ตอนนั้นตัวผมเอง ซึ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็น “ผู้หญิง” รู้สึกเหนื่อยมากและอยากพัก ผมก็หายตัวไป คนที่เข้ามาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาคือศาสตรากับสิงหล ตอนแรกเขาจะไม่ลงรอยกันในเรื่องของการวิเคราะห์ขอบเขตของปัญหา สิงหลเสนอว่าเอาแค่ในโรงเรียนก็พอ แต่ศาสตราเห็นว่าควรเริ่มที่ตลาด เขาเถียงกันพักใหญ่จนสิงหลต้องยอมแพ้ ศาสตราเริ่มเก็บข้อมูลโดยละเอียด พอเล่ามาถึงตรงนี้ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วนะครับว่าพื้นที่ละแวกนั้นในปี 2526 อยู่ในเขตกรุงเทพรึเปล่าเพราะมันเป็นช่วงรอยต่อ แต่ในปัจจุบัน มันเป็นพื้นที่ชานเมืองกรุงเทพแน่นอนครับ
ศาสตราเริ่มจากการเก็บข้อมูลในวงกว้าง เขาพบว่ารอบๆโรงเรียนมีชุมชนที่ไม่ใหญ่มากอยู่ประมาณ 3 ชุมชน นักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนก็เป็นลูกหลานของคนในชุมชนดังกล่าว ต่อไปเขาตีกรอบมาที่ชุมชนเจ้าปัญหาคือชุมชนตลาด ศาสตราเริ่มเก็บข้อมูลจากการลงพื้นที่จริง เขาได้ข้อมูลว่าชุมชนตลาดนิยมศาลเตี้ยมานานแล้ว พวกเขาไม่ค่อยอยากให้ทางการเข้ามายุ่งเกี่ยว ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งเผลอไปทำลูกสาวคนอื่นท้อง สิ่งที่เข้าต้องเจอคือคล้ายๆกับการถูกรุมประชาทัณฑ์ แต่เป็นการรุมแบบสั่งสอนนะครับ ไม่ได้มีเจตนาให้บาดเจ็บล้มตาย
ชายหนุ่มคนนั้นต้องถูกจับให้อยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียว ถูกนำเชือกมามัดมือไพล่หลัง แล้วถูกนำมาที่ตลาด ใครโกรธแค้นเขาก็เข้ามาจัดการได้ในเชิงสั่งสอน แต่อย่าให้ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย การสั่งสอนก็แล้วแต่ว่าจะตกลงกันหรือขึ้นอยู่กับความเจ็บแค้นของแต่ละคน ก็อาจจะมีประมาณโดนตบหน้า ต่อยหน้า ชกท้อง ทุบอก ทุบหลัง เอาไม้ที่ไม่ใหญ่มากมาฟาดกลางหลังหรือฟาดที่หน้าท้อง มันอาจจะดูโหดร้ายสำหรับคนนอก แต่สำหรับคนในชุมชนแล้ว ถือว่าโอเค และหลังจากการลงโทษวันนั้น ชายหนุ่มจะเข้ากลับมาในชุมชนได้อีก ทุกคนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะรักเขาและดูแลเขาเสมือนหนึ่งว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมชน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นก็แก้ไขในแบบแล้วแต่กรณีไป
ในความเห็นของศาสตรา ตัวเจ้าปัญหาคือครูเกริก เขาตั้งสมมติฐานว่าก่อนหน้านั้นครูเกริกคงเป็นครูทั่วๆไป ทำงานเก่งจนเป็นที่ยอมรับ จนขึ้นมาเป็นครูฝ่ายปกครองและดูแลกิจการลูกเสือของโรงเรียน วันดีคืนดีครูเกริกดันเป็นเห็นการลงโทษแบบทารุณหน่อยของชุมชนตลาด แรกๆแกก็อาจจะแค่สนใจ แต่พอมีชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างดี ถูกนำมาลงโทษแบบนั้น มันคงไปกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของครูเกริก แรกๆแกคงแค่เข้าไปดูด้วย แต่พอนานๆเข้า แกคงขอร่วมขบวนการด้วย แกคงเรียนรู้ว่าพอเอาฝ่ามือของแกไปฟาดหน้าอกของชายหนุ่มแรงๆมันสะใจ ยิ่งทุบหลังชกท้องด้วยแล้ว ยิ่งสะใจสุดๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือมันไม่ผิด
พอรู้ว่าตัวเองชอบทารุณกรรมชายหนุ่มที่หน้าตาดีและหุ่นดี แกก็นำมากระทำในโรงเรียน แน่นอนว่าแกทำได้อยู่แล้วในกรอบที่แกมีอำนาจอยู่ พ่อจำนวนไม่น้อยในปี 2526 ที่อยู่ละแวกนั้น (โดยเฉพาะชุมชนตลาด) เปิดโอกาสให้ครูแบบครูเกริกสามารถสั่งสอนลูกชายของตัวเองในแบบที่รุนแรงได้ จากการศึกษาอย่างรอบด้าน ศาสตราพบว่าละแวกนั้นมีเด็กเก (เขาเรียกกันในสมัยนั้น ซึ่งหมายถึงเด็กผู้ชายที่มีลักษณะเกเร) ค่อนข้างเยอะ และก็มีนักเลงหัวไม้ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน พวกพ่อๆที่มีลูกชายเก ส่วนใหญ่จะเห็นพ้องต้องกันว่าต้องกำหราบด้วยวิธีการรุนแรง
แต่ครูเกริกพัฒนาไปไกลกว่านั้นเพราะมันจะมีนักเรียนชายที่หล่อล่ำแต่เป็นคนดี ไม่เคยทำความผิด แต่บังเอิญเป็นนักเรียนที่ครูเกริกอยากลงโทษ การหาเรื่องลงโทษเด็กที่ไม่มีความผิดจึงบังเกิดมีขึ้น การลงโทษนักเรียนแค่ในโรงเรียนคงยังไม่สะใจพอ ครูเกริกจึงเริ่มนำเด็กไปลงโทษที่ชุมชนตลาดด้วย โดยอ้างว่าเป็นเด็กเหลือขอ ทำให้พวกชุมชนตลาดบางคนมาร่วมลงโทษกับครูเกริกด้วย สิ่งที่ครูเกริกทำนั้นมีครูผู้ชายหลายคนเห็น แน่นอนว่ามีพฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้น พอครูผู้ชายคนอื่นลองลงโทษนักเรียนชายแบบโหดๆบ้าง เช่น ทุบหลัง ตบหน้าแรงๆ ฯลฯ แล้วไม่มีความผิด บางคนก็มองเป็นเรื่องดีงามไป ทำให้พฤติกรรมเหล่านี้ถูกพัฒนากลายเป็นพฤติกรรมกลุ่ม
จนพัฒนามาเป็นการสรรหาเด็กหนุ่มมาทารุณกรรมกันอย่างสะใจในคืนโหดนรกแตก พวกเขาคงค้นพบว่ามาช่วยกันรุมประชาทัณฑ์มันสะใจและสนุกกว่าการที่ต่างคนต่างลงโทษ
ส่วนข้อมูลจากสิงหลที่ได้แยกไปวิเคราะห์ข้อมูลในโรงเรียน เขาพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ถึงแม้ว่าจะมีนักเรียนชายที่หล่อมากๆ หุ่นดีมากๆ อยู่ในโรงเรียน แต่นักเรียนชายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ครูเกริกไม่สามารถจะแตะต้องได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นเด็กเรียน เมื่อปี 2526 ครูจะแยกเด็กสองกลุ่มเท่านั้นคือเด็กเรียนกับเด็กเก เด็กเรียนจะถูกสรรเสริญเยินยอเป็นพิเศษ ส่วนเด็กเกนั้น เหมือนกับว่าครูจะทำยังไงกับพวกเขาก็ได้ ที่ผมเคยเห็นกับตาคือนักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กเกเพิ่งจะเสร็จจากการฉีดยา พอเดินไปพบครูผู้หญิงที่หมั่นไส้เด็กคนนี้ ครูก็ด่าๆๆๆ แล้วเอามือฟาดอย่างแรงตรงต้นแขนที่เพิ่งฉีดยาเสร็จ ผมว่ามันโหดร้ายมากเลยนะ แต่โลกสมัยนั้น มันก็เป็นแบบนี้
ส่วนเด็กเรียนก็จะมีการสรรเสริญเยินยอกันในหลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งที่สิงหลค้นพบคือการแปะรูปไว้บนบอร์ดถ้าใครทำคะแนนสอบกลางภาคสูงที่สุดในระดับโดยแยกเป็นรายวิชา ท่านผู้อ่านลองนึกภาพบอร์ดดูนะครับ หัวบอร์ดจะเขียนว่า “นักเรียนที่ได้คะแนนสอบกลางภาคสูงสุดของระดับ แยกเป็นรายวิชา” ลงมาอีกนิด จากซ้ายไปขวาของบอร์ด จะเป็นรูปของนักเรียนที่มีขนาดใหญ่พอควร ใต้รูปจะเป็นชื่อ-สกุล ลงไปอีกนิดจะเขียนประมาณว่า “ได้คะแนนสูงสุดของวิชาคณิตศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 84” สิงหลพบว่าใครที่ติดบอร์ด ครูในโรงเรียนมักจะจำชื่อได้และถูกสะกดจิตให้รับรู้ไปพร้อมๆกันว่าพวกเขาคือเด็กเรียน พอใครที่ถูกขนานนามแบบนี้ ทางฝั่งครูเกริกก็จะไม่ค่อยอยากแตะต้อง และน่าจะไม่นำผมไปลงโทษที่ตลาด ซึ่งก็จะลดพฤติกรรมการเลียนแบบครูเกริกไปด้วยโดยปริยาย
เมื่อข้อมูลที่ได้เป็นแบบนี้ ในระหว่างที่ผมนอนหลับในดินแดนลึกลับแห่งหนึ่ง ทั้ง 8 คนจึงแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ Miss Universe กับ Miss World ช่วยกันดูว่าวิชาไหนบ้างที่ผมจะสามารถติดบอร์ดของการสอบกลางภาคได้ จากการวิเคราะห์กันอย่างถี่ถ้วนพบว่ามี 3 วิชาคือคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และสังคมศึกษา ฝ่ายนายทหารหน่วยรบพิเศษกับหน่วยซีลก็วางแผนออกกำลังกายให้ผม แต่ก็ต้องไม่ให้หนักเกินเพราะถ้าหนักเกินไป ผมเองจะเป็นหอบหืดได้ ชาญก็หาหนังดีๆมาให้ผมดู เอกก็หาเพลงดีๆมาให้ผมฟังเพื่อให้ผมผ่อนคลายบ้าง การทำงานอย่างเป็นระบบของตัวตนทั้ง 8 ตัวตนทำให้ผมมีชื่อติดบอร์ดทั้ง 3 วิชาตามแผน
และมันก็เป็นไปตามที่ศาสตรากับสิงหลได้วิเคราะห์ไว้ พวกครูเกริกตกใจกันมากที่เห็นผมติดบอร์ด น่าจะไม่เคยมีนักเรียนชายคนไหนที่ผ่านคืนโหดนรกแตกมาแล้ว จะมีชื่อติดบอร์ดแบบนี้ และก็เป็นไปตามคาด พวกครูเกริกไม่กล้าที่จะลงโทษผมเหมือนก่อน ทั้งในโรงเรียนและที่ตลาด แต่ฝั่งนั้นคงกำลังหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำร้ายผม ทำให้พวกเขาลดการลงโทษนักเรียนชายในโรงเรียนไปด้วย แถมยังไม่นำนักเรียนชายคนอื่นไปลงโทษที่ตลาด มีผลทำให้พวกพ่อๆที่ตลาดลดการลงโทษโหดๆกับลูกชายของพวกเขาไปด้วย ถ้ายืมศัพท์เทคนิคในสมัยนี้มาใช้ก็ต้องบอกว่าเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ศาสตรากับสิงหลเก็บทุกอย่างไปวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ต่อในอนาคต พวกเขาเก็บข้อมูลที่ได้ในทุกรูปแบบ อาทิ กราฟ แผนภูมิกงฯ
สองนายทหารดำริว่าศาสตรากับสิงหลวิเคราะห์เหตุการณ์เก่ง น่าจะช่วยกันหาทางแก้เผ็ดพวกนั้นอย่างสาสม แต่สิงหลไม่เห็นด้วยแบบสุดๆ “คนเราไม่ควรคิดทำร้ายผู้อื่น เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่สิงหลฝากไว้คือการเป็นมนุษย์ที่ผมกำลังเป็นอยู่ ระยะเวลามันสั้นนัก ไม่ถึงร้อยปี เพราะฉะนั้น อย่าไปทำอะไรที่ไม่ดี อย่าไปยึดติดกับค่านิยมของสังคมมากเกินไป แต่ต้องหาทางเอาตัวรอดในทางที่ดีในทุกๆวิถีที่เป็นไปได้ เจออะไรหนักๆก็อย่าไปฆ่าตัวตายเพราะวันหนึ่งมันต้องตายอยู่แล้ว แต่ต้องหาทางแก้ให้เหมาะสมถึงแม้จะต้องใช้วิถีที่เป็นภาคพิสดารก็ตาม” ทุกคนจำคำพูดของเขาได้จนขึ้นใจ
เมื่อ "ลูกผู้ชาย" อย่างผมถูกกระทำให้เป็น "ลูกสาว" : ประสบการณ์ชีวิตและความรักตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ตอนที่ 6
ศาสตราเริ่มจากการเก็บข้อมูลในวงกว้าง เขาพบว่ารอบๆโรงเรียนมีชุมชนที่ไม่ใหญ่มากอยู่ประมาณ 3 ชุมชน นักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนก็เป็นลูกหลานของคนในชุมชนดังกล่าว ต่อไปเขาตีกรอบมาที่ชุมชนเจ้าปัญหาคือชุมชนตลาด ศาสตราเริ่มเก็บข้อมูลจากการลงพื้นที่จริง เขาได้ข้อมูลว่าชุมชนตลาดนิยมศาลเตี้ยมานานแล้ว พวกเขาไม่ค่อยอยากให้ทางการเข้ามายุ่งเกี่ยว ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งเผลอไปทำลูกสาวคนอื่นท้อง สิ่งที่เข้าต้องเจอคือคล้ายๆกับการถูกรุมประชาทัณฑ์ แต่เป็นการรุมแบบสั่งสอนนะครับ ไม่ได้มีเจตนาให้บาดเจ็บล้มตาย
ชายหนุ่มคนนั้นต้องถูกจับให้อยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียว ถูกนำเชือกมามัดมือไพล่หลัง แล้วถูกนำมาที่ตลาด ใครโกรธแค้นเขาก็เข้ามาจัดการได้ในเชิงสั่งสอน แต่อย่าให้ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย การสั่งสอนก็แล้วแต่ว่าจะตกลงกันหรือขึ้นอยู่กับความเจ็บแค้นของแต่ละคน ก็อาจจะมีประมาณโดนตบหน้า ต่อยหน้า ชกท้อง ทุบอก ทุบหลัง เอาไม้ที่ไม่ใหญ่มากมาฟาดกลางหลังหรือฟาดที่หน้าท้อง มันอาจจะดูโหดร้ายสำหรับคนนอก แต่สำหรับคนในชุมชนแล้ว ถือว่าโอเค และหลังจากการลงโทษวันนั้น ชายหนุ่มจะเข้ากลับมาในชุมชนได้อีก ทุกคนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะรักเขาและดูแลเขาเสมือนหนึ่งว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมชน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นก็แก้ไขในแบบแล้วแต่กรณีไป
ในความเห็นของศาสตรา ตัวเจ้าปัญหาคือครูเกริก เขาตั้งสมมติฐานว่าก่อนหน้านั้นครูเกริกคงเป็นครูทั่วๆไป ทำงานเก่งจนเป็นที่ยอมรับ จนขึ้นมาเป็นครูฝ่ายปกครองและดูแลกิจการลูกเสือของโรงเรียน วันดีคืนดีครูเกริกดันเป็นเห็นการลงโทษแบบทารุณหน่อยของชุมชนตลาด แรกๆแกก็อาจจะแค่สนใจ แต่พอมีชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างดี ถูกนำมาลงโทษแบบนั้น มันคงไปกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของครูเกริก แรกๆแกคงแค่เข้าไปดูด้วย แต่พอนานๆเข้า แกคงขอร่วมขบวนการด้วย แกคงเรียนรู้ว่าพอเอาฝ่ามือของแกไปฟาดหน้าอกของชายหนุ่มแรงๆมันสะใจ ยิ่งทุบหลังชกท้องด้วยแล้ว ยิ่งสะใจสุดๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือมันไม่ผิด
พอรู้ว่าตัวเองชอบทารุณกรรมชายหนุ่มที่หน้าตาดีและหุ่นดี แกก็นำมากระทำในโรงเรียน แน่นอนว่าแกทำได้อยู่แล้วในกรอบที่แกมีอำนาจอยู่ พ่อจำนวนไม่น้อยในปี 2526 ที่อยู่ละแวกนั้น (โดยเฉพาะชุมชนตลาด) เปิดโอกาสให้ครูแบบครูเกริกสามารถสั่งสอนลูกชายของตัวเองในแบบที่รุนแรงได้ จากการศึกษาอย่างรอบด้าน ศาสตราพบว่าละแวกนั้นมีเด็กเก (เขาเรียกกันในสมัยนั้น ซึ่งหมายถึงเด็กผู้ชายที่มีลักษณะเกเร) ค่อนข้างเยอะ และก็มีนักเลงหัวไม้ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน พวกพ่อๆที่มีลูกชายเก ส่วนใหญ่จะเห็นพ้องต้องกันว่าต้องกำหราบด้วยวิธีการรุนแรง
แต่ครูเกริกพัฒนาไปไกลกว่านั้นเพราะมันจะมีนักเรียนชายที่หล่อล่ำแต่เป็นคนดี ไม่เคยทำความผิด แต่บังเอิญเป็นนักเรียนที่ครูเกริกอยากลงโทษ การหาเรื่องลงโทษเด็กที่ไม่มีความผิดจึงบังเกิดมีขึ้น การลงโทษนักเรียนแค่ในโรงเรียนคงยังไม่สะใจพอ ครูเกริกจึงเริ่มนำเด็กไปลงโทษที่ชุมชนตลาดด้วย โดยอ้างว่าเป็นเด็กเหลือขอ ทำให้พวกชุมชนตลาดบางคนมาร่วมลงโทษกับครูเกริกด้วย สิ่งที่ครูเกริกทำนั้นมีครูผู้ชายหลายคนเห็น แน่นอนว่ามีพฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้น พอครูผู้ชายคนอื่นลองลงโทษนักเรียนชายแบบโหดๆบ้าง เช่น ทุบหลัง ตบหน้าแรงๆ ฯลฯ แล้วไม่มีความผิด บางคนก็มองเป็นเรื่องดีงามไป ทำให้พฤติกรรมเหล่านี้ถูกพัฒนากลายเป็นพฤติกรรมกลุ่ม
จนพัฒนามาเป็นการสรรหาเด็กหนุ่มมาทารุณกรรมกันอย่างสะใจในคืนโหดนรกแตก พวกเขาคงค้นพบว่ามาช่วยกันรุมประชาทัณฑ์มันสะใจและสนุกกว่าการที่ต่างคนต่างลงโทษ
ส่วนข้อมูลจากสิงหลที่ได้แยกไปวิเคราะห์ข้อมูลในโรงเรียน เขาพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ถึงแม้ว่าจะมีนักเรียนชายที่หล่อมากๆ หุ่นดีมากๆ อยู่ในโรงเรียน แต่นักเรียนชายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ครูเกริกไม่สามารถจะแตะต้องได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นเด็กเรียน เมื่อปี 2526 ครูจะแยกเด็กสองกลุ่มเท่านั้นคือเด็กเรียนกับเด็กเก เด็กเรียนจะถูกสรรเสริญเยินยอเป็นพิเศษ ส่วนเด็กเกนั้น เหมือนกับว่าครูจะทำยังไงกับพวกเขาก็ได้ ที่ผมเคยเห็นกับตาคือนักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กเกเพิ่งจะเสร็จจากการฉีดยา พอเดินไปพบครูผู้หญิงที่หมั่นไส้เด็กคนนี้ ครูก็ด่าๆๆๆ แล้วเอามือฟาดอย่างแรงตรงต้นแขนที่เพิ่งฉีดยาเสร็จ ผมว่ามันโหดร้ายมากเลยนะ แต่โลกสมัยนั้น มันก็เป็นแบบนี้
ส่วนเด็กเรียนก็จะมีการสรรเสริญเยินยอกันในหลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งที่สิงหลค้นพบคือการแปะรูปไว้บนบอร์ดถ้าใครทำคะแนนสอบกลางภาคสูงที่สุดในระดับโดยแยกเป็นรายวิชา ท่านผู้อ่านลองนึกภาพบอร์ดดูนะครับ หัวบอร์ดจะเขียนว่า “นักเรียนที่ได้คะแนนสอบกลางภาคสูงสุดของระดับ แยกเป็นรายวิชา” ลงมาอีกนิด จากซ้ายไปขวาของบอร์ด จะเป็นรูปของนักเรียนที่มีขนาดใหญ่พอควร ใต้รูปจะเป็นชื่อ-สกุล ลงไปอีกนิดจะเขียนประมาณว่า “ได้คะแนนสูงสุดของวิชาคณิตศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 84” สิงหลพบว่าใครที่ติดบอร์ด ครูในโรงเรียนมักจะจำชื่อได้และถูกสะกดจิตให้รับรู้ไปพร้อมๆกันว่าพวกเขาคือเด็กเรียน พอใครที่ถูกขนานนามแบบนี้ ทางฝั่งครูเกริกก็จะไม่ค่อยอยากแตะต้อง และน่าจะไม่นำผมไปลงโทษที่ตลาด ซึ่งก็จะลดพฤติกรรมการเลียนแบบครูเกริกไปด้วยโดยปริยาย
เมื่อข้อมูลที่ได้เป็นแบบนี้ ในระหว่างที่ผมนอนหลับในดินแดนลึกลับแห่งหนึ่ง ทั้ง 8 คนจึงแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ Miss Universe กับ Miss World ช่วยกันดูว่าวิชาไหนบ้างที่ผมจะสามารถติดบอร์ดของการสอบกลางภาคได้ จากการวิเคราะห์กันอย่างถี่ถ้วนพบว่ามี 3 วิชาคือคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และสังคมศึกษา ฝ่ายนายทหารหน่วยรบพิเศษกับหน่วยซีลก็วางแผนออกกำลังกายให้ผม แต่ก็ต้องไม่ให้หนักเกินเพราะถ้าหนักเกินไป ผมเองจะเป็นหอบหืดได้ ชาญก็หาหนังดีๆมาให้ผมดู เอกก็หาเพลงดีๆมาให้ผมฟังเพื่อให้ผมผ่อนคลายบ้าง การทำงานอย่างเป็นระบบของตัวตนทั้ง 8 ตัวตนทำให้ผมมีชื่อติดบอร์ดทั้ง 3 วิชาตามแผน
และมันก็เป็นไปตามที่ศาสตรากับสิงหลได้วิเคราะห์ไว้ พวกครูเกริกตกใจกันมากที่เห็นผมติดบอร์ด น่าจะไม่เคยมีนักเรียนชายคนไหนที่ผ่านคืนโหดนรกแตกมาแล้ว จะมีชื่อติดบอร์ดแบบนี้ และก็เป็นไปตามคาด พวกครูเกริกไม่กล้าที่จะลงโทษผมเหมือนก่อน ทั้งในโรงเรียนและที่ตลาด แต่ฝั่งนั้นคงกำลังหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำร้ายผม ทำให้พวกเขาลดการลงโทษนักเรียนชายในโรงเรียนไปด้วย แถมยังไม่นำนักเรียนชายคนอื่นไปลงโทษที่ตลาด มีผลทำให้พวกพ่อๆที่ตลาดลดการลงโทษโหดๆกับลูกชายของพวกเขาไปด้วย ถ้ายืมศัพท์เทคนิคในสมัยนี้มาใช้ก็ต้องบอกว่าเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ศาสตรากับสิงหลเก็บทุกอย่างไปวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ต่อในอนาคต พวกเขาเก็บข้อมูลที่ได้ในทุกรูปแบบ อาทิ กราฟ แผนภูมิกงฯ
สองนายทหารดำริว่าศาสตรากับสิงหลวิเคราะห์เหตุการณ์เก่ง น่าจะช่วยกันหาทางแก้เผ็ดพวกนั้นอย่างสาสม แต่สิงหลไม่เห็นด้วยแบบสุดๆ “คนเราไม่ควรคิดทำร้ายผู้อื่น เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่สิงหลฝากไว้คือการเป็นมนุษย์ที่ผมกำลังเป็นอยู่ ระยะเวลามันสั้นนัก ไม่ถึงร้อยปี เพราะฉะนั้น อย่าไปทำอะไรที่ไม่ดี อย่าไปยึดติดกับค่านิยมของสังคมมากเกินไป แต่ต้องหาทางเอาตัวรอดในทางที่ดีในทุกๆวิถีที่เป็นไปได้ เจออะไรหนักๆก็อย่าไปฆ่าตัวตายเพราะวันหนึ่งมันต้องตายอยู่แล้ว แต่ต้องหาทางแก้ให้เหมาะสมถึงแม้จะต้องใช้วิถีที่เป็นภาคพิสดารก็ตาม” ทุกคนจำคำพูดของเขาได้จนขึ้นใจ