ห้องนอนคือพื้นที่ส่วนตัวเพื่อการนอนหลับพักผ่อน และเป็นเสมือนพื้นที่ปลีกวิเวก อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลง สำหรับบางคนอาจสงสัยว่าทำไมห้องนอนที่บ้านรู้สึกไม่น่าผ่อนคลาย ทั้งที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ปัจจัยสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม ซึ่งสร้างเสริมบรรยากาศให้สมบูรณ์แบบคือ จัดไฟห้องนอน หรือการจัดไฟแสงสว่าง ตัวอย่างที่หลายคนอาจเคยสัมผัสและเห็นได้ชัด คือห้องพักในโรงแรมหรือรีสอร์ทหรู นอกจากการตกแต่งที่สวยงามแล้ว ลักษณะแสงไฟ สีของไฟ และตำแหน่งการจัดวาง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
HomeGuru ขอนำเสนอหลักการง่ายๆ ในการจัดไฟแสงสว่างหรือ จัดไฟห้องนอน ที่สามารถนำไปปรับใช้ โดยแบ่งประเภทการใช้แสงตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งช่วยให้เกิดมิติของแสงสว่างเสริมสร้างบรรยากาศในห้องนอนนั่นเอง ซึ่งแตกต่างจากการใช้ไฟประเภทเดียวส่องสว่างจ้าทั่วทั้งห้องแบบทั่วไป การแบ่งประเภทการใช้แสงจะช่วยให้ห้องนอนที่บ้านมีบรรยากาศน่าพักผ่อนได้ไม่แพ้โรงแรมและรีสอร์ทหรู มาดูกันว่ามีหลักการจัดไฟในห้องนอนนั้นอย่างไรบ้าง
แสงไฟส่องสว่างทั่วไป
ไฟแอมเบี้ยน (Ambient) หรือไฟส่องสว่างทั่วไป เป็นแสงไฟพื้นฐานสำหรับทุกห้อง ให้แสงสว่างสำหรับการมองเห็นและกิจกรรมทั่วไป โดยมากมักเป็นไฟจากโคมไฟติดเพดาน หรือไฟดาวน์ไลท์ สำหรับห้องนอนที่เน้นการพักผ่อนนั้น ไฟแอมเบี้ยนควรมีความสว่างน้อยกว่าห้องอื่นๆ ส่วนตำแหน่งนั้น อาจติดตั้งบริเวณเหนือเตียงก็ได้ แต่ให้เลือกโคมไฟเพดานที่ให้แสงนวลตา หรือโคมไฟที่ส่องสะท้อนขึ้นเพดาน เพื่อป้องกันแสงส่องแยงตานั่นเอง หรืออาจใช้ไฟดาวน์ไลท์หลายดวงติดกระจายเหนือพื้นทางเดิน
แสงไฟส่องใช้งาน
ไฟส่องใช้งาน หรือ Task Lighting ทำหน้าที่ให้แสงสว่างเฉพาะจุดเพื่อการใช้งานเฉพาะอย่าง สำหรับห้องนอนนั้น จะเป็นลักษณะของโคมไฟข้างหัวเตียงที่ใช้ส่องอ่านหนังสือ ทั้งแบบโคมไฟตั้งบนโต๊ะข้างเตียง โคมไฟติดผนัง และโคมไฟแขวน นอกจากนี้ยังรวมถึงโคมไฟโต๊ะเขียนหนังสือ และโคมไฟหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ควรดูตำแหน่งการติดตั้งโคมไฟส่องใช้งานที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงมุมที่แสงส่องเป็นเงารบกวนการใช้งาน เช่น ถ้าเขียนหนังสือมือขวา โคมไฟควรอยู่ด้านซ้ายเพื่อส่องเข้าหน้ามือ เป็นต้น
แสงไฟส่องเน้น
ไฟส่องเน้นเพื่อการตกแต่ง หรือ Accent Lighting เป็นเสมือนการตกแต่งโดยใช้แสงสว่าง โดยสามารถใช้โคมไฟที่มีรูปแบบสวยงามแปลกตา โคมไฟที่เปล่งแสงเป็นรูปทรง หรือการติดตั้งซ่อนไฟบนฝ้าเพดานหรือในผนัง ให้ส่องแสงเป็นเส้นหรือเป็นทรงโค้ง นอกจากการใช้แสงไฟสีแบบทั่วไปแล้ว บางครั้งอาจใช้ไฟสีอื่นๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจได้อีกด้วย
สวิตซ์หรี่ไฟ
สวิตซ์หรี่ไฟ หรือดิมเมอร์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมความสว่างที่ช่วยเปลี่ยนลุคให้ห้องนอนได้อย่างทันใจ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้แสงสว่างมากๆ ในจังหวะที่ทำความสะอาดห้อง หรือค้นหาสิ่งของ แต่ต้องการแสงสว่างแบบสลัวๆ ในช่วงเวลาพักผ่อน การติดตั้งสวิตซ์หรี่ไฟนั้น ต้องคำนึงถึงหลอดไฟที่ใช้งานร่วมด้วย โดยทั่วไป ถ้าเป็นหลอดอินแคนเดสเซนต์หรือฮาโลเจน ก็สามารถเปลี่ยนใช้งานได้ทันที แต่กรณีเป็นหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดไฟแอลอีดีแบบ Low-Voltage อาจมีการกระพริบได้ ดังนั้นควรปรึกษาช่างไฟ ร้านตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ เพื่อจะได้เลือกใช้สวิตซ์หรี่ไฟ และหลอดที่ทำงานร่วมกันได้ สมัยนี้มีหลอดไฟบางประเภทที่สามารถปรับระดับแสงสว่างได้โดยไม่ต้องใช้สวิตซ์หรี่ไฟ ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกสำหรับงานปรับปรุงห้องนอนแบบทันใจ
สีของแสง
สีของแสงสว่างมีผลต่อการรับรู้และอารมณ์ สีของแสงไฟมีหน่วยวัดเป็นองศาเคลวิน (Kelvin) หรือค่า K ที่เราเห็นบนฉลากหรือบนหลอดไฟ สำหรับแสงไฟในบ้านแล้วจะอยู่ในช่วง 2700K-6500K โดยประมาณ ค่า K น้อยแสงจะออกสีเหลือง ค่า K สูงแสงจะออกสีขาว สำหรับห้องนอนแล้ว ควรเลือกสีของแสงที่สบายตาเหมาะกับการผ่อนคลาย ซึ่งเป็นแสงสีเหลือง ไปจนถึงขาวอมเหลือง หรือช่วง 2700K-4000K เป็นสีที่สร้างความอบอุ่นเป็นกันเอง แต่แสงสีอมเหลืองหรือส้มนี้อาจไม่เหมาะในกรณีค้นหาของหรือกวาดถูทำความสะอาดเมื่อเทียบกับแสงสีขาวในช่วง 4500K-6500K ปัจจุบันมีหลอดบางชนิดที่สามารถเปลี่ยนสีได้ในหลอดเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน
ท้ายสุดนี้
HomeGuru ขอบอกว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบของแสงไฟในห้องนอนเพื่อการพักผ่อน และนอนหลับอย่างสบาย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า นอกจากจะได้ห้องนอนที่สวยงามมีบรรยากาศดีแล้ว คุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อสุขภาพที่ดี และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ลองเริ่มจากสิ่งง่ายๆ แค่เปลี่ยนแสงไฟขาวสว่างเป็นเหลืองนวลตา คุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างทันที
อย่าลืมนะ… หากไม่แน่ใจเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาหาช่างมาทำการติดตั้งให้จะดีกว่า
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง
http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง
https://bit.ly/3dQm4XE
จัดไฟห้องนอน ให้พักผ่อนหลับสบาย
ห้องนอนคือพื้นที่ส่วนตัวเพื่อการนอนหลับพักผ่อน และเป็นเสมือนพื้นที่ปลีกวิเวก อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลง สำหรับบางคนอาจสงสัยว่าทำไมห้องนอนที่บ้านรู้สึกไม่น่าผ่อนคลาย ทั้งที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ปัจจัยสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม ซึ่งสร้างเสริมบรรยากาศให้สมบูรณ์แบบคือ จัดไฟห้องนอน หรือการจัดไฟแสงสว่าง ตัวอย่างที่หลายคนอาจเคยสัมผัสและเห็นได้ชัด คือห้องพักในโรงแรมหรือรีสอร์ทหรู นอกจากการตกแต่งที่สวยงามแล้ว ลักษณะแสงไฟ สีของไฟ และตำแหน่งการจัดวาง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
HomeGuru ขอนำเสนอหลักการง่ายๆ ในการจัดไฟแสงสว่างหรือ จัดไฟห้องนอน ที่สามารถนำไปปรับใช้ โดยแบ่งประเภทการใช้แสงตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งช่วยให้เกิดมิติของแสงสว่างเสริมสร้างบรรยากาศในห้องนอนนั่นเอง ซึ่งแตกต่างจากการใช้ไฟประเภทเดียวส่องสว่างจ้าทั่วทั้งห้องแบบทั่วไป การแบ่งประเภทการใช้แสงจะช่วยให้ห้องนอนที่บ้านมีบรรยากาศน่าพักผ่อนได้ไม่แพ้โรงแรมและรีสอร์ทหรู มาดูกันว่ามีหลักการจัดไฟในห้องนอนนั้นอย่างไรบ้าง
แสงไฟส่องสว่างทั่วไป
ไฟแอมเบี้ยน (Ambient) หรือไฟส่องสว่างทั่วไป เป็นแสงไฟพื้นฐานสำหรับทุกห้อง ให้แสงสว่างสำหรับการมองเห็นและกิจกรรมทั่วไป โดยมากมักเป็นไฟจากโคมไฟติดเพดาน หรือไฟดาวน์ไลท์ สำหรับห้องนอนที่เน้นการพักผ่อนนั้น ไฟแอมเบี้ยนควรมีความสว่างน้อยกว่าห้องอื่นๆ ส่วนตำแหน่งนั้น อาจติดตั้งบริเวณเหนือเตียงก็ได้ แต่ให้เลือกโคมไฟเพดานที่ให้แสงนวลตา หรือโคมไฟที่ส่องสะท้อนขึ้นเพดาน เพื่อป้องกันแสงส่องแยงตานั่นเอง หรืออาจใช้ไฟดาวน์ไลท์หลายดวงติดกระจายเหนือพื้นทางเดิน
แสงไฟส่องใช้งาน
ไฟส่องใช้งาน หรือ Task Lighting ทำหน้าที่ให้แสงสว่างเฉพาะจุดเพื่อการใช้งานเฉพาะอย่าง สำหรับห้องนอนนั้น จะเป็นลักษณะของโคมไฟข้างหัวเตียงที่ใช้ส่องอ่านหนังสือ ทั้งแบบโคมไฟตั้งบนโต๊ะข้างเตียง โคมไฟติดผนัง และโคมไฟแขวน นอกจากนี้ยังรวมถึงโคมไฟโต๊ะเขียนหนังสือ และโคมไฟหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ควรดูตำแหน่งการติดตั้งโคมไฟส่องใช้งานที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงมุมที่แสงส่องเป็นเงารบกวนการใช้งาน เช่น ถ้าเขียนหนังสือมือขวา โคมไฟควรอยู่ด้านซ้ายเพื่อส่องเข้าหน้ามือ เป็นต้น
แสงไฟส่องเน้น
ไฟส่องเน้นเพื่อการตกแต่ง หรือ Accent Lighting เป็นเสมือนการตกแต่งโดยใช้แสงสว่าง โดยสามารถใช้โคมไฟที่มีรูปแบบสวยงามแปลกตา โคมไฟที่เปล่งแสงเป็นรูปทรง หรือการติดตั้งซ่อนไฟบนฝ้าเพดานหรือในผนัง ให้ส่องแสงเป็นเส้นหรือเป็นทรงโค้ง นอกจากการใช้แสงไฟสีแบบทั่วไปแล้ว บางครั้งอาจใช้ไฟสีอื่นๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจได้อีกด้วย
สวิตซ์หรี่ไฟ
สวิตซ์หรี่ไฟ หรือดิมเมอร์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมความสว่างที่ช่วยเปลี่ยนลุคให้ห้องนอนได้อย่างทันใจ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้แสงสว่างมากๆ ในจังหวะที่ทำความสะอาดห้อง หรือค้นหาสิ่งของ แต่ต้องการแสงสว่างแบบสลัวๆ ในช่วงเวลาพักผ่อน การติดตั้งสวิตซ์หรี่ไฟนั้น ต้องคำนึงถึงหลอดไฟที่ใช้งานร่วมด้วย โดยทั่วไป ถ้าเป็นหลอดอินแคนเดสเซนต์หรือฮาโลเจน ก็สามารถเปลี่ยนใช้งานได้ทันที แต่กรณีเป็นหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดไฟแอลอีดีแบบ Low-Voltage อาจมีการกระพริบได้ ดังนั้นควรปรึกษาช่างไฟ ร้านตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ เพื่อจะได้เลือกใช้สวิตซ์หรี่ไฟ และหลอดที่ทำงานร่วมกันได้ สมัยนี้มีหลอดไฟบางประเภทที่สามารถปรับระดับแสงสว่างได้โดยไม่ต้องใช้สวิตซ์หรี่ไฟ ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกสำหรับงานปรับปรุงห้องนอนแบบทันใจ
สีของแสง
สีของแสงสว่างมีผลต่อการรับรู้และอารมณ์ สีของแสงไฟมีหน่วยวัดเป็นองศาเคลวิน (Kelvin) หรือค่า K ที่เราเห็นบนฉลากหรือบนหลอดไฟ สำหรับแสงไฟในบ้านแล้วจะอยู่ในช่วง 2700K-6500K โดยประมาณ ค่า K น้อยแสงจะออกสีเหลือง ค่า K สูงแสงจะออกสีขาว สำหรับห้องนอนแล้ว ควรเลือกสีของแสงที่สบายตาเหมาะกับการผ่อนคลาย ซึ่งเป็นแสงสีเหลือง ไปจนถึงขาวอมเหลือง หรือช่วง 2700K-4000K เป็นสีที่สร้างความอบอุ่นเป็นกันเอง แต่แสงสีอมเหลืองหรือส้มนี้อาจไม่เหมาะในกรณีค้นหาของหรือกวาดถูทำความสะอาดเมื่อเทียบกับแสงสีขาวในช่วง 4500K-6500K ปัจจุบันมีหลอดบางชนิดที่สามารถเปลี่ยนสีได้ในหลอดเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน
ท้ายสุดนี้ HomeGuru ขอบอกว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบของแสงไฟในห้องนอนเพื่อการพักผ่อน และนอนหลับอย่างสบาย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า นอกจากจะได้ห้องนอนที่สวยงามมีบรรยากาศดีแล้ว คุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อสุขภาพที่ดี และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ลองเริ่มจากสิ่งง่ายๆ แค่เปลี่ยนแสงไฟขาวสว่างเป็นเหลืองนวลตา คุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างทันที
อย่าลืมนะ… หากไม่แน่ใจเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาหาช่างมาทำการติดตั้งให้จะดีกว่า
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง https://bit.ly/3dQm4XE