วัณโรคปอด ติดง่ายแค่นั่งใกล้ๆ ก็ติดได้



** วัณโรคปอด ติดง่ายแค่นั่งใกล้ๆ ก็ติดได้ **



วัณโรคคือเชื้อแบคทีเรีย หรือเรียกสั้นๆว่า TB ติดต่อได้ผ่านระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก เช่นปอด หลอดลม หรือบริเวณหลังโพรงจมูกก็ได้ เชื้อตัวนี้มีขนาดที่เล็กมาก เลยทำให้แพร่กระจายได้โดยวิธี Airborne หรือติดกันได้ผ่านทางการหายใจ คือถ้ามีคนเป็นวัณโรคนั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับเรา แล้วเกิดไอจามขึ้นมา คนรอบข้างก็สามารถติดได้หมดเลย...
 
ประเทศไทยเป็น 1 ใน 14 ประเทศ ที่มีปัญหาเรื่องผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มสูงขึ้น โดยองค์การอนามัยโลก สำรวจผู้ป่วยในประเทศไทยทุก 5 ปี พบคนไทยป่วยเป็นวัณโรครายใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 1.2 แสนคน วัณโรคที่เกิดขึ้นเป็นวัณโรคที่เกิดขึ้นในปอดถึงร้อยละ 85 ส่วนที่เหลือเป็นวัณโรคนอกปอด ที่แพร่กระจายเชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

ตัวเชื้อเองจริงๆถือว่าค่อนข้างอ่อนแอต่อแสงแดดมาก เจอ UV ไม่เกิน 5 นาทีก็ตายแล้ว ซึ่งเวลาที่เชื้อบุกเข้ามาในร่างกาย ถ้าเราแข็งแรงดีเชื้อวัณโรคส่วนใหญ่จะโดนภูมิคุ้มกันของเรากำจัดหมดเกลี้ยงแล้ว แต่ในมุมกลับกันถ้าร่างกายเราอ่อนแอ เชื้อวัณโรคมีแต่จะยิ่งเติบโตขึ้น เพราะภูมิคุ้มกันจัดการเชื้อไม่ทัน ดังนั้นเรื่องสุขภาพมีผลต่อวัณโรคโดยชัดเจน เราจึงเห็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV มักเสียชีวิตด้วยวัณโรคอยู่บ่อยครั้ง
 
แต่ทว่าหลังร่างกายรับเชื้อวัณโรคเข้าไปแล้ว ใช่ว่าอีกวันสองวันจะแสดงอาการออกมาเลยนะครับ คนที่แข็งแรงหน่อยอาจใช้เวลานานถึง 2 ปี กว่าจะแสดงอาการ แต่คนที่ร่างกายอ่อนแอ อาจใช้เวลาลุกลามได้ในไม่กี่สัปดาห์
 
สำหรับคนที่อ่อนแอ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะไปเกาะกินระบบทางเดินหายใจ หลักๆก็เน้นไปที่ปอดก่อนเลย เมื่อเชื้อวัณโรคกินเนื้อปอดหมดแล้วก็จะขยายอาณาเขตต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าร่างกายจะหายใจเองไม่ไหว และเสียชีวิตลงได้ในที่สุด



วิธีเช็คอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีการไอต่อเนื่อง รวมถึงมีเสมหะไม่หายซักที บางคนหนักๆหน่อยอาจไอเป็นเลือดด้วยก็ได้ ส่วนเรื่องอาการเจ็บปอดหรือแน่นหน้าอกนั้นไม่ได้มีกันทุกคน เพราะบางคนที่วัณโรคไปเกาะอยู่ในกลีบปอดส่วนลึกมากๆ กว่าจะแสดงอาการอีกที เชื้อก็ลุกลามไปใหญ่โตแล้ว ดังนั้นไปตรวจที่โรงพยาบาลดีที่สุดครับ



7 กลุ่มเสี่ยงวัณโรค ที่ควรตรวจ

* ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค เช่น อยู่บ้านเดียวกัน หรือทำงานด้วยกันมากกว่า 8ชม.ต่อวัน หรือมากกว่า120ชม./สัปดาห์
* สูงอายุประเภทติดบ้านติดเตียง
* ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เบาหวาน / ความดัน / ปอดอุดกั้นเรื้อรัง /หลอดเลือดสมอง / ไต / มะเร็ง)
* ผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์
* แรงงานต่างด้าว
* ผู้ต้องขัง เคยต้องโทษ
* อื่นๆ เช่น ติดสุรา ยาเสพติด จิตเวช พิการ ทุพโภชนาการ ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน



ปัจจุบันเราสามารถตรวจหาวัณโรคได้ 4 วิธีหลักๆ ด้วยกันคือ
1. ทำทูเบอร์คูลินเป็นการเทสที่ผิวหนัง ใครที่มีเชื้ออยู่ผิวก็จะบวมแดงให้เห็น ในประเทศไทยไม่ค่อยใช้วิธีนี้เท่าไหร่ เพราะคนที่เคยฉีดวัคซีนมาตรวจวิธีนี้ ผลก็ออกมาเป็นบวกได้เหมือนกัน ต้องตรวจด้วยวิธีอื่นต่ออีกทีอยู่ดี
2. ตรวจเลือดเป็นการตรวจหาเชื้อโดยตรง ซึ่งสามารถตรวจหาโรคได้แม้มีวัคซีนอยู่ในร่างกายก็ตาม
3. เอ็กซเรย์ปอดนิยมทำมากที่สุด เพราะใช้เวลาน้อยและแพทย์สามารถมองเห็นเนื้อเยื่อปอดที่ถูกทำลายโดยวัณโรคได้เลย
4.  ตรวจเสมหะหาเชื้อวัณโรคเป็นการเพาะเชื้อจากเสมหะเพื่อหาวัณโรคโดยตรง ปกติแล้วหากเอ็กซเรย์แล้วแพทย์พบความเสี่ยง ก็จะทำการเทสต่อด้วยตัวนี้

วัณโรคหากเจอในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะฉะนั้นคนอย่างเราๆ ที่ไม่รู้ว่าวันๆ หนึ่งเสี่ยงไปเจอใครมาบ้าง ถ้ามีอาการเข้าข่ายสงสัย? ก็ควรไปตรวจ หรือถ้ามีคนรู้จัก คนในครอบครัวเป็นวัณโรค ก็ควรยิ่งจะต้องไปตรวจ เพราะจากสถิติคนที่ติดเชื้อ 10 คน จะมีเพียง 1-2 คนเท่านั้นที่แสดงอาการป่วย ดังนั้นการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ให้หมอแชะภาพฟิล์มเอ็กซเรย์ปอดซักใบก็ยังดีอย่างน้อยตรวจไม่เจอ ก็จะได้อุ่นใจไปอีก 1 ปี หรือแม้ว่าตรวจเจอ หากเจอแต่เนิ่นๆ โอกาสในการรักษาหายก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกนะครับ...

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่