วันนี้ เตริก จะมาพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวกันที่
สาม - พัน - โบกกกกกกกกกกกกกกก ⛰⛰⛰
====================================
เข้าสาระกันนิดนึง
"สามพันโบก" นี้ตั้งอยู่ในอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
ซึ่งที่มาของชื่อเกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง
และจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอด แก่งหินดังกล่าวก็จะโผล่พ้นน้ำคล้ายภูเขากลางลำน้ำโขง
ซึ่งจะปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคม - พฤษภาคม
ซึ่งหลังจากนั้นจะมีน้ำหลากมาท่วมโบกเหล่านั้นจมหายไปอยู่ใต้แม่น้ำ
====================================
รอบนี้ จะเป็นรีวิวพาเที่ยวตามรูปภาพนะครับ
(ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่รูปที่ 5 เป็นต้นไป)
ส่วนรูปเปิด 5 รูปเป็นบรรยากาศเรียกน้ำย่อยเท่านั้น
ป่ะ ไปลุยกันนนนน!!!
#theplanner
นี่เป็น 1 ในจุด highlight ที่คนมักไปถ่ายรูปกัน
‘มิกกี้เม้าส์’
จะโดดถ่ายเท่ ๆ ก็ระวังตอนลงกันด้วยนะ
ฉันหน้าเกือบฟาดพื้นมาแล้ว
(ขาสั้นน่ะ 🥺)
ความสวยงามของสามพันโบก ในมุมกว้าง
ถ้าไปเที่ยวช่วงเย็น จะได้แสงงาม ๆ ประมาณเน้
มา เริ่ม!!!
การเดินทางไป ‘สามพันโบก’ พวกเราเช่ารถจากสนามบิน อุบลฯ และขับรถไปเอง
ซึ่งระยะทางจากกลางตัวเมือง ก็ใช้เวลาร่วม 1:30 - 2:00 ชม เลยทีเดียว
***การเที่ยว สามพันโบก นั้น เราเลือกได้ 2 รูปแบบด้วยกัน
1. เที่ยวเฉพาะ สามพันโบก (ไอ้หิน ๆ ที่เห็นน่ะ)
2. นั่งเรือล่องแม่น้ำโขง เพื่อเที่ยวจุดสำคัญอื่น ๆ
ซึ่ง ถ้าเกิดคุณจะไปเที่ยวแค่ สามพันโบก ผมแนะนำให้ปักหมุดไปที่ ‘สามพันโบก’ ได้เลย สามารถจอดรถ แล้วเดินต่อไปถึงตัวสามพันโบกได้ หรือจะนั่งสองแถวลงไปก็ได้เช่นกัน
ซึ่งพวกเราเลือกแบบที่ 2. ทำให้เราต้องปัดหมุดไปที่ “หาดสลึง” เพื่อไปซื้อทัวร์ท่องเที่ยวกันแทน
พุธโท พุธถัง ด้วยความไม่เช็คสภาพอากาศกันมาก่อน
เราเดินทางไปถึง ท่าเรือ หาดสลึง ตอนเวลาประมาณ 15:30 น.
ไม่ได้เผื่ออะไรทั้งนั้น กะว่าล่องเรือ เที่ยวชม เดินถ่ายรูป สามพันโบก สัก 2 ชั้วโมง กลับเข้าตัวเมืองอุบลฯ คงพอดี ๆ
แต่ด้วยความเป็นคนดวงดี ไปที่ไหนฟ้าฝนก็เกื้อหนุนอ่ะเนอะ
ตกแม่มซะ....... เอาซะมองไม่เห็นถนน
ทำให้เราต้องขึ้นเรือล่าช้าไปยันเกือบจะ 5 โมงเย็น
*** ค่าเช่าเรือหลังจากช่วง Covid-19 อยู่ที่ลำละ 1,000 บาท สามารถนั่งได้มากสุด 8 คน โดยเขาจะพาชมสถานที่อื่น ๆ อีกมากมาย แล้วแต่ช่วงน้ำขึ้น หรือน้ำลด
พวกเราที่เหลือเวลาแสนน้อย แต่มารอที่นี่แล้วเลยตัดสินใจนั่งเรือ เพื่อไปเฉพาะสามพันโบกเท่านั้น
การไป สามพันโบก จาก หากสลึง เราจะต้องนั่งเรือเป็นเวลาประมาณ 15 นาที
ถึงแล้ววววววว
สามพันโบกกกกก 🥺🥺🥺
น้ำตาจะไหล รอมานานกว่าจะได้มา
ถ้าเอาจริง ๆ ขนาดของสามพันโบก ก็ไม่ได้กว้างใหญ่แบบที่คิด
แต่ความสวยงามตามธรรมชาติของมันนี่สิ ที่ทำให้ต้องอึ้งไปจริง ๆ
ว่าเมืองไทยเรา ก็มีที่สวย ๆ แบบนี้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย
ถึงแล้วก็เปิดใบแรกเจิมซะหน่อย
จากนั้นก็รัวกับมุมแรกกันไป
พระอาทิตย์คล้อยต่ำลง ไกด์ของเราก็ขอเร่งเวลา เพราะกลัวถ้ากลับเย็นไปมากกว่านี้จะอันตรายในการเดิน
แถมยังเหลือจุดไฮไลท์จริง ๆ ให้ไปถ่ายอยู่อีกด้วย
และนี่คือจุดไฮไลท์จุดนึงที่เป็นไฮไลท์ “หินรูป หัวสุนัข”
เดี๋ยวดูรูปอื่น ๆ จะรู้ว่าเหมือนจริง ๆ
ถ้าจะถ่ายให้ได้หัวสุนัขมุมนี้
เราต้องยืนอยู่ตรงหินที่อยู่ห่างจากหัวสุนัขมาก ๆ ครับ
ซึ่งแนะนำให้ถ่ายเก็บไว้ทั้งมุมแคบ และมุมกว้างกันเลย
หัวสุนัข มุมแคบ
หัวสุนัข มุมกว้าง
หัวสุนัข มุมคู่ แฮร่!!!
ถ้าเราเดินเข้าไปใกล้แบบที่ยังนั่ง หรือยืนอยู่บนหัวสุนัข เราก็จะได้มุมแปลกตาไปอีกแบบ
จากนั้นก็มาถึง ไฮไลท์ ที่คนพูดถึงกันมากที่สุดในสามพันโบก
‘มิกกี้เม้าส์’
ถ่ายไฮไลท์ไปได้กันเท่านี้ แสงก็ใกล้จะหมดเต็มที เผยให้เห็นความสวยงามที่เงียบสงบของสามพันโบกอย่างเต็มที่
แต่ไกด์ก็ไม่วาย หามุมให้เราถ่ายโดดข้ามหินกันมุมนึง
ซึ่งอันนี้ระวังดี ๆ นะครับ แอบเป็นห่วงสำหรับคนกระโดดไม่สูง หรือไม่ไกล เพราะหินที่นี่แม้จะไม่ถลอกถ้าล้มไป แต่ก็อาจจะเจ็บตัวกันได้
โพรงที่เกิดจากการโดนกัดเซาะโดยธรรมชาติ
สามพันโบก มุมสูง ก่อนกลับ
แสงสุดท้าย แห่งสามพักโบก ที่มาส่งพวกเราให้เดินทางกลับตัวเมือง อุบลฯ อย่างปลอดภัย
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับรีวิวสามพันโบก
1 ในสถานที่ที่เตริกอยากไปที่สุดในภาคอีสานบ้านเรา
แต่เอาจริง ๆ ยังคาใจอยู่ 1 ประเด็น ที่ถ้าเกิดอนาคตมีโอกาส จะต้องกลับไปอย่างแน่นอน
คือการ
กางเต็นท์ ถ่ายดาว ที่สามพันโบก
แต่การมารอบนี้ ก็ถือว่าประทับใจอย่างมากแล้วครับ
แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับ ดูแล้วรู้สึกยังไง อยากไปกันไหม
หรือถ้าใครมีโอกาสไปมาแล้ว อย่าลืมเอารูปมาอวดกันมั่งนะครับ^^
แล้วพบกันใหม่ครับ
อย่าลืมนะ
เตริกยังคงสนับสนุนให้ทุก ๆ คน
ออก ไป เที่ยว
คนเดียว หรือกับแฟนก็ได้!!!!
เตริก
The Planner
ยังไงฝากติดตามเพจท่องเที่ยวเล็ก ๆ ของพวกเราด้วยนะครับ^^
[CR] สามพันโบก จ.อุบลฯ “แกรนด์แคนย่อน เมืองไทย” หนึ่งสิ่งอเมซิ่ง ดินแดนอีสาน
ซึ่งที่มาของชื่อเกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง
และจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอด แก่งหินดังกล่าวก็จะโผล่พ้นน้ำคล้ายภูเขากลางลำน้ำโขง
ซึ่งหลังจากนั้นจะมีน้ำหลากมาท่วมโบกเหล่านั้นจมหายไปอยู่ใต้แม่น้ำ
(ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่รูปที่ 5 เป็นต้นไป)
ฉันหน้าเกือบฟาดพื้นมาแล้ว
(ขาสั้นน่ะ 🥺)
ซึ่งระยะทางจากกลางตัวเมือง ก็ใช้เวลาร่วม 1:30 - 2:00 ชม เลยทีเดียว
1. เที่ยวเฉพาะ สามพันโบก (ไอ้หิน ๆ ที่เห็นน่ะ)
2. นั่งเรือล่องแม่น้ำโขง เพื่อเที่ยวจุดสำคัญอื่น ๆ
เราเดินทางไปถึง ท่าเรือ หาดสลึง ตอนเวลาประมาณ 15:30 น.
หรือถ้าใครมีโอกาสไปมาแล้ว อย่าลืมเอารูปมาอวดกันมั่งนะครับ^^
The Planner
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้