+++ อัญมณีแห่งบ้านมุงอีกแห่งที่เรียกได้ว่าเป็น Amazing Thailand มีการโปรโมทอย่างเป็นทางการราวปี 2563 โดยเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวชุดแรกปีนเขา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นับเป็นการร่วมมือกันระหว่างชุมชนชาวบ้านมุงกับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงเพื่อเปลี่ยนการออกล่าสัตว์และการหาของป่าไปสู่การพัฒนาพื้นที่ที่สวยงามแห่งนี้ให้แเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดท้าทายที่ยั่งยืน และในอนาคตก็อาจจะเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นมากๆ แห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยมีเนื้อที่ที่ได้รับการอนุญาตจากกรมอุทยานฯ ให้ดำเนินการจัดการเป็นแหล่งท่องเที่ยวปีนเขาจำนวน 5 ไร่ 3 งาน
ที่มาของชื่อ: ชื่อเขาล่องเรือตาหมื่นมาจากที่สมัยก่อนมีทหารยศนายหมื่นมาตัดต้นตะเคียนที่เขาแห่งนี้ เพื่อนำไปทำเรือ ตอนนำไม้ตะเคียนลงเขา ต้องล่องไม้ลงมาตามซอกเขาแห่งนี้ ชาวบ้านมุงเลยเรียกเขาแห่งนี้ว่าเขาล่องเรือตาหมื่นนั่นเอง
อ้างอิงข้อมูลจากเฟสบุ๊กแค่คุณพิมพ์คำว่า “พิชิตยอดเขาล่องเรือตาหมื่นอัญมณีแห่งบ้านมุง” เท่านั้น
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงในส่วนของถ้ำดาวถ้ำเดือน ซึ่งเป็นจุดนัดพบ
/// สำหรับนักท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์จะพลาดไปก็กระไรอยู่น้าาาา
ด้านล่างเป็นข้อมูลคร่าวๆ สำหรับคนที่สนใจปีนเขาค้างแรม..2 วัน 1 คืน มีอัตราค่าใช้จ่ายดังนี้
มีคนปีนแค่คนเดียว จ่ายเลย 3,000 บาท
คนปีน 2-4 คน คนละ 2,000 บาท
คนปีน 5-9 คน คนละ1,800 บาท
คนปีน 10-20 คน คนละ 1,500 บาท
*ราคาจอยกับแกงค์อื่นได้ ยิ่งเพื่อนเยอะก็ยิ่งจ่ายน้อยลง
สำหรับค่าใช้จ่ายจะรวมค่าเข้าอุทยานทุ่งแสลงหลวง ค่าตอบแทนนายพราน น้ำดื่มคนละ 6 ขวด (แยกออกมา 1 ขวดสำหรับจิบตลอดทางขึ้นเขา) มื้อเย็น 1 มื้อ (ข้าวเหนียวดอกอัญชันห่อใบตอง) ผ้าเย็น 1 ผืน ถุงขยะ มื้อเช้า (โจ๊ก/ มาม่า, กาแฟร้อน ,ขนมปัง แล้วแต่ทางทีมงานจะจัดหาให้) ซึ่งทั้งหมดนี้พี่นายพรานจะเป็นคนแบกขึ้นไปให้ นอกจากนี้ การปีนเขาซึ่งหินมีทั้งความแหลมและความคมเวลาจับเกาะ ทางอุทยานจึงได้เตรียมถุงมือและหมวกกันน็อคไว้ให้ยืมด้วยจ้า
จุดรับนักท่องเที่ยว เข้าสู่มาตรการป้องกันโควิด ตรวจวัดอุณหภูมิ ลงทะเบียนคนที่จะปีนเขาทุกคน
เจ้าหน้าที่ทั้งที่เป็นทีมชาวบ้านและทีมจากอุทยานแห่งชาติ
ใครมาไวก็นั่งรอไปก่อนนะ เพราะต้องขึ้นเป็นทีม (ขึ้นตามโซนที่พัก)
จ่ายค่าธรรมเนียมรถยนต์คันละ 30 บาท และค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
บรรยากาศเริ่มคึกคักเพราะใกล้เวลาปีนเขาแล้ว
ปล. อุปกรณ์ที่ทางอุทยานเตรียมให้ถ้าใครอยากเตรียมมาเองก็ต้อง์ให้ได้มาตรฐานดังนี้
ถุงมือ -- ด้านมือจับต้องเป็นยางเพื่อการยึดเกาะที่ดี (ซื้อตามร้าน 20 บาท หรือร้าน DIY คู่นึงไม่เกิน 30 บาท) เตรียมไปสองก็ได้นะเผื่อหลุดร่วงเวลาถอด เกินดีกว่าขาดนะจ๊ะ
หมวกกันน็อก -- ต้องมีสายคล้องใต้คางเพื่อกันหมวกหล่นร่วง มีทั้งมุดทั้งโขก บอกได้คำเดียวว่ามันส์ แต่หมวกนกอีก๋อยว่าใส่ของทางอุทยานดีกว่าเพราะเค้าได้เตรียมหมวกสีต่างๆ เพื่อ Grouping นักท่องเที่ยวตามโซนที่พักจ้าาาา
///// และจากที่ไปมาแล้ว นกอีก๋อยว่าสิ่งสำคัญๆ 2 อย่างเลยนะที่ต้องเตรียมตัวให้ดีดีก็จะมี
1. รองเท้าเดินเขาหรือรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อที่พื้นหนาๆ และไม่เก่าเก็บ ย้ำ!!! ไม่เก่าเก็บนะจ๊ะ เพราะถ้ารองเท้าซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการปีนเขาไม่ดีซะแล้วเนี่ย มันก็จะเกิดปัญหาเป็นการสร้างภาระให้แก่นายพรานในการเป็นธุระจัดหามาเปลี่ยนแทนที่จะได้มีเวลาดูแลคนอื่นๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งทางพรานผู้นำทีมนกอีก๋อยบอกว่ารองเท้าปีนเขาถูกๆ ขายในตลาดมีถมไปไม่แพงก็สามารถใช้ปีนเขาได้ และใช้ได้ดีไม่แพ้รองเท้าราคาหลักพัน 555 พี่พรานบอกแกซื้อมาไม่ถึงร้อยบาท..นกอีก๋อยถึงกับร้องว้าวววววทีเดียว
2. เสื้อผ้าแขนยาวขายาวที่ควรมีความหนาแต่ยืดหยุ่นมากๆ สำคัญตรงไหนรู้มะ มันต้องจับเกาะแล้วบางทีต้องกอดด้วยอ่ะ แล้วเขาหินปูนนึกกันเอานะ ทั้งแหลมทั้งคม บาดทีก็เสียวแปล๊บๆ เอาเรื่องเลยล่ะจ้ะ
รองเท้าคู่ใจพรานดร สนนราคาหลักสิบ ถูกและดีมีอยู่จริง สอบถามหรือให้อุทยานช่วยแนะนำแหล่งซื้อได้
ปล. ถึงกับถอดถ่ายโชว์คู่กับวิวเชียวนะ
เสื้อนี้ท่านได้แต่ใดมา ไปขอตื๊อซื้อเขามาสิจ๊ะจะบอกให้ สีเขียวส้วยสวย ไม่ได้มีจำหน่ายหรอกนะ แต่นกอีก๋อยไปเลาะถามจนเค้าใจอ่อนยอมแบ่งขายให้น่ะ..อุคริอุคริ ซักตากเตรียมใส่นอน
++++ ทางเพจนัดนกอีก๋อยและอ้ายกากเวลา 14:00 น. ก็ต้องไปก่อนเวลาสักหน่อยเพื่อจะได้รับฟังข้อมูลที่ต้องรู้ เพื่อสอบถามและเคลียร์ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ เช่น ค่าเช่าเต๊นท์ เปล ลูกหาบ ค่าจอดรถยนต์ ซึ่งคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวทางอุทยานนัดให้มาเจอกันที่ถ้ำดาวถ้ำเดือนเลย
ส่วนเวลาลงเขาก็ประมาณ 09:00 ของอีกวัน
เวลาที่ใช้ในการปีนขึ้น 1:30 ชั่วโมง ปีนลง 1:30 ชั่วโมง
สำหรับปีนขึ้นไปนอนโซนแคร่จะใช้เวลา 1.30 ชม. แต่ถ้าโซนหมูกะทะ กับโซนหน่อแรด บวกเพิ่มอีกไป 30-40 นาที
** แต่เราเลือกโซนหน่อแรดเพราะเราแรด 555555 ม่ายสิ...เราเลือกเพราะอยากนอนโซนที่เป็นจุดที่สูงที่สุดของทริปนี้ต่างหากล่ะ โดยโซนหน่อแรดจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 6 คน (ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ก๋อยล่ะช้อปชอบ)
+++ และสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมเพราะสำคัญมากๆ อีกเช่นกันก็จะมีไฟฉาย แนะนำว่าไฟแบบติดหัวจะดีมากเวลาเดินจะได้โฟกัสกับการก้าวเท้า (เพราะหินทุกก้อนไม่เป็นมิตรกับหนังหน้าเท้าของเราสักเท่าไหร่) ส่วนมือก็จะได้คอยจับเกาะกันล้มกันสะดุด ของใช้ส่วนตัวก็เตรียมพวกผ้าเช็ดตัว/เสื้อผ้า/ผ้าสำหรับอาบน้ำแห้ง ผ้าห่ม ยากันยุง เสื้อกันฝน และอื่นๆ ที่คิดว่าเราจำเป็นต้องใช้
ป้ายข้อห้าม ทุกสิ่งอย่างขอให้ทำตามเลยนะเพราะทุกข้อที่กล่าวมามีที่มาที่ไปจนเกิดเป็นข้อห้ามอย่างที่เห็นนั่นแหละ
ก่อนปีนเขาทุกคนต้องมาฟังพี่พรานแนะนำก่อน ทุกคนต้องฟังอย่างตั้งใจเพราะพรานที่นี่ดุมาก..อ่าล้อเล่นจ้าาาา ความจริงพรานที่นี่ใจดีทุกคนเลย มีทั้งหญิงและชาย ประสบการณ์การปีนเขาเป็นเลิศ ซึ่งแต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้ดูแลนักท่องเที่ียวประมาณ 1 ต่อ 3 หรือ 4 คน เรียกว่าดูแลดุจญาติมิตรกันเลยทีเดียว
อ้อๆๆ...และในการปีนเขาครั้งนี้มันมีอีกเรื่องที่อาจจะลำบากหน่อยสำหรับผู้หญิงอย่างเราคือเรื่องห้องน้ำ คือตั้งแต่เดินขึ้นจะไม่มีห้องน้ำให้แล้วนะเออ เวลาจะทำธุระส่วนตัวต้องใส่ถุงที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ ซึ่งพี่นายพรานจะเก็บถุงพวกขยะพวกนี้ลงเขาแล้วจัดการทิ้งให้ แนะนำก่อนปีนก็ทำธุระหนักเบาให้เรียบร้อยกันเลยนะ นี่เลย..ภาพประกอบการใช้ห้องน้ำบนเขาที่เพจส่งมาให้ ก็จะใช้สำหรับทั้งหญิงและชายเพื่อให้การพักแรมของกลุ่มถัดมีความรื่นรมย์ไม่ขมคอ
** ข้อสำคัญเลยนะไม่รับคนเป็นโรคหัวใจ หอบ หืด ความดันสูง มีไข้ 37.5 ขึ้นไป และช่วงโควิดต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 14 วันขึ้นไปเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมหรือรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่เบอร์ 064-986-0569 ชื่อน้องออย
มาที่ราคาเช่าอุปกรณ์กันบ้าง
เต็นท์ 150 บาท
เปล 100 บาท
ที่รองนอน 50 บาท
ลูกหาบแบบเหมาจ่าย กิโลละ 60฿ (1-10 กก. = 600 บาท กิโลต่อไปก็เพิ่มกิโลละ 60 บาท) นกอีก๋อยจัดไป 11 โล 660 บาท
และตอนจองทางอุทยานก็จะมีฟอร์มออนไลน์ให้เรากรอกรายละเอียดส่วนตัวและส่งกลับไป ก่อนวันเดินทาง 1 วัน จะมีเจ้าหน้าที่แจ้งค่าใช้จ่ายในส่วนการพักแรม โดยให้เราโอนผ่านบัญชีธนาคาร และเราสองคนได้เรทต่อหัวที่ 1,500 บาท มีคนจองพักแรมทั้งหมด 26 คน โย่วววววๆๆ ในการนำปีนเขารอบนี้มีพรานผู้ชำนาญทางพาเราปีน 8 คน พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยาน 2 คนที่จะคอยตรวจตราดูความเรียบร้อยโดยรวม..คึกคักดีเนอะ
ปล. การปีนเขา ทางอุทยานจะไม่ให้ปีนถ้าฝนตกหนักๆ นะจ๊ะ
ปฐมบทของการเดินทาง..
+++ ถ้ามีคนถามว่าคิดยังงัยถึงไปปีนเขา นกอีก๋อยคงบอกว่ามันไม่ได้เป็นความบังเอิญนะ+++
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า จากทริปที่เรามาแค้มปิ้งที่บ้านมุงเพื่อมาดูค้างคาวเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราก็เอากล้องส่องทางไกลมาส่องดูค้างคาวอะไรไปตามประสา ส่องไปส่องมาดันไปเห็นภูเขาลูกหนึ่งลิบๆ ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็เห็นแค่ว่าเป็นภูเขา แต่พอส่องดีดี เพ่งดีดีเท่านั้นแหละ ดันไปเห็นว่ามีธงชาติไทยโบกสะบัดอยู่บนยอดเขาคือมันไม่ได้แค่ปักอยู่อ่ะ มันเหมือนมีคนโบก ก็เลยส่องอยู่พักหนึ่งจนเห็นเต๊นท์ เฮ้ยยยยยยยย..มีคนขึ้นไปบนนั้น มีคนขึ้นไปกางเต๊นท์ด้วยอ่า บอกตามตรงว่าแอบตื่นเต้นว่าตรงนั้นมันคือพื้นที่ส่วนไหนกันหนอ คิดแค่ว่าคงเป็นชาวบ้านขึ้นไปหาของป่าปีนเขาอะไรหรือเปล่า เลยไม่ได้สนใจอะไร แค่เปรยๆ กันว่า “น่าขึ้นไปอ่ะ”
จนวันหนึ่งหน้าเฟสบุ๊กมันเด้งขึ้นมาเป็นเพจที่มีภาพภูเขาลูกหนึ่งซึ่งคุ้นตามากๆ เลยลองกดเข้าไปดู..ใช่เลย ตรงปก มีธงโบกสะบัดแบบเดียวกับที่เห็นเป๊ะ รีบเข้าแชทถามว่าจะจองขึ้นปีนเข้าได้เลยมั้ย แอดมินบอกว่ายังไม่เปิดให้จองเนื่องจากสถานการณ์โควิด รอจนเพจประกาศขึ้นหน้าเพจอย่างเป็นทางการให้เริ่มปีนได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 โดยเป็นแบบ one-day trip นกอีก๋อยเลือกจะรอจองแบบพักค้างคืนจนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...
*** จะว่าไปกิเลศล้วนๆ ไม่มีอะไรมาปนเลย ความอยากลอง ความท้าทายสารพัด เอาสิน่า..ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากทำอะไรก็ทำให้มันสุดๆ กันไปเลย เริ่มที่เขาหินปูนที่เขาว่าทั้งยากทั้งอันตราย (คิดเอาเองล้วนๆ) ติดตามชมกันได้เลยจ้า...
เริ่มต้นที่ตีนเขาด้วยสองตีนทั้งสองของเรานี่แหละ
ก่อนถึงตีนเขาต้องเดินผ่านป่ามะม่วงของชาวบ้านสัก 15 นาทีค่ะ
ทางขึ้นช่วงแรกๆ ยังไม่ชันมาก เดินใต้ร่มไม้ใบบัง แถมอากาศก็ไม่ถือว่าร้อนหรือเย็นจนเกินไป
พี่พรานบอกว่ายิ่งใกล้ยอดเขายิ่งร้อนเพราะเป็นเขาหินปูนทั้งลูก
จากภาพจะเห็นเส้นทางที่เริ่มชันขึ้น ระดับประมาณที่ 20-30 องศาคงได้
เริ่มมีก้าวข้ามหินใหญ่บ้างแล้วมีเชือกคอยนำทางให้จับยึดโยนตัวขึ้นแล้วจากจุดๆ นี้
--มีต่อน้าาาา--
วาร์ปไปนอนแรดๆ ที่โซนหน่อแรด ณ ยอดเขาล่องเรือตาหมื่น อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก (6-7 พ.ย. 64)
ที่มาของชื่อ: ชื่อเขาล่องเรือตาหมื่นมาจากที่สมัยก่อนมีทหารยศนายหมื่นมาตัดต้นตะเคียนที่เขาแห่งนี้ เพื่อนำไปทำเรือ ตอนนำไม้ตะเคียนลงเขา ต้องล่องไม้ลงมาตามซอกเขาแห่งนี้ ชาวบ้านมุงเลยเรียกเขาแห่งนี้ว่าเขาล่องเรือตาหมื่นนั่นเอง
อ้างอิงข้อมูลจากเฟสบุ๊กแค่คุณพิมพ์คำว่า “พิชิตยอดเขาล่องเรือตาหมื่นอัญมณีแห่งบ้านมุง” เท่านั้น
ด้านล่างเป็นข้อมูลคร่าวๆ สำหรับคนที่สนใจปีนเขาค้างแรม..2 วัน 1 คืน มีอัตราค่าใช้จ่ายดังนี้
มีคนปีนแค่คนเดียว จ่ายเลย 3,000 บาท
คนปีน 2-4 คน คนละ 2,000 บาท
คนปีน 5-9 คน คนละ1,800 บาท
คนปีน 10-20 คน คนละ 1,500 บาท
*ราคาจอยกับแกงค์อื่นได้ ยิ่งเพื่อนเยอะก็ยิ่งจ่ายน้อยลง
สำหรับค่าใช้จ่ายจะรวมค่าเข้าอุทยานทุ่งแสลงหลวง ค่าตอบแทนนายพราน น้ำดื่มคนละ 6 ขวด (แยกออกมา 1 ขวดสำหรับจิบตลอดทางขึ้นเขา) มื้อเย็น 1 มื้อ (ข้าวเหนียวดอกอัญชันห่อใบตอง) ผ้าเย็น 1 ผืน ถุงขยะ มื้อเช้า (โจ๊ก/ มาม่า, กาแฟร้อน ,ขนมปัง แล้วแต่ทางทีมงานจะจัดหาให้) ซึ่งทั้งหมดนี้พี่นายพรานจะเป็นคนแบกขึ้นไปให้ นอกจากนี้ การปีนเขาซึ่งหินมีทั้งความแหลมและความคมเวลาจับเกาะ ทางอุทยานจึงได้เตรียมถุงมือและหมวกกันน็อคไว้ให้ยืมด้วยจ้า
ถุงมือ -- ด้านมือจับต้องเป็นยางเพื่อการยึดเกาะที่ดี (ซื้อตามร้าน 20 บาท หรือร้าน DIY คู่นึงไม่เกิน 30 บาท) เตรียมไปสองก็ได้นะเผื่อหลุดร่วงเวลาถอด เกินดีกว่าขาดนะจ๊ะ
หมวกกันน็อก -- ต้องมีสายคล้องใต้คางเพื่อกันหมวกหล่นร่วง มีทั้งมุดทั้งโขก บอกได้คำเดียวว่ามันส์ แต่หมวกนกอีก๋อยว่าใส่ของทางอุทยานดีกว่าเพราะเค้าได้เตรียมหมวกสีต่างๆ เพื่อ Grouping นักท่องเที่ยวตามโซนที่พักจ้าาาา
///// และจากที่ไปมาแล้ว นกอีก๋อยว่าสิ่งสำคัญๆ 2 อย่างเลยนะที่ต้องเตรียมตัวให้ดีดีก็จะมี
1. รองเท้าเดินเขาหรือรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อที่พื้นหนาๆ และไม่เก่าเก็บ ย้ำ!!! ไม่เก่าเก็บนะจ๊ะ เพราะถ้ารองเท้าซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการปีนเขาไม่ดีซะแล้วเนี่ย มันก็จะเกิดปัญหาเป็นการสร้างภาระให้แก่นายพรานในการเป็นธุระจัดหามาเปลี่ยนแทนที่จะได้มีเวลาดูแลคนอื่นๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งทางพรานผู้นำทีมนกอีก๋อยบอกว่ารองเท้าปีนเขาถูกๆ ขายในตลาดมีถมไปไม่แพงก็สามารถใช้ปีนเขาได้ และใช้ได้ดีไม่แพ้รองเท้าราคาหลักพัน 555 พี่พรานบอกแกซื้อมาไม่ถึงร้อยบาท..นกอีก๋อยถึงกับร้องว้าวววววทีเดียว
2. เสื้อผ้าแขนยาวขายาวที่ควรมีความหนาแต่ยืดหยุ่นมากๆ สำคัญตรงไหนรู้มะ มันต้องจับเกาะแล้วบางทีต้องกอดด้วยอ่ะ แล้วเขาหินปูนนึกกันเอานะ ทั้งแหลมทั้งคม บาดทีก็เสียวแปล๊บๆ เอาเรื่องเลยล่ะจ้ะ
ส่วนเวลาลงเขาก็ประมาณ 09:00 ของอีกวัน
เวลาที่ใช้ในการปีนขึ้น 1:30 ชั่วโมง ปีนลง 1:30 ชั่วโมง
สำหรับปีนขึ้นไปนอนโซนแคร่จะใช้เวลา 1.30 ชม. แต่ถ้าโซนหมูกะทะ กับโซนหน่อแรด บวกเพิ่มอีกไป 30-40 นาที
** แต่เราเลือกโซนหน่อแรดเพราะเราแรด 555555 ม่ายสิ...เราเลือกเพราะอยากนอนโซนที่เป็นจุดที่สูงที่สุดของทริปนี้ต่างหากล่ะ โดยโซนหน่อแรดจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 6 คน (ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ก๋อยล่ะช้อปชอบ)
+++ และสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมเพราะสำคัญมากๆ อีกเช่นกันก็จะมีไฟฉาย แนะนำว่าไฟแบบติดหัวจะดีมากเวลาเดินจะได้โฟกัสกับการก้าวเท้า (เพราะหินทุกก้อนไม่เป็นมิตรกับหนังหน้าเท้าของเราสักเท่าไหร่) ส่วนมือก็จะได้คอยจับเกาะกันล้มกันสะดุด ของใช้ส่วนตัวก็เตรียมพวกผ้าเช็ดตัว/เสื้อผ้า/ผ้าสำหรับอาบน้ำแห้ง ผ้าห่ม ยากันยุง เสื้อกันฝน และอื่นๆ ที่คิดว่าเราจำเป็นต้องใช้
อ้อๆๆ...และในการปีนเขาครั้งนี้มันมีอีกเรื่องที่อาจจะลำบากหน่อยสำหรับผู้หญิงอย่างเราคือเรื่องห้องน้ำ คือตั้งแต่เดินขึ้นจะไม่มีห้องน้ำให้แล้วนะเออ เวลาจะทำธุระส่วนตัวต้องใส่ถุงที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ ซึ่งพี่นายพรานจะเก็บถุงพวกขยะพวกนี้ลงเขาแล้วจัดการทิ้งให้ แนะนำก่อนปีนก็ทำธุระหนักเบาให้เรียบร้อยกันเลยนะ นี่เลย..ภาพประกอบการใช้ห้องน้ำบนเขาที่เพจส่งมาให้ ก็จะใช้สำหรับทั้งหญิงและชายเพื่อให้การพักแรมของกลุ่มถัดมีความรื่นรมย์ไม่ขมคอ
มาที่ราคาเช่าอุปกรณ์กันบ้าง
เต็นท์ 150 บาท
เปล 100 บาท
ที่รองนอน 50 บาท
ลูกหาบแบบเหมาจ่าย กิโลละ 60฿ (1-10 กก. = 600 บาท กิโลต่อไปก็เพิ่มกิโลละ 60 บาท) นกอีก๋อยจัดไป 11 โล 660 บาท
และตอนจองทางอุทยานก็จะมีฟอร์มออนไลน์ให้เรากรอกรายละเอียดส่วนตัวและส่งกลับไป ก่อนวันเดินทาง 1 วัน จะมีเจ้าหน้าที่แจ้งค่าใช้จ่ายในส่วนการพักแรม โดยให้เราโอนผ่านบัญชีธนาคาร และเราสองคนได้เรทต่อหัวที่ 1,500 บาท มีคนจองพักแรมทั้งหมด 26 คน โย่วววววๆๆ ในการนำปีนเขารอบนี้มีพรานผู้ชำนาญทางพาเราปีน 8 คน พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยาน 2 คนที่จะคอยตรวจตราดูความเรียบร้อยโดยรวม..คึกคักดีเนอะ
ปล. การปีนเขา ทางอุทยานจะไม่ให้ปีนถ้าฝนตกหนักๆ นะจ๊ะ
จนวันหนึ่งหน้าเฟสบุ๊กมันเด้งขึ้นมาเป็นเพจที่มีภาพภูเขาลูกหนึ่งซึ่งคุ้นตามากๆ เลยลองกดเข้าไปดู..ใช่เลย ตรงปก มีธงโบกสะบัดแบบเดียวกับที่เห็นเป๊ะ รีบเข้าแชทถามว่าจะจองขึ้นปีนเข้าได้เลยมั้ย แอดมินบอกว่ายังไม่เปิดให้จองเนื่องจากสถานการณ์โควิด รอจนเพจประกาศขึ้นหน้าเพจอย่างเป็นทางการให้เริ่มปีนได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 โดยเป็นแบบ one-day trip นกอีก๋อยเลือกจะรอจองแบบพักค้างคืนจนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...
*** จะว่าไปกิเลศล้วนๆ ไม่มีอะไรมาปนเลย ความอยากลอง ความท้าทายสารพัด เอาสิน่า..ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากทำอะไรก็ทำให้มันสุดๆ กันไปเลย เริ่มที่เขาหินปูนที่เขาว่าทั้งยากทั้งอันตราย (คิดเอาเองล้วนๆ) ติดตามชมกันได้เลยจ้า...