สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะเป็นกระทู้แรกที่จะพาทุกคนไปเปิดโลกกว้างที่ อุทยานแห่งชาติทุ่งแลวงหลวง จ.เพชรบูรณ์ 

    สำหรับทริปนี้เราสองคนเดินทางโดยการขับมอเตอร์ไซค์นะคะ

    เราได้ทำการค้นข้อมูลสำหรับการเดินทางครั้งนี้ไม่มากนัก เพราะต้องการพักผ่อนจากความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวันหลายๆอย่าง จึงเลือกโดยการจิ้มค่ะ ไม่ผิดแน่ เราเลือกจิ้มสถานที่โดยการดูจากพาสปอร์ตอุทยานที่ซื้อไว้ สามารถซื้อได้ที่จุดการอุทยานได้เลยนะคะ เล่มละ100 บาท เอาไว้สะสมตราปั๊มอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศไทยถือว่าเป็นความภูมิใจอีกอย่างหนึ่งค่ะ เวลามีตราปั๊มประทับตรงสมุดสะสมของเรา 
   อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เป็นพื้นที่แบบทุ่งหญ้าสะวันนา และยังเป็นอุทยานที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทย ที่นี้ได้รับขนานนามว่าเป็น ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งประเทศไทยเลยแหละ 

   เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เริ่มการเดินทางของเราเลยดีกว่า 
   หลังจากที่เลือกสถานที่ได้แล้ว ก็ทำการจองอุทยานผ่านแอพพลิเคชั่น QueQ เลือกวันและเวลาเดินทางก็เก็บกระเป๋า เตรียมอกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
   เราเดินทางออกจากที่พักเวลาตี4 ฟ้ายังมืด ผู้คนไม่ค่อยเยอะ รถน้อย ถนนโล่ง และนี้เป็นอีกเหตุผลที่เราออกเดินเช้าในตอนเช้าตรู่ขนาดนี้ เราแวะเซเว่นที่ใกล้ที่สุดในการเติมพลังงานก่อนออกเดินทางโดยกาแฟของเซเว่น เพราะตอนนั้นไม่มีร้านค้าไหนเปิดเลยขอฝากท้องไว้กับร้านสะดวกซื้อหน่อยละกัน 

  เราขับรถออกอีกสักระยะ โดยการปักหมุดไปยังอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ฟ้าเริ่มสว่าง การเดินทางนั้นไม่ได้น่ากลัวเท่าที่คิด เพราะมีเพื่อนร่วมเดินทางเยอะเลยเลยค่ะ เราขับรถไปยังเส้นทางของภูทับเบิก - เขาค้อ ส่วนมากผู้คนจะน้อยลงหลังจากถึงเขาค้อ จากนั้น ระหว่างเขาค้อตรงไปทุ่งแสลงหลวงอีก60กิโล นั้นเป็นการเดินทางที่มีเพียงรถไม่กี่คันเท่านั้นที่เราสวนทางเจอกัน
     

   วันที่เราเดินทางมีฝนตกเกือบตลอดระยะทางเลยไม่สามารถเก็บภาพได้ เพราะฝนตกพร้อมใจเทลงมาจนเราต้องอาศัยศาลาข้างทางพักรถก่อน
  "จะว่าไป.. วิวข้างทางก็สวยเหมือนกันนะ"

  หลังจากที่เราสองมองฟ้าฝนแล้วก็มองตากันปริบๆ การตัดสินใจที่จะรอฝนหยุดนั้นพังไม่เป็นท่าเพราะไม่มีท่าทีว่าฝนจะหยุดตกเลย เลยเปลี่ยนแผนใหม่ เอาไงเอากัน ควักกันฝนมาใส่แล้วคลุมกระเป๋าไว้กันเปียก ขับรถออกมาเรื่อยๆด้วยความเร็วที่ลดลง เพราะทางยังเป็นเขาบวกถนนลื่นๆทำให้ต้องมีสมาธิในการขับมากกว่าปกติ 
   
   และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย เรามาถึงยังทุ่งแสลงหลวงแล้ว จัดการปั๊มตราปั๊มในพาสปอร์ตอุทยาน จ่ายค่าเข้าอุทยานในราคาของนักศึกษา 10 บาท ถือว่าคุ้มเป็นอย่างมาก เงินหลักสิบแลกกับวิวหลังแสน เราเช่าเบาะรองนอนของอุทยาน 30 บาท สองแผ่น จะบอกว่าเบาะรองนอนของที่นี้นุ่มมาก แผ่นใหญ่ เราต้องเดินสองรอบเพื่อขนเบาะรองนอนเลยที่เดียว เพราะมอเตอร์ไซค์คันเก่งแบกของทั้งหมดไม่ไหว เลยแบ่งขนสองรอบเลย 
   พอเรามาถึงแต่ก็เราไม่ได้เก็บรูปมาอีก น่าเสียดายจริงๆ ฝนที่กำลังทำท่าจะตกมากอีกรอบทำให้เรารีบกางเต็นท์กันแล้วรีบมุดเข้าไป เสียงฝนตก อากาศเย็นๆแล้วให้เราเผลอหลับ สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกที แดดเริ่มมาบ้างแล้วแต่ฟ้ายังครึ้มอยู่ 
 เราไม่เคยปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ จัดการหยิบแก๊สกระป๋องขึ้นมา แกะมาม่าต้มน้ำ
มาม่าต้มยำนี้เหมาะจริงๆหลังจากความหิวมากแล้ว ก็เกิดการผิดพลากทางเทคนิคนิดหน่อยเกี่ยวกับเตาแก๊สปิกนิค 
โดยปกติจะต้องเอาหม้อออกก่อน แต่ด้วยความครั้งแรกของเราที่เพิ่งจะมีเตาแก๊สเป็นของตัวเอง เลยดึงกระป๋องแก๊สออกก่อนเพราะกลัวแก๊สรั่ว 555 อะไรเนี่ย  

ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจมากนักแต่เรียกเสียงหัวเราะให้กับความซื่อบื้อของเราเอง  หม้อมาม่าคว่ำเพราะถอดแก๊สกระป๋องออกแล้วน้ำหนักถ่ายเทไม่เท่ากัน เป็นอย่างตามภาพประกอบเลยค่ะ 

  หลังจากจัดการต้มมาม่าใหม่ ฝนหยุดตกแล้ว นั่นแหละค่ะ เราไม่รอให้เวลาผ่านไปเฉยๆแอบแว๊บไปเห็นที่เช่าจักรยาน ชั่วโมงละ 50 บาท ทั้งวัน 200 
เราเช่าหนึ่งชั่วโมงสองคัน ปั่นออกไปตามทาง ทางชันหน่อยนะคะ ตรงนี้ ขาลงว่าลำบากแล้ว ขาขึ้นนี้เข็นรถชึ้นเลย ปั่นไม่ไหวจริงๆ 

 สระน้ำนี้แอบน่ากลัวนิดๆ แต่มองอีกมุมเป็นภาพสะท้อนของท้องฟ้าเป็นอย่างดี สวยแบบลึกลับไปอีกค่ะ จากจุดนี้สามารถเห็นจุดกางเต็นท์ได้ด้วย
หลากหลายสีสัน เป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ คนเยอะนะคะเพราะช่วงนี้เป็นวันหยุดคนกางเต็นท์เยอะมาก แต่ไม่เสียงดังเลย จะได้ยินแค่ตอนเช้าที่คนออกมาดูหมอกกันเท่านั้น 


 พอถึงทางแยกสามารถไปยังทุ่งนางพญาเมืองเลนได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ศึกษากันมาก่อน ไม่สามารถไปได้เพราะให้ปั่นจักรยานไปกลับคงค่ำแน่ๆ ใครที่ไปแล้วสามารถแลกรูปกันได้นะคะ 

  กลับมาถึงที่พักอีกที รองเท้า หมวก เสื้อผ้าที่เปียกฝนไว้ตรงหน้าเต็นท์ เริ่มแห้งแล้ว จากนั้นก็ทำมื้อค่ำ เป็นสุกี้เมนูยอดนิยมของคนกางเต็นท์ เพราะง่ายแก่การประกอบอาหาร หลังจากนั้นก็เข้านอนด้วยความเหนื่อล้า คืนนี้นอนฟังเสียงฝนทั้งคืน ไม่มีร้อนเลยสักนิด ตกดึกมาแอบได้ยินเสียงเต็นท์ข้างๆที่เก็บของเพราะน้ำท่วมเต็นท์ด้วย 
 
  ตื่นเช้ามาประมารณตี4 ฝนยังตกปรอยๆ เราแอบเฟลนิดๆว่าฝนจะตกจนไม่เห็นหมอกตรงภูเขาแลนมาร์คของที่นี้ พอถึงเวลา6โมง เปิดเต็นท์ออกมากอีกที่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก ฝนหยุดแล้ว ทิ้งไว้แต่ความชื้น และวิวตรงหน้า
 เราปลุกเพื่อนร่วมทริปออกมาดูวิว ล้างหน้าล้างตากันก่อนที่จะออกไปเก็บรูปในตอนเช้า แล้วมาทำอาหารกันต่อก่อนจะเดินทางกลับ
ฝนที่ตกมาไม่ได้แย่ อากาศดีขึ้นเป็นเท่าตัว หญ้าเขียวไปหมด ตรงนี้เหมาะสำหรับพักผ่อนมากๆเพราะโผล่หน้าออกมาก็ปะทะกับวิวแล้ว 
  หมอกยังฟุ้งอยู่ และอีกสักระยะกว่าจะจางหายไป เราสองคนนั่งดูวิวตรงหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ ลมพัดพาเอาหมอกลอยช้าๆเหมือนกันเวลาตอนนี้ที่เหมือนเดินช้าลงด้วย รู้สึกดีมากๆเลย 


  พอฟ้าเริ่มเปิด หมอกเริ่มจางหายไป ทิ้งไว้แค่ตรงกระจุกนี้หน่อยๆ เราก็ได้เวลาเตรียมอาหารเช้าง่ายๆของเราก่อนเดินทางกลับ เพื่อไปใช้ชีวิตอันแสนวุ่นวายต่อไป  ไม่อยากกลับเลยแฮะ 

   ช้อนแอบงอนิดหน่อย ตอนแซะขอบข้างของไข่กะทะ 
 หลังจากอิ่มและดื่มด่ำกับอาหารและวิวหลักแสนของเราก็ถึงเวลากลับแล้ว เก็บของยัดใส่กระเป๋า เก็บขยะออกจากอุทยานเหมือนกับว่าไม่เคยมีใครมาปักหลักนอนตรงนี้ 

  ผลจากการที่ฝนตกเมื่อคืนทำให้รถของเราติดโคลน แต่ก็ได้ความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมนอนของเราที่กางเต็นท์อยู่ใกล้ๆ มาช่วยดึงมอเตอร์ไซต์ออกจากโคลน เราทำการขอบคุณกันยกใหญ่และคุยกันนิดหน่อย พี่ชายใจดีของเราก็จะเดินทางกลับเวลาใกล้ๆกับเราเหมือนกัน 


 ลาแล้วทุ่งแสลงหลวง ทริปนี้เนื่องจากเราวางแผนกันมาน้อย ทำให้พลาดหลายๆอย่างอยู่เหมือนกัน และแน่นอนว่าครั้งหน้าต้องได้มาอีกเพื่อเก็บในส่วนที่เรายังไม่ได้ไปในครั้งนี้  
  ค่าใช้จ่ายทั้งทริป
น้ำมันรถไปกลับ 200 บาท 
ค่าอาหารทั้งหมด 300 บาท 
ค่าเข้าอุทยาน 20 บาท (บุคคลทั่วไปคนละ30 บาท)
ค่าเช่าเบาะรองนอน 60 บาท 
ค่ากางเต็นท์ 60 บาท (สำหรับนำเต็นท์มาเอง) 
ค่าเช่าจักรยาน 100
ค่าซื้อของจิปาถะทั้งหมด 150 บาท 

รวมแล้ว 890 หารสองแล้วตกกันคนละประมาณ 450 บาท 

 ขอจบการรีวิวการเดินทางไว้แค่นี้นะคะ ติดตามทริปใหม่ได้ในการรีวิวครั้งต่อไป และเราจะต้องมาที่ทุ่งแสลงหลวงอีกเป็นครั้งที่สองค่ะ