หลังมีการประกาศการค้นพบโมเลกุลของฟอสฟีน ในชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ-อเมริกันจนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อวันอังคาร (15 กันยายน 2020)ที่ผ่านมา ทางด้านผู้อำนวยการองค์การอวกาศรัสเซียก็ได้ออกมากล่าวอ้างว่า “ดาวศุกร์คือ ดาวรัสเซีย”
“ ประเทศของเราเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ประสบความสำเร็จในการนำยานสำรวจเดินทางไปลงจอดบนผิวดาวศุกร์” นายพลดมิทรี โรโกซิน (Dmitry Rogozin) ผู้อำนวยการองค์การอวกาศรัสเซียหรือ Roscosmos กล่าว
สหภาพโซเวียต เป็นชาติแรกของโลกที่สามารถส่งยานอวกาศ “เวเนรา 1” (Venera 1) บินผ่านดาวศุกร์ ในปี 1961 ที่ระยะห่างราว 100,000 กิโลเมตรก่อนยานของฝ่ายอเมริกันจะตามมาในปี1962 จากนั้นสหภาพโซเวียตหรืออดีตรัสเซีย ก็กลายเป็นชาติแรกที่ส่งยาน “เวเนรา 3” (Venera 3) ลงโหม่งผิวดาวศุกร์ในเดือนมีนาคมปี1966 แม้ส่งผลให้ยานเสียหายใช้การไม่ได้ แต่ชื่อเสียงของรัสเซียในแง่ของการ “เป็นชาติแรก” ที่ลงแตะผิวดาวศุกร์ก็ไม่อาจลบเลือนได้
หลังจากนั้นในเดือนตุลาคม ปี1967 ยาน “เวเนรา 4” (Venera 4) ของสหภาพโซเวียต ก็ประสบความสำเร็จในการส่งข้อมูลที่สำรวจได้จากชั้นบรรยากาศอันหนาแน่นของดาวศุกร์เป็นครั้งแรก และในเดือนธันวาคม ปี1970 สหภาพโซเวียตก็ประสบความสำเร็จในการนำยาน “เวเนรา 7” (Venera 7) ลงจอดบนผิวดาวศุกร์แบบนิ่มนวลจนสามารถส่งข้อมูลกลับโลกได้นาน 23 นาที ก่อนที่ยานจะขาดการติดต่อไปจาก ความร้อนมากกว่า 450 องศาเซลเซียสและความกดดันมากกว่า 93 hPa บนผิวดาวเคราะห์นรกที่มีชื่อว่า "ดาวศุกร์" ดวงนี้
หลังจากนั้นในเดือนตุลาคมปี 1975 ทางรัสเซียหรือ สหภาพโซเวียตในเวลานั้นก็ได้ส่ง ยาน “เวเนรา 9” (Venera 9) ไปโคจรรอบดาวศุกร์สำเร็จ ซึ่งก็ถือว่าเป็นประเทศแรกของโลกที่ทำเช่นนี้ได้ด้วย โดยประเทศคู่แข่งนั่นคือสหรัฐอเมริกาที่แม้พยายามส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวศุกร์บ้าง แต่ก็ไม้อาจครองสถิติต่างๆสำหรับคำว่า “อันดับแรก” ได้เหมือนรัสเซีย และนี่เป็นที่มาของคำกล่าวอ้างว่า “ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์รัสเซีย” จากผู้อำนวยการองค์การอวกาศ Roscosmos ที่ประกาศออกมาเช่นนั้น
นายพล ดมิทรี โรโกซิน ยังได้ระบุ ถึงแผนการสำรวจดาวศุกร์ในอนาคต ซึ่งเป็นแผนงานของประเทศรัสเซียเองแยกต่างหากจากโครงการร่วมมือระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ รวมทั้งยังมีโครงการสำรวจหาชีวิตบนดาวศุกร์ของเอกชน โดยมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Yuri Milner ตามมาอีกด้วย
เนื่องจากดาวศุกร์ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 และเป็นดาวเคราะห์หินที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลก เมื่อปี ค.ศ. 1957 เริ่มแรกยุคอวกาศ ดาวศุกร์จึงกลายเป็นหนึงในดาวเคราะห์ที่มนุษย์ส่งยานอวกาศไปสำรวจ เช่นเดียวกับ ดวงจันทร์ และดาวอังคาร จนถึงปัจจุบันมียานอวกาศที่เคยไปสำรวจกว่า 30 ลำ
ยานอวกาศต่างๆที่มนุษย์ส่งไปสำรวจ ‘ดาวศุกร์’ ได้แก่
1. มารีเนอร์ 2 27 สค. ค.ศ.1962
2. มารีเนอร์ 5 14 มิย. ค.ศ.1967
3. เวเนอรา 4(รัสเซีย) 12 มิย. ค.ศ.1967
4. เวเนอรา 5(รัสเซีย) 5 มค. ค.ศ.1969
5. เวเนอรา 7(รัสเซีย) 17 สค. ค.ศ.1970
6. เวเนอรา 8(รัสเซีย) 27 มค. ค.ศ.1972
7. มารีเนอร์ 10 10 พย. ค.ศ.1962
8. เวเนอรา 9และ10(รัสเซีย) ค.ศ.1975
9. เวเนอรา 11และ14(รัสเซีย) ค.ศ.1978 - 1981
10. ไพโอเนีย วีนัส 20 พ.ค. 1978
11. เวเนอรา 15และ16(รัสเซีย) ค.ศ.1983
12. กาลิเลโอ 18 ต.ค. 1989
13. แมกเจลแลน 4 ม.ค. 1989
14. แมสเซนเจอร์ มี.ค. 2004
15. วีนัส - เอ็กเพรส(ESA) พ.ย. 2005
16. แพลเน็ทซี กุมภาพันธ์ 2007
ที่มา
https://www.themoscowtimes.com/2020/09/15/venus-is-a-russian-planet-roscosmos-chief-says-a71451
เรียบเรียงโดย @MrVop
Cr.
https://stem.in.th/venus-is-russia-planet/
โครงการเวเนรา
โครงการดังกล่าวเป็นโครงการอวกาศของโซเวียตที่เกิดขึ้นในช่วง ค.ศ.1961-1984 โดยเชื่อโครงการ Venera เป็นภาษารัสเซีย หมายถึงดาวศุกร์ ส่วนยาน 2 ลำหลังสุดของโครงการที่ไปสำรวจดาวศุกร์ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เวกา’ (Vega) ย่อจาก Venera รวมกับ Gallei ชื่อภาษารัสเซียที่ใช้เรียกดาวหาง Halley
โครงการเวเนรา มียานที่ส่งไปสำรวจดาวศุกร์ เกือบ 30 ลำ ในจำนวนนี้มียาน 13 ลำที่สามารถติดต่อได้ขณะร่อนลงฝ่าชั้นบรรยากาศหนาทึบ และเพียง 10 ลำเท่านั้นที่สามารถลงถึงพื้นผิวดาวศุกร์และส่งข้อมูลกลับมายังโลกได้ รวมถึงมียานที่ได้ขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จในการทำสถิติ “ครั้งแรก” ได้แก่
- ยานเวเนรา 4 (ค.ศ.1967) อุปกรณ์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ที่เข้าสู่บรรยากาศดาวเคราะห์ดวงอื่นตัวแรก
- ยานเวเนรา 7 (ค.ศ.1970) ยานลำแรกที่ลงจอดบนดาวศุกร์
- ยานเวเนรา 9 (ค.ศ.1975) ยานลำแรกที่ถ่ายภาพพื้นผิวดาวศุกร์กลับมายังโลก
- ยานเวเนรา 15 (ค.ศ.1983) ยานลำแรกที่ใช้ระบบเรดาร์ในการทำแผนที่ดาวศุกร์
โครงการเวเนราได้ค้นพบข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับดาวศุกร์มากมาย เช่น
- ยานเวเนรา 4 ตรวจพบว่าองค์ประกอบทางเคมีในบรรยากาศดาวศุกร์เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 95%
- ยานเวเนรา 11 และ 12 ค้นพบคลอรีนที่เจือปนอยู่ในเมฆ
- ยานเวเนรา 15 และ 16 พบว่าแนวสันเขาและแนวร่องที่ปรากฏบนพื้นผิวดาว เกิดจากการเคลื่อนตัวบนเปลือกดาว
Cr.
https://hi-in.facebook.com/NARITpage/photos/1-โครงการเวเนรา-veneraโครงการอวกาศของโซเวียตที่มุ่งเน้นการสำรวจ-ดาวศุกร์-โดยเฉพา/3489312521132337/
ยานแมกเจนแลน
ยานแมกเจลแลนเป็นยานอวกาศที่โคจรรอบดาวศุกร์ขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในปี ค.ศ.1989 เป็นยานลำแรกที่ขึ้นสู่อวกาศโดยบรรทุกไปกับยานขนส่งอวกาศ ก่อนจะเดินทางไปถึงดาวศุกร์ในปี ค.ศ.1990
ยานลำนี้มีภารกิจใช้ระบบเรดาร์ทำแผนที่และศึกษาสภาพความโน้มถ่วงของดาวศุกร์ รวมถึงทำให้ความรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาของดาวศุกร์เพิ่มขึ้นมาก เช่น
- ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการเคลื่อนตัวและแปรสัณฐานของแผ่นธรณีภาค (Plate Tectonic)
- พื้นผิวดาวศุกร์มีอายุน้อยกว่า 800 ล้านปี จากจำนวนหลุมอุกกาบาตบนดาวศุกร์ที่ค่อนข้างน้อย แสดงว่ามีการสร้างพื้นผิวใหม่กลบพื้นผิวดั้งเดิมของ ดาว
- ตรวจพบแนวร่องจากการไหลของลาวาที่ยาวนับพันกม.
- แสดงให้เห็นร่องรอยการระเบิด ของภูเขาไฟบนดาวศุกร์
หลังจากที่ยานสำรวจดาวศุกร์อยู่ 4 ปี ยานแมกเจลแลนก็จบภารกิจลง ด้วยการเข้าใกล้ดาวศุกร์จนถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ เมื่อปี ค.ศ.1994
แต่ก่อนที่วาระสุดท้ายจะมาถึง วิศวกรจาก NASA ได้ปรับวงโคจรของยานอวกาศ Magellan จากวงรีให้เป็นวงกลม เพื่อให้ยานสำรวจหาข้อมูลโครงสร้างภายในของดาวศุกร์ โดยจะส่งสัญญาณบังคับยานอวกาศให้เบนทิศการโคจรให้พอเหมาะพอดี เพราะแรงเสียดทานของบรรยากาศเหนือดาวศุกร์จะเผาผลาญยานจนลุกไหม้เป็นไฟได้
ยานอวกาศนี้ได้รับการตั้งชื่อจากนักสำรวจชาวโปรตุเกส เฟอร์ดินาน มาเจลแลน (Ferdinand Magellan) ยานอวกาศลำนี้ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโดยจรวดแอตแลนติส (Space Shuttle Atlantis STS-30) ที่ฐานอวกาศเคเนดีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม1989 เข้าใกล้ดาวศุกร์มากที่สุดในระยะ 294 กิโลเมตร โคจรรอบดาวศุกร์ 3 ชั่วโมง 15 นาที และกลับมายังพื้นโลกในวันที่ 12 ตุลาคม1994
Cr.
https://guru.sanook.com/26515/
Cr.
http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/84/chemistry/magellan.htm
ยานวีนัสเอ็กซ์เพรส
ยาน Venus Express เป็นยานโคจรรอบดาวศุกร์และยานสำรวจดาวศุกร์ลำแรกขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในปลาpปี ค.ศ.2005 ก่อนจะถึงดาวศุกร์ในปี ค.ศ.2006 ยานลำนี้มีภารกิจศึกษาทั้งบรรยากาศและพื้นผิวของดาว แต่เดิมนั้น ยานมีระยะเวลาทำภารกิจอยู่ 500 วัน แต่ก็ขยายภารกิจไปจนเชื้อเพลิงของยานใกล้หมด จึงต้องปล่อยให้ยานลดระดับลงเข้าใกล้ดาวศุกร์ จนถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศในปี ค.ศ.2015 เป็นยานในสายเดียวกับยานมารส์เอกซ์เพรสที่กำลังสำรวจดาวอังคารอยู่ โดยมีโครงสร้างคล้ายกัน
ยานอวกาศ Venus Express (VE) ถ่ายทำแผนที่ผิวซีกใต้ของดาวศุกร์(Venus) ด้วยการตรวจจับคลื่นรังสีอินฟราเรด แผนที่ผืนใหม่นี้บ่งบอกว่าพิภพเพื่อนบ้านดวงนี้ ครั้งหนึ่งเคยมีสภาพคล้ายโลก ด้วยระบบแผ่นทวีป(plate tectonics system) และมหาสมุทรของน้ำด้วยการบันทึกนับพันภาพในช่วงเดือนพฤษภาคม 2006 จนถึงธันวาคม 2007
ภาพแรกจากวีนัสเอกซ์เพรสเป็นภาพของพายุหมุนขนาดใหญ่ที่ขั้วใต้ของดาวศุกร์ เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีพายุหมุนขนาดใหญ่ที่ขั้วใต้จากเดิมที่เคยรู้จักแต่พายุหมุนที่ขั้วเหนือเท่านั้น ภาพแรกนี้ดูหยาบเพราะถ่ายในขณะที่ยานอยู่ห่างจากดาวศุกร์มาก แต่ถ้าถ่ายในขณะที่ยานเข้าใกล้จะมีความละเอียดสูงกว่านี้ถึง 100 เท่า
เนื่องจากดาวศุกร์ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ ดังนั้นกล้องถ่ายภาพธรรมดาๆจึงไม่อาจมองเห็นผิวดาวได้ แต่ด้วยกล้องถ่ายภาพอินฟราเรดที่สามารถจับรังสีอินฟราเรดจากผิวดาวอันร้อนระอุ อีกทั้งคลื่นนี้ยังสามารถทะลุผ่านชั้นเมฆออกสู่อวกาศได้ ทำให้ยาน VE สามารถจับภาพในย่านรังสีนี้และถ่ายภาพผิวดาวได้ แม้ว่าในอดีตการถ่ายทำแผนที่ผิวดาวศุกร์ใช้คลื่น “เรดาร์ (radar)” อย่างเดียว
VE เป็นยานอวกาศซึ่งโคจรรอบดาวเคราะห์ลำแรกที่สามารถทำแผนที่องค์ประกอบทางเคมีของหินได้ ข้อมูลใหม่ๆ ประกอบด้วยบริเวณที่รอบสูงของดาวศุกร์ซึ่งก็คือทวีปโบราณ ซึ่งครั้งหนึ่งถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรและผลผลิตของกิจกรรมของภูเขาไฟในอดีต
Cr.
http://astro.phys.sc.chula.ac.th/July09.html
Cr.
http://thaiastro.nectec.or.th/news/2566/
Cr.
https://www.brighttv.co.th/lifestyle/venus-spaceship
ยานเบปีโคลอมโบ
ยานเบปีโคลอมโบ (BepiColombo) เป็นยานโคจรรอบดาวศุกร์ แบ่งเป็นสองส่วน คือ ยาน MPO พัฒนาโดยองค์การอวกาศยุโรป (ESA) กับยาน MMO พัฒนาโดยองค์การวิจัยและพัฒนาการสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี ค.ศ.2018 มีภารกิจหลักเพื่อศึกษาพื้นผิวดาว โครงสร้างภายใน และสนามแม่เหล็กของดาวพุธ รวมถึงพิสูจน์ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์
ยานลำนี้มีกำหนดเฉียดดาวเคราะห์หลายครั้งเพื่ออาศัยความโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ปรับอัตราเร็วและแนววงโคจรของยาน ได้แก่ การเฉียดใกล้โลก1 ครั้ง ดาวศุกร์ 2 ครั้ง และดาวพุธ 6 ครั้ง ก่อนเข้าสู่วงโคจรรอบดาวพุธ ยานเบปีโคลอมโบจะมีกำหนดเฉียดใกล้ดาวศุกร์ ในวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ.2020 ระหว่างที่ยานเบปีโคลอมโบเฉียดใกล้ดาวศุกร์ จะเก็บข้อมูลเพื่อใช้ศึกษาบรรยากาศของดาวศุกร์ และสภาพอวกาศโดยรอบดาวศุกร์
ข้อมูลอ้างอิงจาก : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาตร์
Cr.
https://www.facebook.com/NARITpage/photos/pb.148300028566953.-2207520000../3489312754465647/?type=3&eid=ARBGey58RbGKPA_uniwXDfqXWIZQN2-yLHk9pa9-e84gY1u6qHtfY
Cr.
https://www.brighttv.co.th/lifestyle/venus-spaceship
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
“ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์รัสเซีย” คำกล่าวอ้างผอ.ROSCOSMOS
“ ประเทศของเราเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ประสบความสำเร็จในการนำยานสำรวจเดินทางไปลงจอดบนผิวดาวศุกร์” นายพลดมิทรี โรโกซิน (Dmitry Rogozin) ผู้อำนวยการองค์การอวกาศรัสเซียหรือ Roscosmos กล่าว
สหภาพโซเวียต เป็นชาติแรกของโลกที่สามารถส่งยานอวกาศ “เวเนรา 1” (Venera 1) บินผ่านดาวศุกร์ ในปี 1961 ที่ระยะห่างราว 100,000 กิโลเมตรก่อนยานของฝ่ายอเมริกันจะตามมาในปี1962 จากนั้นสหภาพโซเวียตหรืออดีตรัสเซีย ก็กลายเป็นชาติแรกที่ส่งยาน “เวเนรา 3” (Venera 3) ลงโหม่งผิวดาวศุกร์ในเดือนมีนาคมปี1966 แม้ส่งผลให้ยานเสียหายใช้การไม่ได้ แต่ชื่อเสียงของรัสเซียในแง่ของการ “เป็นชาติแรก” ที่ลงแตะผิวดาวศุกร์ก็ไม่อาจลบเลือนได้
หลังจากนั้นในเดือนตุลาคม ปี1967 ยาน “เวเนรา 4” (Venera 4) ของสหภาพโซเวียต ก็ประสบความสำเร็จในการส่งข้อมูลที่สำรวจได้จากชั้นบรรยากาศอันหนาแน่นของดาวศุกร์เป็นครั้งแรก และในเดือนธันวาคม ปี1970 สหภาพโซเวียตก็ประสบความสำเร็จในการนำยาน “เวเนรา 7” (Venera 7) ลงจอดบนผิวดาวศุกร์แบบนิ่มนวลจนสามารถส่งข้อมูลกลับโลกได้นาน 23 นาที ก่อนที่ยานจะขาดการติดต่อไปจาก ความร้อนมากกว่า 450 องศาเซลเซียสและความกดดันมากกว่า 93 hPa บนผิวดาวเคราะห์นรกที่มีชื่อว่า "ดาวศุกร์" ดวงนี้
หลังจากนั้นในเดือนตุลาคมปี 1975 ทางรัสเซียหรือ สหภาพโซเวียตในเวลานั้นก็ได้ส่ง ยาน “เวเนรา 9” (Venera 9) ไปโคจรรอบดาวศุกร์สำเร็จ ซึ่งก็ถือว่าเป็นประเทศแรกของโลกที่ทำเช่นนี้ได้ด้วย โดยประเทศคู่แข่งนั่นคือสหรัฐอเมริกาที่แม้พยายามส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวศุกร์บ้าง แต่ก็ไม้อาจครองสถิติต่างๆสำหรับคำว่า “อันดับแรก” ได้เหมือนรัสเซีย และนี่เป็นที่มาของคำกล่าวอ้างว่า “ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์รัสเซีย” จากผู้อำนวยการองค์การอวกาศ Roscosmos ที่ประกาศออกมาเช่นนั้น
นายพล ดมิทรี โรโกซิน ยังได้ระบุ ถึงแผนการสำรวจดาวศุกร์ในอนาคต ซึ่งเป็นแผนงานของประเทศรัสเซียเองแยกต่างหากจากโครงการร่วมมือระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ รวมทั้งยังมีโครงการสำรวจหาชีวิตบนดาวศุกร์ของเอกชน โดยมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Yuri Milner ตามมาอีกด้วย
เนื่องจากดาวศุกร์ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 และเป็นดาวเคราะห์หินที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลก เมื่อปี ค.ศ. 1957 เริ่มแรกยุคอวกาศ ดาวศุกร์จึงกลายเป็นหนึงในดาวเคราะห์ที่มนุษย์ส่งยานอวกาศไปสำรวจ เช่นเดียวกับ ดวงจันทร์ และดาวอังคาร จนถึงปัจจุบันมียานอวกาศที่เคยไปสำรวจกว่า 30 ลำ
ยานอวกาศต่างๆที่มนุษย์ส่งไปสำรวจ ‘ดาวศุกร์’ ได้แก่
1. มารีเนอร์ 2 27 สค. ค.ศ.1962
2. มารีเนอร์ 5 14 มิย. ค.ศ.1967
3. เวเนอรา 4(รัสเซีย) 12 มิย. ค.ศ.1967
4. เวเนอรา 5(รัสเซีย) 5 มค. ค.ศ.1969
5. เวเนอรา 7(รัสเซีย) 17 สค. ค.ศ.1970
6. เวเนอรา 8(รัสเซีย) 27 มค. ค.ศ.1972
7. มารีเนอร์ 10 10 พย. ค.ศ.1962
8. เวเนอรา 9และ10(รัสเซีย) ค.ศ.1975
9. เวเนอรา 11และ14(รัสเซีย) ค.ศ.1978 - 1981
10. ไพโอเนีย วีนัส 20 พ.ค. 1978
11. เวเนอรา 15และ16(รัสเซีย) ค.ศ.1983
12. กาลิเลโอ 18 ต.ค. 1989
13. แมกเจลแลน 4 ม.ค. 1989
14. แมสเซนเจอร์ มี.ค. 2004
15. วีนัส - เอ็กเพรส(ESA) พ.ย. 2005
16. แพลเน็ทซี กุมภาพันธ์ 2007
ที่มา https://www.themoscowtimes.com/2020/09/15/venus-is-a-russian-planet-roscosmos-chief-says-a71451
เรียบเรียงโดย @MrVop
Cr.https://stem.in.th/venus-is-russia-planet/
โครงการเวเนรา มียานที่ส่งไปสำรวจดาวศุกร์ เกือบ 30 ลำ ในจำนวนนี้มียาน 13 ลำที่สามารถติดต่อได้ขณะร่อนลงฝ่าชั้นบรรยากาศหนาทึบ และเพียง 10 ลำเท่านั้นที่สามารถลงถึงพื้นผิวดาวศุกร์และส่งข้อมูลกลับมายังโลกได้ รวมถึงมียานที่ได้ขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จในการทำสถิติ “ครั้งแรก” ได้แก่
- ยานเวเนรา 4 (ค.ศ.1967) อุปกรณ์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ที่เข้าสู่บรรยากาศดาวเคราะห์ดวงอื่นตัวแรก
- ยานเวเนรา 7 (ค.ศ.1970) ยานลำแรกที่ลงจอดบนดาวศุกร์
- ยานเวเนรา 9 (ค.ศ.1975) ยานลำแรกที่ถ่ายภาพพื้นผิวดาวศุกร์กลับมายังโลก
- ยานเวเนรา 15 (ค.ศ.1983) ยานลำแรกที่ใช้ระบบเรดาร์ในการทำแผนที่ดาวศุกร์
โครงการเวเนราได้ค้นพบข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับดาวศุกร์มากมาย เช่น
- ยานเวเนรา 4 ตรวจพบว่าองค์ประกอบทางเคมีในบรรยากาศดาวศุกร์เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 95%
- ยานเวเนรา 11 และ 12 ค้นพบคลอรีนที่เจือปนอยู่ในเมฆ
- ยานเวเนรา 15 และ 16 พบว่าแนวสันเขาและแนวร่องที่ปรากฏบนพื้นผิวดาว เกิดจากการเคลื่อนตัวบนเปลือกดาว
Cr.https://hi-in.facebook.com/NARITpage/photos/1-โครงการเวเนรา-veneraโครงการอวกาศของโซเวียตที่มุ่งเน้นการสำรวจ-ดาวศุกร์-โดยเฉพา/3489312521132337/
ยานลำนี้มีภารกิจใช้ระบบเรดาร์ทำแผนที่และศึกษาสภาพความโน้มถ่วงของดาวศุกร์ รวมถึงทำให้ความรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาของดาวศุกร์เพิ่มขึ้นมาก เช่น
- ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการเคลื่อนตัวและแปรสัณฐานของแผ่นธรณีภาค (Plate Tectonic)
- พื้นผิวดาวศุกร์มีอายุน้อยกว่า 800 ล้านปี จากจำนวนหลุมอุกกาบาตบนดาวศุกร์ที่ค่อนข้างน้อย แสดงว่ามีการสร้างพื้นผิวใหม่กลบพื้นผิวดั้งเดิมของ ดาว
- ตรวจพบแนวร่องจากการไหลของลาวาที่ยาวนับพันกม.
- แสดงให้เห็นร่องรอยการระเบิด ของภูเขาไฟบนดาวศุกร์
หลังจากที่ยานสำรวจดาวศุกร์อยู่ 4 ปี ยานแมกเจลแลนก็จบภารกิจลง ด้วยการเข้าใกล้ดาวศุกร์จนถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ เมื่อปี ค.ศ.1994
แต่ก่อนที่วาระสุดท้ายจะมาถึง วิศวกรจาก NASA ได้ปรับวงโคจรของยานอวกาศ Magellan จากวงรีให้เป็นวงกลม เพื่อให้ยานสำรวจหาข้อมูลโครงสร้างภายในของดาวศุกร์ โดยจะส่งสัญญาณบังคับยานอวกาศให้เบนทิศการโคจรให้พอเหมาะพอดี เพราะแรงเสียดทานของบรรยากาศเหนือดาวศุกร์จะเผาผลาญยานจนลุกไหม้เป็นไฟได้
ยานอวกาศนี้ได้รับการตั้งชื่อจากนักสำรวจชาวโปรตุเกส เฟอร์ดินาน มาเจลแลน (Ferdinand Magellan) ยานอวกาศลำนี้ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโดยจรวดแอตแลนติส (Space Shuttle Atlantis STS-30) ที่ฐานอวกาศเคเนดีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม1989 เข้าใกล้ดาวศุกร์มากที่สุดในระยะ 294 กิโลเมตร โคจรรอบดาวศุกร์ 3 ชั่วโมง 15 นาที และกลับมายังพื้นโลกในวันที่ 12 ตุลาคม1994
Cr.https://guru.sanook.com/26515/
Cr.http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/84/chemistry/magellan.htm
ยานอวกาศ Venus Express (VE) ถ่ายทำแผนที่ผิวซีกใต้ของดาวศุกร์(Venus) ด้วยการตรวจจับคลื่นรังสีอินฟราเรด แผนที่ผืนใหม่นี้บ่งบอกว่าพิภพเพื่อนบ้านดวงนี้ ครั้งหนึ่งเคยมีสภาพคล้ายโลก ด้วยระบบแผ่นทวีป(plate tectonics system) และมหาสมุทรของน้ำด้วยการบันทึกนับพันภาพในช่วงเดือนพฤษภาคม 2006 จนถึงธันวาคม 2007
ภาพแรกจากวีนัสเอกซ์เพรสเป็นภาพของพายุหมุนขนาดใหญ่ที่ขั้วใต้ของดาวศุกร์ เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีพายุหมุนขนาดใหญ่ที่ขั้วใต้จากเดิมที่เคยรู้จักแต่พายุหมุนที่ขั้วเหนือเท่านั้น ภาพแรกนี้ดูหยาบเพราะถ่ายในขณะที่ยานอยู่ห่างจากดาวศุกร์มาก แต่ถ้าถ่ายในขณะที่ยานเข้าใกล้จะมีความละเอียดสูงกว่านี้ถึง 100 เท่า
เนื่องจากดาวศุกร์ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ ดังนั้นกล้องถ่ายภาพธรรมดาๆจึงไม่อาจมองเห็นผิวดาวได้ แต่ด้วยกล้องถ่ายภาพอินฟราเรดที่สามารถจับรังสีอินฟราเรดจากผิวดาวอันร้อนระอุ อีกทั้งคลื่นนี้ยังสามารถทะลุผ่านชั้นเมฆออกสู่อวกาศได้ ทำให้ยาน VE สามารถจับภาพในย่านรังสีนี้และถ่ายภาพผิวดาวได้ แม้ว่าในอดีตการถ่ายทำแผนที่ผิวดาวศุกร์ใช้คลื่น “เรดาร์ (radar)” อย่างเดียว
VE เป็นยานอวกาศซึ่งโคจรรอบดาวเคราะห์ลำแรกที่สามารถทำแผนที่องค์ประกอบทางเคมีของหินได้ ข้อมูลใหม่ๆ ประกอบด้วยบริเวณที่รอบสูงของดาวศุกร์ซึ่งก็คือทวีปโบราณ ซึ่งครั้งหนึ่งถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรและผลผลิตของกิจกรรมของภูเขาไฟในอดีต
Cr.http://astro.phys.sc.chula.ac.th/July09.html
Cr.http://thaiastro.nectec.or.th/news/2566/
Cr.https://www.brighttv.co.th/lifestyle/venus-spaceship
ยานลำนี้มีกำหนดเฉียดดาวเคราะห์หลายครั้งเพื่ออาศัยความโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ปรับอัตราเร็วและแนววงโคจรของยาน ได้แก่ การเฉียดใกล้โลก1 ครั้ง ดาวศุกร์ 2 ครั้ง และดาวพุธ 6 ครั้ง ก่อนเข้าสู่วงโคจรรอบดาวพุธ ยานเบปีโคลอมโบจะมีกำหนดเฉียดใกล้ดาวศุกร์ ในวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ.2020 ระหว่างที่ยานเบปีโคลอมโบเฉียดใกล้ดาวศุกร์ จะเก็บข้อมูลเพื่อใช้ศึกษาบรรยากาศของดาวศุกร์ และสภาพอวกาศโดยรอบดาวศุกร์
ข้อมูลอ้างอิงจาก : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาตร์
Cr.https://www.facebook.com/NARITpage/photos/pb.148300028566953.-2207520000../3489312754465647/?type=3&eid=ARBGey58RbGKPA_uniwXDfqXWIZQN2-yLHk9pa9-e84gY1u6qHtfY
Cr.https://www.brighttv.co.th/lifestyle/venus-spaceship
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)