การทำดีไม่ขึ้น ทำคุณบูชาโทษ ก็เพราะเราเคยร้ายแบบเดียวกันกับผู้มีพระคุณ จริงหรือไม่?

เครดิตจากบทความคุณ dungtrin

ยิ่งช่วยคนมาก
คุณจะยิ่งเห็นธาตุแท้ความเป็นมนุษย์ที่หลากหลาย
แต่ละคนถูกเลี้ยงมาต่างกัน
บางคนถูกเลี้ยงมาให้มีจิตสำนึกปกติ
จึงรู้จักตอบแทนบ้าง รู้สึกผิดที่ไม่ตอบแทนบ้าง
บางคนถูกเลี้ยงมาให้รู้จักแต่รับ
จึงเห็นเป็นหน้าที่ของคนทั้งโลกต้องให้ตน
บางคนถูกเลี้ยงให้รู้จักแต่ให้
จึงมีแต่ให้ รับไม่เป็น รับแล้วอาย

คนส่วนใหญ่ มักจะอกตัญญู
คือนึกไม่ได้ จำไม่ได้ว่า
ใครเคยมีบุญคุณกับตัวเองบ้าง
ถ้าไม่หมั่นระลึกถึงบุญคุณคนแล้ว
ในที่สุดจิตมักลืมอย่างสนิทว่าติดหนี้ใครอยู่บ้าง

การช่วยคือการช่วย
น้อยก็เป็นบุญ มากก็เป็นบุญ
เมื่อมีใจหดหู่ นึกรังเกียจมนุษย์
ไม่อยากมองใครดี
ไม่มีแก่ใจทำบุญให้ทานกับคน
ก็เท่ากับตัดทางสร้างทานบารมีใหญ่ ๆ

เมื่อช่วยใคร
ให้หวังผลเลิศสุด คือ กุศลจิตกับตัวเอง
และคาดหมายผลร้ายสุด คือ ถูกเนรคุณ
เมื่อคาดหวังอยู่สองอย่างนี้ทุกครั้ง
ไม่คิดอยากรับการตอบแทนดีๆทุกครั้ง
กระทั่งกลายเป็นความเคยชิน
กลายเป็นอารมณ์เบิกบาน ปล่อยวางทางใจ
คุณจะรู้สึกว่าได้ทำบุญใหญ่ทุกครั้ง
มีใจใหญ่ขึ้นทุกครั้ง แม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
เพราะรู้สึกว่าใจสะอาดขึ้นเรื่อยๆ
หนี้เก่าจะถูกชดใช้หมดไป
ดอกผลใหม่จะถูกสร้างขึ้นแทนกัน

ทำไปทำมา
คุณจะค่อยๆเชื่อเรื่องเวรกรรมได้เอง
ถึงจุดหนึ่ง คุณจะมองย้อนดูตัวเองว่า
คุณลืมกี่ครั้งว่าใครช่วยอะไรมา
เห็นว่าตัวเองก็เคยดีบ้าง เคยร้ายบ้าง
การทำดีไม่ขึ้น ทำคุณบูชาโทษ
หรือทำบุญกับใครแล้วเขาไม่กตัญญู
ก็เพราะเราเคยร้ายแบบเดียวกันกับผู้มีพระคุณ
โดยเฉพาะกับบุคคลที่นึกไม่ถึง อย่างเช่นพ่อแม่
คุณตอบแทนท่านอย่างไร
ธรรมชาติก็ส่งใครต่อใครมา
เป็นสัญญาณบอกแบบนั้น หรือคล้ายๆอย่างนั้น


คุณจะพบว่า ถ้าไม่ช่วยคนบางคน
คุณจะไม่มีทางล้างเวรบางอย่างได้เลย
สังเกตดู
พอช่วยคนบางคนแล้วเขากลับมาเนรคุณ
แต่คุณทำใจอภัยได้ขาด
จะรู้สึกถึงใจที่ยกสูงขึ้นของตัวเอง
เหมือนพ้นจากบ่วง
หรือลอยขึ้นเหนือน้ำครำเสียได้
นั่นแหละ! เครื่องบอกว่าพ้นออกมาจากของเก่า
การช่วยครั้งนั้น ที่แท้เป็นโอกาสล้างบาปให้ตัวเอง!

________________

ร้อยเรียงจากหลากบทความของคุณดังตฤณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่