บทวิเคราะห์ก็งงๆ แปลกๆครับ ย่อหน้าแรกบอก กระแสเงินสดอิสระเป็นบวก เราให้ค่ามากกว่าขาดทุนทางบัญชี
แต่ย่อหน้าต่อมาบอกข้อติของหุ้นไว้เล็กน้อย แล้วก็เชียร์ซื้อเฉยเลย งงๆเหมือนกันครับ เมื่อวานยังมีคนปรับพอร์ตโยนซ้ายไปเกือบ
ยี่สิบกว่าล้านหุ้น มาวันนี้ลากชนชิลลิ่งเลยครับ สุดจริงๆ
  

    ถ้าจะอธิบายให้พอเข้าใจง่ายๆ คือ JAS เขาก็บริหารกิจการต่างๆไปเหมือนเดิม ในกรณีนี้จะไม่นับรวมปันผลหนักๆนะครับ โดยก่อนหน้าที่มาตรฐานทางบัญชีฉบับที่ 16 จะมีผลบังคับใช้ แต่เดิมบริษัทก็รับรู้ผลการดำเนินงานจากการใช้สินทรัพย์ ในกรณีนี้ก็พวกโครงข่ายต่างๆนั่นแหละครับ แต่มาตรฐานทางบัญชีก่อนหน้านี้ไม่ได้มีข้อบังคับให้บันทึกสินทรัพย์นั้นไว้ในงบการเงิน เป็นเพียงการกล่าวถึงไว้ในหมายเหตุงบการเงินและให้รับรู้ว่า บริษัทเราเช่าโครงข่ายนี้อยู่นะ ประมาณนั้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางบัญชีจึงต้องออกมาตรฐานทางบัญชีฉบับใหม่เข้ามา เพื่อบังคับให้มีการบันทึกสัญญาเช่าดังกล่าวลงในงบการเงิน (ซึ่งในกรณีนี้ก็สัญญาเช่าโครงข่ายที่ JAS ขายให้ JASIF ไปแล้วเช่ากลับนั่นแหละครับ)
   เพราะฉะนั้นเมื่อจะบันทึกหนี้ตามสัญญาเช่าลงไปในงบการเงินบริษัท ตามหลักบัญชีคู่ เราจึงต้องบันทึกบัญชีทั้งสองขาครับ ทั้งฝั่งสินทรัพย์แล้วก็ฝั่งหนี้สิน
   โดยฝั่งสินทรัพย์ บันทึกลงไปเป็น สินทรัพย์สิทธิการใช้ตามสัญญาเช่า ส่วนฝั่งหนี้สิน บันทึกเป็นหนี้สินตามสัญญาเช่านั่นเองครับ เพราะฉะนั้นเมื่อบันทึกสัญญาเช่าสินทรัพย์ลงไปในงบการเงินได้เรียบร้อยแล้ว จึงมาถึงขั้นตอนการหักเป็นค่าใช้จ่ายลงในงบกำไรขาดทุนในแต่ละรอบของงบการเงินครับ โดยมาตรฐานทางบัญชีฉบับใหม่บังคับ ให้ลงบันทึกค่าใช้จ่าย เป็นค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายตามอัตราคิดลดครับ ดังนั้นในช่วงแรกจำนวนดอกเบี้ยจะสูงและลดลงไปเรื่อยๆในงวดหลังๆครับ
   ดังนั้น เมื่อบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดลงในงบกำไรขาดทุนของบริษัท ฝั่งรายได้ของบริษัทที่ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ฝั่งค่าใช้จ่ายของบริษัทที่มีการบันทึกค่าเสื่อมและดอกเบี้ยจ่ายเกิดขึ้นมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงส่งผลให้กำไรของบริษัทติดลบครับ
   อธิบายเสริมหลักการทางบัญชีให้เห็นภาพคือ ค่าเสื่อมราคาที่ลงบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท แต่จริงๆแล้วบริษัทไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดจริงๆจากการหักค่าเสื่อมราคาครับ เป็นเพียงการบันทึกค่าใช้จ่ายทางบัญชีเท่านั้นครับ เงินสดในบริษัทยังอยู่ครบเช่นเดิม
  ด้วยเหตุนี้เอง งบกำไรขาดทุนของ JAS ที่ออกมาจึงติดลบ เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากสัญญาเช่าสินทรัพย์ แต่กระแสเงินสดอิสระ (ซึ่งก็คือ เงินสดภายหลังการใช้จ่ายที่จำเป็นทุกอย่างในบริษัทแล้ว) ยังคงเป็นบวก จากเหตุผลที่จริงๆแล้วบริษัทยังคงเก็บเงินสดจริงๆไว้ไม่ได้จ่ายออกไป แม้จะบันทึกค่าเสื่อมราคาเป็นตัวเลขลงในงบกำไรขาดทุนครับ
  มาตรฐานทางบัญชีฉบับใหม่จึงสามารถขุดเรื่องลับๆและสะท้อนงบการเงินของบริษัทต่างๆได้ดียิ่งขึ้นครับ
  ส่วนปันผลนั้น หากดูจากกำไรสะสมในส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบนั้นจริงๆแล้ว ก็ไม่ควรจะจ่ายปันผลแหละครับ แต่ถ้าบริษัทจะจ่ายๆจริงก็ยังพอมีวิธีการที่จะทำให้บริษัทสามารถปันผลออกมาได้อยู่ครับ

  ปล.ขออภัยล่วงหน้านะครับ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาด หรืออธิบายไม่เข้าใจ สามารถแนะนำเสริมได้ครับ ขอบคุณครับ