สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Techhangout ทุกท่านพบกันกับผมเเม็กอีกเเล้วนะครับ วันนี้ผมจะพาทุกคนมาทำความรู้จัก กับสมาร์ทโฟนน้องเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดจากเเบรนด์ Xioami กับในรุ่น Redmi 9C ซึ่งล่าสุดก็ได้เปิดตัวในบ้านเราอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ด้วยราคาที่ต้องบอกว่าโดนใจสุดๆไปเลย โดยรุ่นนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น RAM 2GB + ROM 32GB มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,099 บาท เเละอีกหนึ่งรุ่นคือรุ่น RAM 3GB + ROM 64GB 3,399 บาท โดยรุ่น Redmi 9C เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มีการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่น Redmi 9A โดยมีการเปลี่ยนเเปลงเรื่องของดีไซน์ ชิปเซ็ตชีพียูจากเดิมที่ใช้ MediaTek Helio G25 มาเป็นตัว MediaTek Helio G35 แทน ทั้งยังมีการเพิ่มในส่วนของกล้องมาให้ทั้งหมด 3 เลนส์ โดยใส่เลนส์ macro พร้อมเลนส์ depth เอาเป็นว่าเรามาอ่านรีวิวบทความที่ผมเอามาฝากกันเลยดีกว่า
Redmi 9C มาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.53 ความละเอียด HD พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5MP + ชิปเซ็ตชีพียู MediaTek Helio G35 RAM 2GB + ROM 32GB เเละ RAM 3GB + ROM 64GB กล้องหลังนั้นมี 3 ตัวประกอบด้วยกล้อง 13MP + 2MP + กล้องตรวจจับความลึก 2MP + เลนส์มาโคร แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สี Midnight Gray สีดำ , Sunrise Orange สีส้ม , Twilight Blue สีน้ำเงิน
UNBOX
สำหรับดีไซน์กล่องรุ่นนี้ โดยรวมไม่ได้เเตกต่างจากรุ่น Redmi 9A มากนัก ยังคงใช้โทนสีกล่องที่เป้นสีขาวเหมือนเดิม
ข้างๆกล่องยังคงมีโลโก้บอกรายละเอียดต่างๆของรุ่นนี้อย่างจัดเจน ตัวกล่องมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก มีตัวหนังสือ Redmi เเละมีชื่อรุ่นสลักไว้อย่างชัดเจน โดยพอเราเเกะกล่องออกมาอุปกรณ์ด้านในจะมีดังต่อไปนี้
- ตัวเครื่อง Redmi 9C
- เข็มจิ้มซิมพร้อมสมุดคู่มือ
- หัวชาร์จเเบต 5V 2A
- สายชาร์จเเบต micro-usb
DESIGN
เรื่องของดีไซน์ของรุ่นนี้หลักๆเเล้วด้านหลังจะมาพร้อมกับบอดี้ที่เป็นพลาสติก มาพร้อมกับพิ้นผิวเเบบด้าน ข้างหลังจะมีตำเเหน่งของกล้องหลังที่เเตกต่างจากรุ่นพี่ มีการวางตำแหน่งกล้องพร้อมไฟแฟลชที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม บริเวณฝาหลังจะมาพร้อมกับพื้นผิวเเบบด้าน มีการเล่นรายละเอียดเป็นเส้นๆ ตัดให้ตัวเครื่องดูโดดเด่นเเละไม่เหมือนใคร รุ่นนี้จะมีน้ำหนักพอสมควรซึ่งอยู่ที่ 196 กรัม ตัวเครื่องมาพร้อมกับขนาด 164.9 x 77.07 x 9.0 mm ส่วนตัวผมว่าดูหนาเล็กน้อยครับ
หน้าจอ Redmi 9C มาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรู Dot Drop Display ใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.53 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+ ที่มีอัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 60Hz เเละ หน้าจอไม่ได้ติดฟิล์มกันรอยมาให้
ส่วนด้านบนของหน้าจอจะมีตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 5MP F/2.2 มุมกว้างอยู่ที่ 77.8 องศา เเละ ข้างๆกันก็จะมีตำแหน่งของ ช่องลำโพงสำหรับฟังเสียง สนทนา พร้อมกับเซ็นเซอร์ต่างๆ
ส่วนขอบจอด้านล่างแอบมีความหนาอยู่นิดหน่อยตามเรทราคา ด้านบนจะมีในส่วนของปุ่มนำทางซึ่งเราสามารถเข้าไปสลับฝั่งหรือทำการซ่อนใช้งานแบบเต็มจอได้
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่มีอะไรมาก แต่จะเห็นว่ากล้องนั้นถือว่านูนน้อยมากๆและ ตัวไมค์ตัดเสียงข้างบนรุ่นนี้จะไม่มีมาให้นะครับ เเต่จะมีตำแหน่งของรูเสียบหูฟัง 3.5 มม มาให้เเทนซึ่งผมมองว่าการออกแบบให้เสียบหูฟังได้ด้านบนมันโอเคมากๆ เวลาเล่นเกมเพราะถ้าเราเล่นด้วย เเละ เสียบหูฟังไปด้วย จะทำให้จับได้ถนัดขึ้น
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเป็นลำโพงหลักที่ใส่มาอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่องมีพอร์ตชาร์จเเบบ MICRO-USB อยู่ตรงกลางของตัวเครื่อง และ มีรูไมค์โครโฟนอยู่ทางด้านซ้าย
ส่วนทางด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีตำแหน่งของช่องใส่ซิม ซึ่งรุ่นนี้พอเราได้เปิดออกมาจะเป็นการใช้งานแบบทิมเบอร์สลอดใส่ซิม 2 ซิมและ 1 เมมโมรี่การ์ด
ด้านขวามีตำแหน่งของปุ่มพาวเวอร์ เเละ มีปุ่มตำแหน่งของปุ่มเพื่มเสียงเเละลดเสียง
ด้านหลังของตัวเครื่องจะมาพร้อมเลนส์กล้องทั้งหมด 3 เลนส์ ได้แก่เลนส์หลักความละเอียด 13 MP F/2.2 + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4) + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4), สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080P ได้ที่ 30fps มีไฟแฟลชอยู่ตรงด้านซ้ายของตำแหน่งกล้อง
ตรงกลางตัวเครื่องจะมีตำแหน่งของเซนเซอร์สแกนนิ้วมือ ด้านหลังจะมีตำแหน่งโลโก้ของ Redmi สลักไว้เป้นตัวหนังสือสีขาวเล็กๆอยู่ตรงกลาง
SPEC
- หน้าจอ IPS LCD 6.53 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+ ที่มีอัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 60Hz
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G35 มาพร้อมการ์ดจอ Power VR8320
- RAM 2GB/3GB ROM 32GB / 64GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย MIUI12
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง 3 ตัวประกอบด้วย หลักความละเอียด 13 MP F/2.2 + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4) + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4), สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080P ได้ที่ 30fps
- กล้องหน้า 5MP (f/2.2) เลนส์กว้าง 77.8 องศา
- เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านหลังตัวเครื่อง
- ขนาดตัวเครื่อง 164.9×77.07×9.0 mm น้ำหนัก: 196 กรัม
- พอร์ต MICRO USB
- 4G LTE, Wi-Fi 2.4, Bluetooth 5
- แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 10W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของรุ่นนี้เเน่นอนว่าในส่วนของสเปคจะมาพร้อมกับชิปประมวลผล MediaTek Helio G35 มาพร้อมการ์ดจอ Power VR8320 ใช้งานหน่วยความจำแบบ EMMC5.1 สามารถทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 96738 คะแนน และ Geekbench ได้ไป 612/1741 DRM L3 สำหรับการดู NETFLIX รองรับสูงสุด SD ครับ
SYSTEM UI
Android 10 ครอบด้วย MIUI 12 รุ่นนี้เท่าที่ลองใช้งานรูปแบบหน้าตาจะคล้ายกับในรุ่น Redmi 9 เเต่ในเรื่องของเเถบด้านบนพอเราลากลงมา เเอบเเปลกใจเหมือนกันจะไม่เหมือน MIUI 12 ที่มีอยู่ใน Redmi 9C การใช้งานต่างเหมือนกับสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน MIUI ทั่วไป มีความลื่นไหล UI เรียบง่าย เเต่รุ่นนี้จะไม่สามารถโคลนเเอพหรือแบ่งหน้าจอได้
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา เคลียร์แอพต่างๆได้ตามต้องการ
หน่วยความจำ 32GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 19 GB ครับ มีแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาให้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายเเละเรื่องของความเเม่นยำจัดว่าโอเคในระดับนึงเลย
มีคลังธีมมาให้ได้เลือกใช้งาน สามารถเปลี่ยนเเถบนำทางต่างๆได้ ตามที่ต้องการอันนี้ก็เเล้วเเต่คนชอบเลยครับ
SCREEN
หน้าจอรุ่นนี้เเน่นอนว่าตามสเปคเขาให้หน้าจอความละเอียดมาอยู่ที่ HD พร้อมกับชนิดจอที่เลือกใช้งานเป็นแบบ IPS LCD เท่าที่ลองใช้งานสีของจอเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Redmi 9A จะออกอมเหลืองนิดๆ สีสันหน้าจอทำออกมาได้ดีในระดับนึง การสูงเเสงจัดว่าอยู่ในระดับกลางๆพอมองเห็น เรื่องของการทัชต่างๆ ติดนิ้วพอสมควร เเต่อาจจะมีทัชเพี้ยนๆบ้างบางจังหวะเวลาที่เราเล่นเกม เเต่เมื่อเทียบราคาเเล้วรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยครับ
SOUND
ทางด้านเสียงในรุ่นนี้น่าเสียดายมากๆที่ทาง Xiaomi ยังไมไ่ด้เเถมหูฟังมาให้ เเต่เท่าที่ลองฟังโดยรวมผมถือว่าโอเคเลยเมื่อทดสอบหูฟังที่มีอยู่ พลังขับอาจจะไม่ได้ทำออกมาได้ดีมาก เน้นฟังสบายๆ เหมาะสำหรับดูหนัง มิติเสียงกลางๆ ไม่เด่นไปทางด้านไหนด้านนึง ส่วนเสียงลำโพง ดังพอสมควร เบสไม่จัด เน้นไปทางการดูหนังมากกว่า เสียงจะออกเเหลมๆเเห้งๆ ตอนเล่นเกมเสียงดัง มิติเสียง ชัดเจน ฟังตำเเหน่งของทิศทางปืน หรือ เสียงเท้าของคู่ต่อสู้ออก เรื่องเสียงใครไม่ซีเรียสมาก ผมว่าน่าจะไม่ทำให้ผิดหวังครับ
BATTERY
แบตนั้นถือว่าให้มาค่อนข้างดีในความจุ 5,000mAh ส่วนการชาร์จไวนั้นจะรองรับการชาร์จสูงสุดเพียงเเค่ 10W เท่านั้น เท่าที่ทดสอบเรื่องเเบตผมว่ารุ่นนี้เป็นจุดเด่นเลย ลองใช้งานต่อเนื่องประมาณ 15 ชั่วโมง แบตเหลือใช้คร่าวๆประมาณ 20% ครับ ใช้งานทั่วไปดู Youtube ถ่ายรูป เล่นเกมเท่าที่ทดสอบต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงในรุ่นนี้จะกินอยู่ร้าวๆประมาณ 10% โดยรวมเรื่องเเบตเตอรี่ผมว่าอึดมากๆ ใครเน้นเเบตอึดไม่ผิดหวังเเน่นอน ส่วนการชาร์จเท่าที่ทดสอบใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆถึงชาร์จเต็มครับ
GPS
การจับสัญญาณถือว่าทำได้ดีเลยแหละทั้งความไวเมื่อเทียบกับราคา เเต่ของเสียรุ่นนี้คือไม่มีในส่วนของเซนเซอร์ gyro มาให้อาจจะมีปัญหาสำหรับใครที่เน้นใช้งาน GPS จริงๆ เพราะจะไม่สามารถ ดูทิศทางที่เราจะต้องไปได้ ลองใช้เเอบเทสโดยรวมก็ถือว่าไม่ได้เเย่อะไร เเต่ถ้าจะใช้นำทางจริงๆรุ่นนี้ผมว่ามันยังไม่เหมาะครับ
GAMING
สำหรับเรื่องของการเล่นเกมในรุ่นนี้จะต้องบอกว่าจริงๆมันก็ทำออกมาได้ดีตั้งเเต่ใน Redmi 9A เเล้ว เท่าที่ลองทดสอบบอกเลยว่าสายเกมงบๆน้อยๆไม่ผิดหวังเเน่นอน บางเกมอาจจะปรับภาพกราฟฟิกได้ไม่สูงมาก เเต่ก็ยังเล่นได้ในระดับที่สมกับราคา เเต่ถ้าใครเน้นลื่นๆ เปิดภาพกราฟฟิกสูงๆ ยังไงใจผมก็เชียรไปที่ Redmi 9 มากกว่า ส่วนเรื่องของเเบตเตอรี่เท่าที่ทดสอบต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงจะกินอยู่ร้าวๆ 10% เเละเรื่องของความร้อนสูงสุดเท่าที่ทดสอบจะอยู่ที่ 40 องศาเท่านั้นครับ
[SR] รีวิว Xiaomi Redmi 9C มือถือน้องเล็กสเปคสะใจ ในราคา 3,099 บาท
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Techhangout ทุกท่านพบกันกับผมเเม็กอีกเเล้วนะครับ วันนี้ผมจะพาทุกคนมาทำความรู้จัก กับสมาร์ทโฟนน้องเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดจากเเบรนด์ Xioami กับในรุ่น Redmi 9C ซึ่งล่าสุดก็ได้เปิดตัวในบ้านเราอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ด้วยราคาที่ต้องบอกว่าโดนใจสุดๆไปเลย โดยรุ่นนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น RAM 2GB + ROM 32GB มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,099 บาท เเละอีกหนึ่งรุ่นคือรุ่น RAM 3GB + ROM 64GB 3,399 บาท โดยรุ่น Redmi 9C เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มีการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่น Redmi 9A โดยมีการเปลี่ยนเเปลงเรื่องของดีไซน์ ชิปเซ็ตชีพียูจากเดิมที่ใช้ MediaTek Helio G25 มาเป็นตัว MediaTek Helio G35 แทน ทั้งยังมีการเพิ่มในส่วนของกล้องมาให้ทั้งหมด 3 เลนส์ โดยใส่เลนส์ macro พร้อมเลนส์ depth เอาเป็นว่าเรามาอ่านรีวิวบทความที่ผมเอามาฝากกันเลยดีกว่า
Redmi 9C มาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.53 ความละเอียด HD พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5MP + ชิปเซ็ตชีพียู MediaTek Helio G35 RAM 2GB + ROM 32GB เเละ RAM 3GB + ROM 64GB กล้องหลังนั้นมี 3 ตัวประกอบด้วยกล้อง 13MP + 2MP + กล้องตรวจจับความลึก 2MP + เลนส์มาโคร แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สี Midnight Gray สีดำ , Sunrise Orange สีส้ม , Twilight Blue สีน้ำเงิน
UNBOX
สำหรับดีไซน์กล่องรุ่นนี้ โดยรวมไม่ได้เเตกต่างจากรุ่น Redmi 9A มากนัก ยังคงใช้โทนสีกล่องที่เป้นสีขาวเหมือนเดิม
ข้างๆกล่องยังคงมีโลโก้บอกรายละเอียดต่างๆของรุ่นนี้อย่างจัดเจน ตัวกล่องมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก มีตัวหนังสือ Redmi เเละมีชื่อรุ่นสลักไว้อย่างชัดเจน โดยพอเราเเกะกล่องออกมาอุปกรณ์ด้านในจะมีดังต่อไปนี้
- ตัวเครื่อง Redmi 9C
- เข็มจิ้มซิมพร้อมสมุดคู่มือ
- หัวชาร์จเเบต 5V 2A
- สายชาร์จเเบต micro-usb
DESIGN
เรื่องของดีไซน์ของรุ่นนี้หลักๆเเล้วด้านหลังจะมาพร้อมกับบอดี้ที่เป็นพลาสติก มาพร้อมกับพิ้นผิวเเบบด้าน ข้างหลังจะมีตำเเหน่งของกล้องหลังที่เเตกต่างจากรุ่นพี่ มีการวางตำแหน่งกล้องพร้อมไฟแฟลชที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม บริเวณฝาหลังจะมาพร้อมกับพื้นผิวเเบบด้าน มีการเล่นรายละเอียดเป็นเส้นๆ ตัดให้ตัวเครื่องดูโดดเด่นเเละไม่เหมือนใคร รุ่นนี้จะมีน้ำหนักพอสมควรซึ่งอยู่ที่ 196 กรัม ตัวเครื่องมาพร้อมกับขนาด 164.9 x 77.07 x 9.0 mm ส่วนตัวผมว่าดูหนาเล็กน้อยครับ
หน้าจอ Redmi 9C มาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรู Dot Drop Display ใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.53 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+ ที่มีอัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 60Hz เเละ หน้าจอไม่ได้ติดฟิล์มกันรอยมาให้
ส่วนด้านบนของหน้าจอจะมีตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 5MP F/2.2 มุมกว้างอยู่ที่ 77.8 องศา เเละ ข้างๆกันก็จะมีตำแหน่งของ ช่องลำโพงสำหรับฟังเสียง สนทนา พร้อมกับเซ็นเซอร์ต่างๆ
ส่วนขอบจอด้านล่างแอบมีความหนาอยู่นิดหน่อยตามเรทราคา ด้านบนจะมีในส่วนของปุ่มนำทางซึ่งเราสามารถเข้าไปสลับฝั่งหรือทำการซ่อนใช้งานแบบเต็มจอได้
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่มีอะไรมาก แต่จะเห็นว่ากล้องนั้นถือว่านูนน้อยมากๆและ ตัวไมค์ตัดเสียงข้างบนรุ่นนี้จะไม่มีมาให้นะครับ เเต่จะมีตำแหน่งของรูเสียบหูฟัง 3.5 มม มาให้เเทนซึ่งผมมองว่าการออกแบบให้เสียบหูฟังได้ด้านบนมันโอเคมากๆ เวลาเล่นเกมเพราะถ้าเราเล่นด้วย เเละ เสียบหูฟังไปด้วย จะทำให้จับได้ถนัดขึ้น
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเป็นลำโพงหลักที่ใส่มาอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่องมีพอร์ตชาร์จเเบบ MICRO-USB อยู่ตรงกลางของตัวเครื่อง และ มีรูไมค์โครโฟนอยู่ทางด้านซ้าย
ส่วนทางด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีตำแหน่งของช่องใส่ซิม ซึ่งรุ่นนี้พอเราได้เปิดออกมาจะเป็นการใช้งานแบบทิมเบอร์สลอดใส่ซิม 2 ซิมและ 1 เมมโมรี่การ์ด
ด้านขวามีตำแหน่งของปุ่มพาวเวอร์ เเละ มีปุ่มตำแหน่งของปุ่มเพื่มเสียงเเละลดเสียง
ด้านหลังของตัวเครื่องจะมาพร้อมเลนส์กล้องทั้งหมด 3 เลนส์ ได้แก่เลนส์หลักความละเอียด 13 MP F/2.2 + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4) + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4), สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080P ได้ที่ 30fps มีไฟแฟลชอยู่ตรงด้านซ้ายของตำแหน่งกล้อง
ตรงกลางตัวเครื่องจะมีตำแหน่งของเซนเซอร์สแกนนิ้วมือ ด้านหลังจะมีตำแหน่งโลโก้ของ Redmi สลักไว้เป้นตัวหนังสือสีขาวเล็กๆอยู่ตรงกลาง
SPEC
- หน้าจอ IPS LCD 6.53 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+ ที่มีอัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 60Hz
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G35 มาพร้อมการ์ดจอ Power VR8320
- RAM 2GB/3GB ROM 32GB / 64GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย MIUI12
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง 3 ตัวประกอบด้วย หลักความละเอียด 13 MP F/2.2 + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4) + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4), สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080P ได้ที่ 30fps
- กล้องหน้า 5MP (f/2.2) เลนส์กว้าง 77.8 องศา
- เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านหลังตัวเครื่อง
- ขนาดตัวเครื่อง 164.9×77.07×9.0 mm น้ำหนัก: 196 กรัม
- พอร์ต MICRO USB
- 4G LTE, Wi-Fi 2.4, Bluetooth 5
- แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 10W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของรุ่นนี้เเน่นอนว่าในส่วนของสเปคจะมาพร้อมกับชิปประมวลผล MediaTek Helio G35 มาพร้อมการ์ดจอ Power VR8320 ใช้งานหน่วยความจำแบบ EMMC5.1 สามารถทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 96738 คะแนน และ Geekbench ได้ไป 612/1741 DRM L3 สำหรับการดู NETFLIX รองรับสูงสุด SD ครับ
SYSTEM UI
Android 10 ครอบด้วย MIUI 12 รุ่นนี้เท่าที่ลองใช้งานรูปแบบหน้าตาจะคล้ายกับในรุ่น Redmi 9 เเต่ในเรื่องของเเถบด้านบนพอเราลากลงมา เเอบเเปลกใจเหมือนกันจะไม่เหมือน MIUI 12 ที่มีอยู่ใน Redmi 9C การใช้งานต่างเหมือนกับสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน MIUI ทั่วไป มีความลื่นไหล UI เรียบง่าย เเต่รุ่นนี้จะไม่สามารถโคลนเเอพหรือแบ่งหน้าจอได้
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา เคลียร์แอพต่างๆได้ตามต้องการ
หน่วยความจำ 32GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 19 GB ครับ มีแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาให้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายเเละเรื่องของความเเม่นยำจัดว่าโอเคในระดับนึงเลย
มีคลังธีมมาให้ได้เลือกใช้งาน สามารถเปลี่ยนเเถบนำทางต่างๆได้ ตามที่ต้องการอันนี้ก็เเล้วเเต่คนชอบเลยครับ
SCREEN
หน้าจอรุ่นนี้เเน่นอนว่าตามสเปคเขาให้หน้าจอความละเอียดมาอยู่ที่ HD พร้อมกับชนิดจอที่เลือกใช้งานเป็นแบบ IPS LCD เท่าที่ลองใช้งานสีของจอเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Redmi 9A จะออกอมเหลืองนิดๆ สีสันหน้าจอทำออกมาได้ดีในระดับนึง การสูงเเสงจัดว่าอยู่ในระดับกลางๆพอมองเห็น เรื่องของการทัชต่างๆ ติดนิ้วพอสมควร เเต่อาจจะมีทัชเพี้ยนๆบ้างบางจังหวะเวลาที่เราเล่นเกม เเต่เมื่อเทียบราคาเเล้วรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยครับ
SOUND
ทางด้านเสียงในรุ่นนี้น่าเสียดายมากๆที่ทาง Xiaomi ยังไมไ่ด้เเถมหูฟังมาให้ เเต่เท่าที่ลองฟังโดยรวมผมถือว่าโอเคเลยเมื่อทดสอบหูฟังที่มีอยู่ พลังขับอาจจะไม่ได้ทำออกมาได้ดีมาก เน้นฟังสบายๆ เหมาะสำหรับดูหนัง มิติเสียงกลางๆ ไม่เด่นไปทางด้านไหนด้านนึง ส่วนเสียงลำโพง ดังพอสมควร เบสไม่จัด เน้นไปทางการดูหนังมากกว่า เสียงจะออกเเหลมๆเเห้งๆ ตอนเล่นเกมเสียงดัง มิติเสียง ชัดเจน ฟังตำเเหน่งของทิศทางปืน หรือ เสียงเท้าของคู่ต่อสู้ออก เรื่องเสียงใครไม่ซีเรียสมาก ผมว่าน่าจะไม่ทำให้ผิดหวังครับ
BATTERY
แบตนั้นถือว่าให้มาค่อนข้างดีในความจุ 5,000mAh ส่วนการชาร์จไวนั้นจะรองรับการชาร์จสูงสุดเพียงเเค่ 10W เท่านั้น เท่าที่ทดสอบเรื่องเเบตผมว่ารุ่นนี้เป็นจุดเด่นเลย ลองใช้งานต่อเนื่องประมาณ 15 ชั่วโมง แบตเหลือใช้คร่าวๆประมาณ 20% ครับ ใช้งานทั่วไปดู Youtube ถ่ายรูป เล่นเกมเท่าที่ทดสอบต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงในรุ่นนี้จะกินอยู่ร้าวๆประมาณ 10% โดยรวมเรื่องเเบตเตอรี่ผมว่าอึดมากๆ ใครเน้นเเบตอึดไม่ผิดหวังเเน่นอน ส่วนการชาร์จเท่าที่ทดสอบใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆถึงชาร์จเต็มครับ
GPS
การจับสัญญาณถือว่าทำได้ดีเลยแหละทั้งความไวเมื่อเทียบกับราคา เเต่ของเสียรุ่นนี้คือไม่มีในส่วนของเซนเซอร์ gyro มาให้อาจจะมีปัญหาสำหรับใครที่เน้นใช้งาน GPS จริงๆ เพราะจะไม่สามารถ ดูทิศทางที่เราจะต้องไปได้ ลองใช้เเอบเทสโดยรวมก็ถือว่าไม่ได้เเย่อะไร เเต่ถ้าจะใช้นำทางจริงๆรุ่นนี้ผมว่ามันยังไม่เหมาะครับ
GAMING
สำหรับเรื่องของการเล่นเกมในรุ่นนี้จะต้องบอกว่าจริงๆมันก็ทำออกมาได้ดีตั้งเเต่ใน Redmi 9A เเล้ว เท่าที่ลองทดสอบบอกเลยว่าสายเกมงบๆน้อยๆไม่ผิดหวังเเน่นอน บางเกมอาจจะปรับภาพกราฟฟิกได้ไม่สูงมาก เเต่ก็ยังเล่นได้ในระดับที่สมกับราคา เเต่ถ้าใครเน้นลื่นๆ เปิดภาพกราฟฟิกสูงๆ ยังไงใจผมก็เชียรไปที่ Redmi 9 มากกว่า ส่วนเรื่องของเเบตเตอรี่เท่าที่ทดสอบต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงจะกินอยู่ร้าวๆ 10% เเละเรื่องของความร้อนสูงสุดเท่าที่ทดสอบจะอยู่ที่ 40 องศาเท่านั้นครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้