะ

ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้ กระทู้นี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
เพี้ยนสวัสดี
ชื่อสินค้า:   สุคิริน นราธิวาส
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่