เที่ยวภูเก็ต 3 วัน 2 คืนกับทริปล่องเรือยอร์ชราคาสบายกระเป๋ามากกกก

กระทู้สนทนา

ถ้าได้นอนฟังเสียงคลื่นเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้ามาทั้งอาทิตย์

ได้ล่องเรือยอร์ชดี ๆ สักทริปแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว กับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ ในบรรยากาศเป็นกันเอง

ปลดปล่อยชีวิตและจิตใจให้ล่องลอยไปอย่างอิสระ ปราศจากพันธนาการใด ๆ สักห้วงเวลาหนึ่ง

ได้แบบนี้...คงจะดีต่อใจ...ไม่น้อยเลย

นาน ๆ ทีได้ลาพักร้อน ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าฝน อิอิอิ

พวกเราเลยตกลงกันว่า น่าจะไปภูเก็ตกันนะ อย่างน้อยสิ่งที่เราอยากได้ทั้งหมดในช่วงลาพักร้อน

ที่ภูเก็ต น่าจะตอบโจทย์ได้ดี

การค้นหาข้อมูลทั้งทางกูเกิ้ลและเวปเพจต่าง ๆ จึงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง

ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อครั้งไปเที่ยวที่กระบี่

มีบริษัททัวร์บริษัทหนึ่งที่พวกเราเคยใช้บริการ และไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง

นั่นก็คือ "KRABITEERAPONG TOUR"

คลิปเที่ยวอ่าวนางกับ KRABITEERAPONG TOUR

เมื่อ 11-13 ตุลาคม 2561

ครั้งนี้จึงไม่พลาดที่จะใช้บริการทัวร์จากบริษัทเดิม

เพราะเมื่อเราประทับใจกับสิ่งไหนแล้ว

เราก็อยากที่จะไม่พลาดกับบริการดี ๆ จากสิ่งที่เคยได้รับมาก่อน

จึงติดต่อไปทางไลน์เพื่อสอบถามข้อมูล ว่าครั้งนี้เราจะได้รับสิ่งดี ๆ อะไรอีกบ้าง

จึงได้ข้อมูลมาพอสมควรตามรายละเอียดที่บริษัททัวร์ให้มา

ปักหมุดตรงจุดหมายที่จะไป

แค่เกือบ 500 กว่าโลเอง...ชิลล์ ๆ......เนาะ...

5 ตุลาคม 2563

วันแรกของทริปเรือยอร์ช

พวกเราตั้งใจจะออกเดินทางจากหาดใหญ่ตอนประมาณตี 5

แต่ด้วยความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งอาทิตย์ เลยรู้สึกตัวตอน 6 โมงกว่าล่ะ

จัดการทุกอย่างเสร็จ เริ่มต้นออกผจญภัยสู่โลกกว้าง.....

ว้าวววววววว......ตื่นเต้น ๆ

กิโลเมตรแรกเริ่มต้นที่เลขไมล์ 36,753 กิโลเมตร

7 โมงกว่า ๆ เริ่มออกเดินทาง น้ำมันเกือบเต็มถัง ความหวังเกินร้อย.....เอ้าาา....ลุยกัน

เดินทางข้ามเขตสงขลา เข้าสู่ จ.พัทลุง

เช้า ๆ เค้าว่าต้องหาไรรองท้อง เพราะมื้อเช้า คือมื้อสำคัญของวัน

พวกเราจึงไม่พลาดที่จะแวะร้านไหนสักแห่ง ที่มีครบทั้งอาหารหวานคาวและเครื่องดื่มเย็น ๆ ชื่นใจ

จึงได้แวะร้าน "กาแฟสดบ้านไม้"

ในเขต อ.ป่าบอน จ.พัทลุง

ซึ่งเป็นร้านที่ติดถนนใหญ่ในเส้นทางที่เราผ่าน

บรรยากาศภายในร้านดีเลยแหล่ะ

ตกแต่งได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ และรสชาติอาหารที่พิถีพิถัน

รอยยิ้มของเธอคนนี้...งดงามเสมอ...อิอิอิ

อิ่มท้องกันเป็นที่เรียบร้อย ได้เวลา ออกล่าความสุขกันต่อ

ตะลอน ๆ ไปเรื่อย จนเข้าเขต จ.ตรัง

พักรถกันหน่อยกับบรรยากาศบนเขาพับผ้า

แวะซื้อของฝากกับเก็บภาพสวย ๆ กันสัก 2-3 ภาพ ไว้เป็นความทรงจำ

เค้าว่ากันว่าเค้กจำปาดะของร้านนี้อร่อยมาก

อร่อยนุ่มลิ้นเหมือนจะละลายในปาก แต่พวกเรามาช้าไป

เค้กจำปาดะหมดไปเป็นที่เรียบร้อย จึงซื้อเค้กอินทผาลัมมาแทน

หายเหนื่อยกันนิดหน่อย ได้เวลาไปกันต่อ

ต้องข้ามเขตอีกหลายจังหวัดกว่าจะถึงจุดหมาย

เข้าตัวเมือง จ.ตรัง แล้วก็ผ่านเลยไป

เข้าสู่เขต จ.กระบี่ ท้องเริ่มหิวอีกล่ะ

มื้อเที่ยงอยู่ไหน ???????????????????

อ่ะ...ขับไปเรื่อย ๆ ล่ะกัน เจอถูกใจตรงไหน ก็แวะกินมื้อเที่ยงกันที่นั่น

จนเลยตัวเมืองกระบี่ ออกจากเมืองกระบี่ไป

เจอร้านใหญ่ร้านนึง เป็นร้านขายของฝาก

ชื่อร้าน "ปาดิโอ" สาขากระบี่

จึงแวะเข้าไป สั่งอาหารประเภทข้าวราดแกงมาคนละจาน

กินกันแบบง่าย ๆ เพื่อประหยัดเวลา ระยะทางของพวกเรายังอีกยาวไกล

รถหายเหนื่อย คนหายหิว ได้เวลา พวกเราก็ไปกันต่อ

บ่าย 3 กว่า ๆ พวกเราก็เดินทางเข้าด่านตรวจภูเก็ต

และได้เข้าเมืองภูเก็ตอย่างเป็นทางการ...อิอิอิ

จุดหมายปลายทางของวันนี้ คือที่พัก เดินทางกันมาตั้งครึ่งค่อนวัน

ความเหนื่อยล้ามีไม่เท่าไร แต่ความตื่นตาตื่นใจมีมากกว่า

เพราะทุกครั้งที่ได้ออกจากบ้าน ท่องเที่ยวไปยังที่ต่าง ๆ แม้ว่าที่นั้น ๆ จะเคยไปแล้วก็ตาม

แต่รสชาติของสถานที่ ผู้คน และบรรยากาศ มันจะเป็นเรื่องที่ดีต่อใจเสมอ

และแล้วพวกเราก็มาถึงที่พักระดับ 4 ดาว ตามที่บริษัททัวร์แจ้งไว้จริง ๆ

บรรยากาศด้านหลังที่พักเป็นภูเขา ด้านหน้าจะมองเห็นทะเล ตั้งอยู่บนหาดกะหลิม ติดกับหาดป่าตอง

สระน้ำ 2 ชั้น เลือกเล่นได้ตามใจชอบ

ที่สำคัญ มีสไลเดอร์ให้เล่นแบบย้อนวัยกันเลยทีเดียว

พวกเราเช็คอินเสร็จ ก็เข้าห้องพัก

มาดูกันสิ ว่าบรรยากาศภายในห้องพักของพวกเรา จะเป็นอย่างไรบ้าง

เชิญทัศนา.........

เป็นไงล่ะ หรูหรือไม่หรู ไม่รู้...แต่ก็ดูดีนะ 555

ชมห้องเสร็จ เปลี่ยนชุดไปว่ายน้ำกันดีกว่า เรียกความสดชื่นกันหน่อย

เล่นน้ำกันจนหนำใจ ความหิวก็เข้ามาแทนที่ กินอะไรกันดีล่ะ เย็นนี้

หาสิ...หา ๆๆๆๆๆ กูเกิ้ลคือทางออก ได้ร้านแล้ว...ไปกัน แต่ร้านดันปิด 555

เอาวะ...ผ่านร้านไหนน่านั่ง ก็จอดร้านนั้นแหล่ะ ใช้สัญชาตญาณเอา

จนมาเจอร้านนี้ "สถานีปลาเผาซิมจั่น"

มันเป็นธรรมชาติของร่างกาย เมื่อใดที่ท้องเริ่มตึง หนังตาก็เริ่มหยุดทำงาน

ระยะทางกว่าเกือบ 500 กิโลเมตรจากหาดใหญ่ - ภูเก็ต ได้พรากพลังงานของพวกเราให้อ่อนล้าลง เคยคิดสงสัยเหมือนกัน

ว่าหากรถมันพูดได้ มันจะบ่นว่าเหนื่อยกับการเดินทางบ้างไหม บางทีเดี๋ยวแดดก็ร้อนเปรี้ยง บางทีเดี๋ยวฝนก็ตกหนัก น้ำหนักที่บรรทุกมาตลอดเส้นทาง ก็หลายร้อยกิโลกรัม มันจะขี้เกียจบ้างไหม มันจะล้าเหมือนพวกเราบ้างหรือเปล่า หรือมันก็ตื่นเต้นทุกครั้ง ที่รู้ว่าจะได้ออกเดินทางท่องเที่ยวอีกแล้ว ผมว่ามันก็คงรู้สึกดีกับคำตอบอย่างหลังนะ เพราะมันถูกสร้างขึ้นมา เพื่อพาพวกเราออกเดินทาง และพาพวกเราออกผจญภัยกับจุดหมายปลายทางข้างหน้า...เอาล่ะ พวกเราเหนื่อ รถก็คงเหนื่อย ได้เวลาพักเอาแรงสำหรับคืนนี้...ราตรีสวัสดิ์จ้าา

แก้ไขข้อความเมื่อ