เกริ่นแบบนี้ละกันค่ะ เขาหลักจริงๆไม่ใช่ Destination ในใจเราเลย ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของประเทศไทยด้วยซ้ำ จนวันที่เกิดสึนามินั่นแหล่ะ แน่นอนค่ะว่าไม่ใช่ข่าวที่ทำให้เราอยากไปเที่ยว หากเวลาไม่ผ่านมาเนิ่นนานหลายปี คนไทยอย่างเราๆก็แค่คิดก็เสียวแล้วไหม แต่เนื่องจากเหตุการโควิด 19 และโรงแรมในเครือมาริออท (Le Meridien ก็อยู่ในเครือนี้ด้วยบางท่านอาจจะยังไม่ทราบ) ลดราคาสะบั้นหั่นแหลก มีคะแนนโบนัส แถมยังมี Campaign เราเที่ยวด้วยกันซึ่งรัฐช่วยจ่าย 40% อีก เราจึงเริ่มการล่า Night สะสมคะแนน Bonvoy (อย่างบ้าคลั่งนิสนุง 555) ซึ่งปกติแล้วโรงแรมระดับ 5 ดาวระดับนี้ ราคาก็จะอยู่ที่ 4-5,000 อัพ บางครั้งไม่รวมอาหารเช้าด้วยนะราคานี้ ให้เรามาพักก็ต้องทำใจหลายตลบ
ภาพถ่ายของชายหาดสีขาว ทะเลสีเขียวและราคาที่เย้ายวนของที่นี่ทำให้เราตัดสินใจจอง ในช่วงที่เราจอง ขนาดเราคิดว่าได้ถูกแล้วคือคืนละ 4,000 รวมอาหารเช้าและรวมเครดิตค่าอาหาร คืนละพัน ลบไปก็เหมือนเราจ่ายคืนละ 3,000 แล้วรัฐออกให้ 40% คือเราจ่าย 2,400 บาทต่อคืน แต่ภายหลังนางดั้มราคาจนชวนหงุดหงิด คือลงมาอีกเป็นพัน!!! แต่ทำไงได้ดันจองไปก่อนแล้ว เหอๆ โกรธธธธธ
เมื่อลงสนามบินภูเก็ต ก็ขับรถไปประมาณ 1 ชม. เราแวะทานร้านดังในพังงาก่อน ร้านไม่สวยไม่งาม เน้นกินและไม่แพงมาก
เมนูที่สั่งคือต้มยำปลากับปลาหมึกทอดกระเทียม อาหารค่อนข้างช้าเนื่องจากทำกันเองในครอบครัว อร่อยคุ้มค่าการรอค่ะ
จากนั้นเราก็มาแวะถ่ายรูปกับประภาคาร ตอนนั้นฝนตั้งเค้ามาแล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้สวยว้าวมากมาย แต่ชีวิตนี้จะได้เห็นประภาคารที่ไหนเนอะในไทย
รีบบึ่งต่อไป ประมาณ 20 นาทีก็จะมาถึงโรงแรมค่ะ คือข้างทางก็ไม่ได้คิดว่าจะไม่มีอะไรเลยขนาดนั้น บ้านเรือนแบบชาวบ้านจริงๆ ร้านค้าปิดเกือบหมดเนื่องจากพิษโควิด เข้าโรงแรมแล้วก็ไม่ต้องคิดออกไปไหน
ส่วนของล็อบบี้เช็คอิน ตกแต่งสวยงามและกว้างขวางดีมาก ไม่ยักมี Welcome drink แต่ให้เป็นน้ำเปล่ามา 2 ขวดค่ะ
มีที่ให้นั่งรอเยอะ ถ้าเป็นช่วงปกติคงคนแน่นแน่ๆ แขกที่นี่จะเป็นต่างชาติทั้งออสเตรเลีย ยุโรปค่ะ คนไทยก็จะน้อยมากอยู่แล้ว ชอบตรงฝ้าเพดาน
แน่นอนว่าเราจองห้อง Category แรก คือ Superior แต่โรงแรมก็อัพเกรดให้เป็น Deluxe Pool View ตึกใกล้ทะเลเลย เพราะวันนั้นมีคนเข้าพักแค่ 10 กว่าห้อง เป็นวันธรรมดาด้วยค่ะ เปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอ Layout แบบเดิมนี่แหล่ะ แต่ที่เราชอบมากๆคือสไตล์การตกแต่ง การใช้สีโทนอ่อนและการที่มีโต๊ะกินข้าว น้อยโรงแรมที่จะมีแบบนี้ ส่วนมากเป็นโต๊ะทำงาน เหมาะกับการพักยาวๆกินข้าวในห้อง บนโต๊ะมีเค๊กวันเกิดรอเราอยู่แล้ว
บนเตียงก็มีเค๊กผ้าเช็ดตัว โคมไฟสวยดีค่ะ ชอบ ที่นอน 6 ฟุต เป็นสิ่งที่ปรารถนาสำหรับคนที่นอนดิ้น คงไม่ต้องบอกว่าเตียงนุ่มสบายแค่ไหน
หันมาฝั่งทีวีกันบ้าง ก็เรียบๆง่ายๆ จะมีช่องของโรงแรมซึ่งเราสามารถแสกนบาร์โค๊ดและดูเมนูอาหารได้ เดี๋ยวนี้เค้าลดการใช้กระดาษ และมันไม่ปลอดภัยในช่วงโควิดด้วย เนื่องจากแพร่เชื้อโรคได้ถ้ามีคนไปจับหลายๆคน โรงแรมบอกแบบนี้
ข้างเตียงมีโซฟาขนาดใหญ่ ถูกใจอีกแหล่ะ นั่งๆนอนๆเล่นเหมาะมาก ทำเป็นเตียงเสริมได้อีก มองทะลุไปเห็นห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำที่นี่ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ มีสายฉีดชำระ อันนี้สำคัญสำหรับหลายๆคน
เคาน์เตอร์หินสีขาวยาวมาก มีเก้าอี้แต่งตัวด้วย เวิร์คสุดๆ เสียดายไม่มีที่แขวนผ้าหรือใส่ของใต้เคาน์เตอร์เลย
มองกลับไปทางเตียงนอน อ่างอาบน้ำใหญ่และน้ำไหลแรงมาก เต็มเร็วดี
มีส่วน Shower แยกออกมาอีก
มาดูระเบียงกันบ้าง ถ้าจะให้เลือกว่าส่วนไหนของห้องด้อยที่สุด ก็คงเป็นระเบียง แอบแคบและเก้าอี้ก็ไม่น่านั่งเท่าไหร่
มาดู Amenity ต่างๆที่มีให้ในห้องค่ะ แก้วกาแฟ 2 ใบ แก้วน้ำ 2 ใบพร้อมที่เปิดขวดและช้อน ชอบลายคีย์การ์ดที่นี่มาก
คำขวัญคือ Find something you weren't looking for...อารายหว่า 55
ชา กาแฟพร้อมสรรพ ส่วนตัวแทบไม่เคยกินเลยพวกนี้ รสชาติไม่ Comment แต่ชาดูดีอยู่
กาน้ำร้อนและตู้เย็นที่ว่างเปล่า สงสัยแม่บ้านเช็คสต็อคไม่ไหวช่วงนี้
ในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อคลุมและรองเท้าแตะให้ด้วย
อีกฝั่งเป็น Slipper อย่างดี พร้อมตู้เซฟ
น้ำเปล่าวางในห้องน้ำ พร้อมแก้วอีก 2 ใบค่ะ ก็มาตรฐานเนอะ
ผ้าเช็ดตัวสำหรับใช้ที่สระว่ายน้ำอยู่ตรงนี้ หนานุ่มมากๆเลยค่ะ นุ่มกว่าหลายๆโรงแรมที่นอนมา ผืนใหญ่มากด้วย แต่ที่สระก็มีแจก จะเอาไปไหมก็ตามแต่
เจลอาบน้ำ แชมพูตอนนี้ของในเครือ Le Meridien จะเป็นยี่ห้อนี้หมด กลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เราว่าดีไซน์เหมือนพวกหลอดยาอ่ะ ไม่ว้าว
ไปต่อกันที่ส่วนกลางของโรงแรมค่ะ สระว่ายน้ำที่นี่ออกแบบสวยมาก มีถึง 3 สระใหญ่ๆ ห้องส่วนใหญ่ก็เห็นวิวสระแบบนี้ เนื่องจากช่วงที่ไปฝนตกทุกวัน ภาพอาจจะทึมๆไปหน่อยนะคะ มองกลับไปทางล็อบบี้โรงแรม คือที่มีหลังคาจั่วสีเทาๆค่ะ และห้องอาหารเช้าอยู่ชั้นล่าง
มองไปฝั่งทะเล ช่างมีความเป็นธรรมชาติ สงบนิ่งดีจัง ห้องริมทะเลจะเป็น Pool Villa ค่ะ และสนามหญ้าขนาดใหญ่
Kid's club ที่นี่สีลูกกวาดมาก เด็กๆคงชอบ มีวีดีโอเกมส์ด้วย แต่ห้องไม่ใหญ่ค่ะ ประมาณ 4x4 ม.
Fitness ก็เล็กๆเช่นกัน
เดินมาหลังฟิตเนสจะเจอบูธขายไอศครีมและที่นั่งเล่นชิวๆ ที่มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ
มีโต๊ะสนุกและปิงปองด้วย โซนนี้จะเป็นบริเวณที่ทำกิจกรรมคราสต่างๆ ไม่ว่าโยคะหรือมวยไทย ซึ่งมีบริการฟรีตลอดทุกวันค่ะ
เดินมาริมทะเลบ้าง อาคารกลมๆเป็นร้านอาหาร อาหารที่นี่ราคาไม่แพงและอร่อยเกือบทุกอย่างเลยค่ะ สั่งไปทานบนห้องก็ได้
มีนกหลายพันธุ์ให้ดูกัน
ชายหาดกว้าง สงบสวยงามมากๆ นี่ขนาดหน้าฝนน้ำยังสีออกฟ้าเขียว ถ้าหน้าหนาวจะสวยแค่ไหน
ต่อไปเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าค่ะ ช่วงนี้ไม่รู้ว่าจัดเต็มตามปกติไหม เบเกอรี่มีให้เลือกไม่มาก ไม่ค่อยอร่อยมันหนาแข็งไปนิดนึง กาแฟเย็นสั่งได้แต่ไม่อร่อยเลย
Hot dish ต่างๆก็จะมีโจ๊ก ข้าวผัด กับข้าว ไข่ต่างๆสั่งได้ ข้าวผัดที่นี่อร่อยค่ะ แล้วก็ไส้กรอกไก่ เด็ดมาก
บาร์น้ำก็ไม่มีอะไรเด่น
โซนที่นั่ง Outdoor ของห้องอาหารเช้า ลมเย็นสบาย ชิวได้อีก เรานั่งไปจน 11 โมงเลย ข้าวกลางวันไม่ต้องกินเพราะมันกินไม่ลงหรอก อย่างมากก็สั่งกินเล่นตอน Happy Hour ริมสระน้ำบ่ายสามค่ะ
เอา Egg Benedict มาลองเสียหน่อย เต็ม 10 ให้ 7 ยังไม่โดน ซอสแปลกๆ
พนักงานน่ารักมากๆค่ะ เราขอไอติมมากินกับ Waffle ก็จัดให้โดยที่ปกติไม่มีในไลน์อาหารเช้า
และแล้วฝนก็เทลงมา จิบกาแฟเย็น (ที่รสชาติแย่) ไปก่อน แต่ของฟรีจะบ่นอะไรได้ 555 ถ้าซื้อตรงบูธไอติมคนละรสชาติเลย ดีงามกว่ามาก
ฝนตกแล้วทำอะไร ก็เอนจอยโปรโมชั่น 50% ทุกโปรแกรมของ The SPA ค่ะ
ห้องนวดส่วนตัว ดีไซน์ออกทึมๆไปหน่อย
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวดหน้า
Sport Bar อยู่ชั้นเดียวกับ Lobby ค่ะ แต่ช่วงนี้ปิด ห้องอาหารอีก 2 ห้องก็ปิด เปิดแค่ตรงริมทะเล
อันนี้จะเป็นตึกที่อยู่ด้านหน้าสุด ติดถนนทางเข้า เดาเอาว่าเป็นตึกสำหรับห้องราคาเริ่มต้น แต่เราได้อัพเกรดเลยไม่ได้พักตึกนี้ ภายในห้องเหมือนกันทุกอย่าง
เราพักไปสามวันสองคืน ไม่ได้ออกจากโรงแรมเลยค่ะ มื้อเย็นสั่ง Room Service ทั้ง 2 คืนเพราะฝนตกหนักมาก ไม่อยากออกมานั่งที่ร้านอาหาร
เมนูที่ลองคือสปาเก็ตตี้ผัดน้ำมันมะกอกใส่ปลาหมึก อันนี้ไม่มีในเมนูแต่ขอให้โรงแรมทำ รสชาติเลยออกมาแปลกๆแต่ปลาหมึกสด และอีกอย่างเป็นสะเต้ะกุ้ง หมู เนื้อ ก็อร่อยดี แต่ขนมปังนิ่มไปหน่อย 2 จานนี้รวมๆกัน ไม่ถึงหกร้อยบาท งงละสิ
Fish and Chips คือดีมาก ปลาดีสดอร่อยมากค่ะ เนื้อแน่นไม่ใช่ปลาดอลลี่นะ ส่วนสปาเก็ตตี้คาโบน่าร่าก็อร่อย สองจานนี้ก็รวม 600 กว่าบาทเองค่ะ ไม่ต่างจากทานร้านอาหารดีๆ เชียร์ทั้ง 2 เมนู
[CR] พาเที่ยวโรงแรม Le Méridien Khao Lak Resort & Spa...อาจเพราะโควิดจึงได้มา
ภาพถ่ายของชายหาดสีขาว ทะเลสีเขียวและราคาที่เย้ายวนของที่นี่ทำให้เราตัดสินใจจอง ในช่วงที่เราจอง ขนาดเราคิดว่าได้ถูกแล้วคือคืนละ 4,000 รวมอาหารเช้าและรวมเครดิตค่าอาหาร คืนละพัน ลบไปก็เหมือนเราจ่ายคืนละ 3,000 แล้วรัฐออกให้ 40% คือเราจ่าย 2,400 บาทต่อคืน แต่ภายหลังนางดั้มราคาจนชวนหงุดหงิด คือลงมาอีกเป็นพัน!!! แต่ทำไงได้ดันจองไปก่อนแล้ว เหอๆ โกรธธธธธ
เมื่อลงสนามบินภูเก็ต ก็ขับรถไปประมาณ 1 ชม. เราแวะทานร้านดังในพังงาก่อน ร้านไม่สวยไม่งาม เน้นกินและไม่แพงมาก
เมนูที่สั่งคือต้มยำปลากับปลาหมึกทอดกระเทียม อาหารค่อนข้างช้าเนื่องจากทำกันเองในครอบครัว อร่อยคุ้มค่าการรอค่ะ
จากนั้นเราก็มาแวะถ่ายรูปกับประภาคาร ตอนนั้นฝนตั้งเค้ามาแล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้สวยว้าวมากมาย แต่ชีวิตนี้จะได้เห็นประภาคารที่ไหนเนอะในไทย
รีบบึ่งต่อไป ประมาณ 20 นาทีก็จะมาถึงโรงแรมค่ะ คือข้างทางก็ไม่ได้คิดว่าจะไม่มีอะไรเลยขนาดนั้น บ้านเรือนแบบชาวบ้านจริงๆ ร้านค้าปิดเกือบหมดเนื่องจากพิษโควิด เข้าโรงแรมแล้วก็ไม่ต้องคิดออกไปไหน
ส่วนของล็อบบี้เช็คอิน ตกแต่งสวยงามและกว้างขวางดีมาก ไม่ยักมี Welcome drink แต่ให้เป็นน้ำเปล่ามา 2 ขวดค่ะ
มีที่ให้นั่งรอเยอะ ถ้าเป็นช่วงปกติคงคนแน่นแน่ๆ แขกที่นี่จะเป็นต่างชาติทั้งออสเตรเลีย ยุโรปค่ะ คนไทยก็จะน้อยมากอยู่แล้ว ชอบตรงฝ้าเพดาน
แน่นอนว่าเราจองห้อง Category แรก คือ Superior แต่โรงแรมก็อัพเกรดให้เป็น Deluxe Pool View ตึกใกล้ทะเลเลย เพราะวันนั้นมีคนเข้าพักแค่ 10 กว่าห้อง เป็นวันธรรมดาด้วยค่ะ เปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอ Layout แบบเดิมนี่แหล่ะ แต่ที่เราชอบมากๆคือสไตล์การตกแต่ง การใช้สีโทนอ่อนและการที่มีโต๊ะกินข้าว น้อยโรงแรมที่จะมีแบบนี้ ส่วนมากเป็นโต๊ะทำงาน เหมาะกับการพักยาวๆกินข้าวในห้อง บนโต๊ะมีเค๊กวันเกิดรอเราอยู่แล้ว
บนเตียงก็มีเค๊กผ้าเช็ดตัว โคมไฟสวยดีค่ะ ชอบ ที่นอน 6 ฟุต เป็นสิ่งที่ปรารถนาสำหรับคนที่นอนดิ้น คงไม่ต้องบอกว่าเตียงนุ่มสบายแค่ไหน
หันมาฝั่งทีวีกันบ้าง ก็เรียบๆง่ายๆ จะมีช่องของโรงแรมซึ่งเราสามารถแสกนบาร์โค๊ดและดูเมนูอาหารได้ เดี๋ยวนี้เค้าลดการใช้กระดาษ และมันไม่ปลอดภัยในช่วงโควิดด้วย เนื่องจากแพร่เชื้อโรคได้ถ้ามีคนไปจับหลายๆคน โรงแรมบอกแบบนี้
ข้างเตียงมีโซฟาขนาดใหญ่ ถูกใจอีกแหล่ะ นั่งๆนอนๆเล่นเหมาะมาก ทำเป็นเตียงเสริมได้อีก มองทะลุไปเห็นห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำที่นี่ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ มีสายฉีดชำระ อันนี้สำคัญสำหรับหลายๆคน
เคาน์เตอร์หินสีขาวยาวมาก มีเก้าอี้แต่งตัวด้วย เวิร์คสุดๆ เสียดายไม่มีที่แขวนผ้าหรือใส่ของใต้เคาน์เตอร์เลย
มองกลับไปทางเตียงนอน อ่างอาบน้ำใหญ่และน้ำไหลแรงมาก เต็มเร็วดี
มีส่วน Shower แยกออกมาอีก
มาดูระเบียงกันบ้าง ถ้าจะให้เลือกว่าส่วนไหนของห้องด้อยที่สุด ก็คงเป็นระเบียง แอบแคบและเก้าอี้ก็ไม่น่านั่งเท่าไหร่
มาดู Amenity ต่างๆที่มีให้ในห้องค่ะ แก้วกาแฟ 2 ใบ แก้วน้ำ 2 ใบพร้อมที่เปิดขวดและช้อน ชอบลายคีย์การ์ดที่นี่มาก
คำขวัญคือ Find something you weren't looking for...อารายหว่า 55
ชา กาแฟพร้อมสรรพ ส่วนตัวแทบไม่เคยกินเลยพวกนี้ รสชาติไม่ Comment แต่ชาดูดีอยู่
กาน้ำร้อนและตู้เย็นที่ว่างเปล่า สงสัยแม่บ้านเช็คสต็อคไม่ไหวช่วงนี้
ในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อคลุมและรองเท้าแตะให้ด้วย
อีกฝั่งเป็น Slipper อย่างดี พร้อมตู้เซฟ
น้ำเปล่าวางในห้องน้ำ พร้อมแก้วอีก 2 ใบค่ะ ก็มาตรฐานเนอะ
ผ้าเช็ดตัวสำหรับใช้ที่สระว่ายน้ำอยู่ตรงนี้ หนานุ่มมากๆเลยค่ะ นุ่มกว่าหลายๆโรงแรมที่นอนมา ผืนใหญ่มากด้วย แต่ที่สระก็มีแจก จะเอาไปไหมก็ตามแต่
เจลอาบน้ำ แชมพูตอนนี้ของในเครือ Le Meridien จะเป็นยี่ห้อนี้หมด กลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เราว่าดีไซน์เหมือนพวกหลอดยาอ่ะ ไม่ว้าว
ไปต่อกันที่ส่วนกลางของโรงแรมค่ะ สระว่ายน้ำที่นี่ออกแบบสวยมาก มีถึง 3 สระใหญ่ๆ ห้องส่วนใหญ่ก็เห็นวิวสระแบบนี้ เนื่องจากช่วงที่ไปฝนตกทุกวัน ภาพอาจจะทึมๆไปหน่อยนะคะ มองกลับไปทางล็อบบี้โรงแรม คือที่มีหลังคาจั่วสีเทาๆค่ะ และห้องอาหารเช้าอยู่ชั้นล่าง
มองไปฝั่งทะเล ช่างมีความเป็นธรรมชาติ สงบนิ่งดีจัง ห้องริมทะเลจะเป็น Pool Villa ค่ะ และสนามหญ้าขนาดใหญ่
Kid's club ที่นี่สีลูกกวาดมาก เด็กๆคงชอบ มีวีดีโอเกมส์ด้วย แต่ห้องไม่ใหญ่ค่ะ ประมาณ 4x4 ม.
Fitness ก็เล็กๆเช่นกัน
เดินมาหลังฟิตเนสจะเจอบูธขายไอศครีมและที่นั่งเล่นชิวๆ ที่มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ
มีโต๊ะสนุกและปิงปองด้วย โซนนี้จะเป็นบริเวณที่ทำกิจกรรมคราสต่างๆ ไม่ว่าโยคะหรือมวยไทย ซึ่งมีบริการฟรีตลอดทุกวันค่ะ
เดินมาริมทะเลบ้าง อาคารกลมๆเป็นร้านอาหาร อาหารที่นี่ราคาไม่แพงและอร่อยเกือบทุกอย่างเลยค่ะ สั่งไปทานบนห้องก็ได้
มีนกหลายพันธุ์ให้ดูกัน
ชายหาดกว้าง สงบสวยงามมากๆ นี่ขนาดหน้าฝนน้ำยังสีออกฟ้าเขียว ถ้าหน้าหนาวจะสวยแค่ไหน
ต่อไปเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าค่ะ ช่วงนี้ไม่รู้ว่าจัดเต็มตามปกติไหม เบเกอรี่มีให้เลือกไม่มาก ไม่ค่อยอร่อยมันหนาแข็งไปนิดนึง กาแฟเย็นสั่งได้แต่ไม่อร่อยเลย
Hot dish ต่างๆก็จะมีโจ๊ก ข้าวผัด กับข้าว ไข่ต่างๆสั่งได้ ข้าวผัดที่นี่อร่อยค่ะ แล้วก็ไส้กรอกไก่ เด็ดมาก
บาร์น้ำก็ไม่มีอะไรเด่น
โซนที่นั่ง Outdoor ของห้องอาหารเช้า ลมเย็นสบาย ชิวได้อีก เรานั่งไปจน 11 โมงเลย ข้าวกลางวันไม่ต้องกินเพราะมันกินไม่ลงหรอก อย่างมากก็สั่งกินเล่นตอน Happy Hour ริมสระน้ำบ่ายสามค่ะ
เอา Egg Benedict มาลองเสียหน่อย เต็ม 10 ให้ 7 ยังไม่โดน ซอสแปลกๆ
พนักงานน่ารักมากๆค่ะ เราขอไอติมมากินกับ Waffle ก็จัดให้โดยที่ปกติไม่มีในไลน์อาหารเช้า
และแล้วฝนก็เทลงมา จิบกาแฟเย็น (ที่รสชาติแย่) ไปก่อน แต่ของฟรีจะบ่นอะไรได้ 555 ถ้าซื้อตรงบูธไอติมคนละรสชาติเลย ดีงามกว่ามาก
ฝนตกแล้วทำอะไร ก็เอนจอยโปรโมชั่น 50% ทุกโปรแกรมของ The SPA ค่ะ
ห้องนวดส่วนตัว ดีไซน์ออกทึมๆไปหน่อย
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวดหน้า
Sport Bar อยู่ชั้นเดียวกับ Lobby ค่ะ แต่ช่วงนี้ปิด ห้องอาหารอีก 2 ห้องก็ปิด เปิดแค่ตรงริมทะเล
อันนี้จะเป็นตึกที่อยู่ด้านหน้าสุด ติดถนนทางเข้า เดาเอาว่าเป็นตึกสำหรับห้องราคาเริ่มต้น แต่เราได้อัพเกรดเลยไม่ได้พักตึกนี้ ภายในห้องเหมือนกันทุกอย่าง
เราพักไปสามวันสองคืน ไม่ได้ออกจากโรงแรมเลยค่ะ มื้อเย็นสั่ง Room Service ทั้ง 2 คืนเพราะฝนตกหนักมาก ไม่อยากออกมานั่งที่ร้านอาหาร
เมนูที่ลองคือสปาเก็ตตี้ผัดน้ำมันมะกอกใส่ปลาหมึก อันนี้ไม่มีในเมนูแต่ขอให้โรงแรมทำ รสชาติเลยออกมาแปลกๆแต่ปลาหมึกสด และอีกอย่างเป็นสะเต้ะกุ้ง หมู เนื้อ ก็อร่อยดี แต่ขนมปังนิ่มไปหน่อย 2 จานนี้รวมๆกัน ไม่ถึงหกร้อยบาท งงละสิ
Fish and Chips คือดีมาก ปลาดีสดอร่อยมากค่ะ เนื้อแน่นไม่ใช่ปลาดอลลี่นะ ส่วนสปาเก็ตตี้คาโบน่าร่าก็อร่อย สองจานนี้ก็รวม 600 กว่าบาทเองค่ะ ไม่ต่างจากทานร้านอาหารดีๆ เชียร์ทั้ง 2 เมนู
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น