สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาปี 4 คนนึงที่จะจบแล้วในปีนี้ แต่ปีกก็ยังไม่กล้า ขาก็ยังไม่ได้แข็งอะไรหรอกนะครับ แต่มันมีประเด็นตรงที่
ผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้านครับ เกิดมาตอนที่ บ้านของผมพอมีพอกินและ ก็เรียนมาเรื่อยๆ จนเข้าม.ปลาย สนใจศิลปะการแสดง อยากเรียนต่อ แต่คุณแม่ไม่ให้ ยื่นคำขาดว่าถ้าเรียนแม่ไม่ส่งตอนนั้นก็ดื้อ จะเรียนให้ได้ แจ่สุดท้ายชั่งใจ มามาเรียนสายวิทย์สุขภาพ เพราะคิดว่ามีงานที่รองรับครับ
โดยได้รับคำคอนเฟริมว่า พ่อกับแม่จะส่งเอง เราก็สะบายใจ
(ขอย้อนความไปนะครับ เราเคยทะเลาะกับแม่รุนแรงมาก ช่วงม.1 จนแม่ยื่นคำขาดว่าจะไม่ส่งเราเรียนแล้ว จบแค่ ม.3 ก็พอ แต่เราอยากเรียนมหาลัย
ตอนนั้นจำได้ว่านั่งอยู่หน้าเสาธง แล้วมีพี่คนนึงเขาได้ทุนเรียนฟรี 4 ปี เพราะเขาเป็นเด็กนาฏศิลป์ เราก็เลยหาทางเข้านาฏศิลป์ไป เพราะผมอยากได้ทุนนี้
ก็แม่ไม่ส่ง เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่าผมมีปมกับคำนี้นะ พอเข้าไป ความฝันที่จะอยากเป็หมอ ก็ค่อยๆ หายไป เพราะเรามาชอบการแสดงมากกว่า ไม่ได้อ่านหนังสือเลย วันๆ ไปหาที่เรียนการแสดงฟรี ตาม ศูนย์ทูบีนัมเบอร์วัน เพื่อที่จะ Entrance เข้าคณะทางด้านการแสดง และได้ทุนเรียนฟรี 4 ปี เหมือนพี่คนนั้น ตอนม.1 เข้าใจว่าเรียนคณะอะไรก็ได้ ถ้าทำกิจกรรม โรงเรียนได้ ทุนเรียนเลย 4 ปี แต่พอโตมาต้องเรียน นาฏศิลป์ไทยเท่านั้นถึงจะได้ แต่เราชอบนาฏศิลป์สากล)
ปล. ตอนม.3 เข้าม.4 ตัดสินใจไปเรียนสายอาชีพนะครับจะได้ทำงานไปเรียนไปได้ แต่อาจารย์นาฏศิลป์นี่แหละดึงไว้ เขาบอกถ้าไม่มีใครส่งครูส่งเอง เลยได้เรียนม.4 สายวิทย์ คณิต
ดั้วยเหตุที่ว่า เขาให้เรียนฟรี แต่นาฏศิลป์ไทย ทำให้ความอยากเรียนทางด้านการแสดงก็ลดลง และเมื่อฟังการเรียนจากรุ่นพี่ สังคมของรุ่นพี่เราก็ไม่อยากเรียน
เลยหันมาเข้าเรียนทางวิทย์สุขภาพ เพราะไปค่ายแล้วพี่ๆ น่ารัก สังคมน่าอยู่
เป็นไปตามคาดครับ สังคมดีจริง แต่เรียนหนักมาก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แล้วผลพวงที่ตามมาคือการรับสอนพิเศษ ผมสอบติดม.ชื่อดังทางด้านวิทย์สุขภาพอยู่แล้ว เลยเป็นใบเบิกทางในการหางานสอนพิเศษได้ไม่ยาก
ด้วยเด็กที่ไม่เคยมีอะไร โดนดูถูกว่าจนมาตลอด ผมเลยทำงานเก็บเงินครับ แต่ไม่ใช่เอาไปซื้อของสุรุ่ยสุร่ายนะครับ แต่ผมก็มีเงินเก็บเป็นหมื่นเหมือนกัน
แต่การเรียนในสายวิทย์ สุจภาพนี้ เราเรียนด้วยเงื่อนไขของแม่คือ ต้องกู้ กยศ และได้ค่าใช้จ่ายรายเดือน 4000 บาทต่อเดือน ไอ้เงินจำนวนเนี้ยเราก็ใช้พอนะ กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ ไปขนมาม่า ขนไข่มาหอ กินมาม่ากับไข่เป็นหลัก อาหารกลางวันก็กินข้าวราดแกงมันก็พอ แต่ช่วงสอบก็กินเยอะหน่อยเพราะอ่านหนังสือจำไม่ได้
ผมก็เหลือเก็บ นะเงิน 4000 ที่แม่ให้
ต่อมาทะเลาะกับแม่ เราไม่กู้และ ถ้าอยากให้เรียนก็ส่งเองละกันไม่ขวนขวายแบกหน้าไปขอลายเซนอาจารย์ให้รับรองเงินเดือนและ
พอเรียนมา ปีสูงขึ้น ใช้จ่ายมันก็เยอะขึ้น พอเราขอเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ค่ากิน (กินไม่พอเราก็ออกเอง)
กลับมีคำอืดออด ว่าไม่ช่วยบ้างหร่อ นี่หาจะตายอยู่แล้วนะ
คือเราก็เอาเงินที่เรามีไปใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นของเรา เช่น ipad ค่ากินที่บางเดือนมันไม่พอ ค่าชั้นปี ค่าเลี้ยงสายที่จัดเป็นทำเนียม (เราเข้าใจว่ามันคือ ภาษีสังคมอะนะเราก็ต้องออกไม่ได้ไปขอเขา )
โดยที่ไม่เคยขอเขาเลย แต่เขาเห็นเรามีเงินเก็บจะให้เราช่วยเรื่องค่าเทอม ค่าหอเพิ่มเติม
เรากลับมานั่งคิด ว่าถ้างี้เรียน นาฏศิลป์สากลดีกว่าไหม ส่งตัวเองเรียนไปเลย เรียนในสิ่งที่ชอบไปเลย
ปล. คือมันเรียนจนเหนื่อยมากแล้วอ่ะ ไม่มีเวลาทำอะไรเลย เรารู้สึกว่าคุณภาพชีวิตมันต่ำต่ะ เลยขอไปเรียนอย่างอื่นแทน มันเลยมีความคิดนี้ขึ้นมา
มันจะไม่รู้สึกน้อยใจเลยถ้าบ้านเรา กินแกลบ แต่นี่กินหรูอยู่สะบาย แต่ไม่มีเงินส่งเราเรียน เล่นหวยงวดละ 1000-2000 แต่ค่าเทอมเรา 10000 ไม่มีจ่าย
หวยงวดละ 1000-2000 ไม่ได้น้อยนะ พอขอก็บอกไม่มีรายได้ จะเอาอะไรหนักหนา ประเด็นคือจะเก็บเงินไว้เล่นหวย
เราเลยรู้สึกแย่ ที่แบบมองไปหาเพื่อนคนอื่นเขามีชีวิตดีจัง ipad บิดา มารดา ก็ซื้อให้แค่เอ่ยปากขอ เราต้องทำงานสอนพิเศษ หาเงินเรียน
ปล. ipad มันคุ้มกว่าจริงๆ นะ พอเพื่อนเริ่มมี ipad เยอะขึ้น เรื่องชีทเรียนเราต้องเป็นคนรับผิดชอบแล้วเพราะอาจารย์ไม่เตรียมชีทให้
ปริ้นทีก็ 30-40 ซื้อไปเลยได้ใช้สอนพิเศษด้วยเราว่ามันคุ้มกว่า
ฟังแล้วมันน้อยใจเราเลยพูดกับเขาไปเลยว่า ถ้าส่งเรามันลำบากมาก ก็ไปลาออกกับเราเลยไม่อยากเรียนแล้วเหมือนกันไม่อยากเป็นภาระใคร
ถ้าส่งเราไม่ได้ก็อย่ามาให้คำสัญญาว่าจะส่งเรา อย่ามาให้ความหวัง กับเรา ลาออกไปเลยจบๆ
เราจะได้มาทำงานสอนพิเศษเต็มตัว หาเงิน
แต่ใจจริงก็ไม่ได้อยากอกหรอก แต่อึดอัดมากจริงๆ เหมือนเราทำเพื่อตัวเรา ส่วนไหนที่เราออกไปแล้วเราก็ไม่ได้มาแหกปากบอกนะว่าอันนี้เราช่วย เขาก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เรารู้คือเรารู้สึกว่าเขาไม่อยากช่วย
เราเป็นลูกเขาจริงๆ ป่ะ
เลยแบบอยากออกมาอยู่คนเดียวเลย ทุกวันนี้ถามอยู่คำเดียวว่าจบมาให้พ่อให้แม่เท่าไหร่
คือเราก็คนนะก็วางแผนแล้วว่าจะให้ แต่นี่ปีกเราก็ไม่ได้กล้า ขาเราก็ไม่ได้แข็งขนาดนั้น แค่สอนพิเศษได้ ก็คือจะให้แบ่งให้พ่อกับแม่แล้ว แต่พอเราขอให้ช่วยกับบ่ายเบี่ยง มองว่าเราเป็นตัวปัญหา
ที่พูดไปก็รู้สึกผิดนะ แต่มันอึดอัดจริงๆ ไม่อยากเก็บมาคิดแล้ว
ขอบคุณที่รับฟังเรานะครับ
เบื่อบ้านมากกกก ไม่อยากอบู่แล้ว อยากออกไปอยู่ข้างนอก
ผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้านครับ เกิดมาตอนที่ บ้านของผมพอมีพอกินและ ก็เรียนมาเรื่อยๆ จนเข้าม.ปลาย สนใจศิลปะการแสดง อยากเรียนต่อ แต่คุณแม่ไม่ให้ ยื่นคำขาดว่าถ้าเรียนแม่ไม่ส่งตอนนั้นก็ดื้อ จะเรียนให้ได้ แจ่สุดท้ายชั่งใจ มามาเรียนสายวิทย์สุขภาพ เพราะคิดว่ามีงานที่รองรับครับ
โดยได้รับคำคอนเฟริมว่า พ่อกับแม่จะส่งเอง เราก็สะบายใจ
(ขอย้อนความไปนะครับ เราเคยทะเลาะกับแม่รุนแรงมาก ช่วงม.1 จนแม่ยื่นคำขาดว่าจะไม่ส่งเราเรียนแล้ว จบแค่ ม.3 ก็พอ แต่เราอยากเรียนมหาลัย
ตอนนั้นจำได้ว่านั่งอยู่หน้าเสาธง แล้วมีพี่คนนึงเขาได้ทุนเรียนฟรี 4 ปี เพราะเขาเป็นเด็กนาฏศิลป์ เราก็เลยหาทางเข้านาฏศิลป์ไป เพราะผมอยากได้ทุนนี้
ก็แม่ไม่ส่ง เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่าผมมีปมกับคำนี้นะ พอเข้าไป ความฝันที่จะอยากเป็หมอ ก็ค่อยๆ หายไป เพราะเรามาชอบการแสดงมากกว่า ไม่ได้อ่านหนังสือเลย วันๆ ไปหาที่เรียนการแสดงฟรี ตาม ศูนย์ทูบีนัมเบอร์วัน เพื่อที่จะ Entrance เข้าคณะทางด้านการแสดง และได้ทุนเรียนฟรี 4 ปี เหมือนพี่คนนั้น ตอนม.1 เข้าใจว่าเรียนคณะอะไรก็ได้ ถ้าทำกิจกรรม โรงเรียนได้ ทุนเรียนเลย 4 ปี แต่พอโตมาต้องเรียน นาฏศิลป์ไทยเท่านั้นถึงจะได้ แต่เราชอบนาฏศิลป์สากล)
ปล. ตอนม.3 เข้าม.4 ตัดสินใจไปเรียนสายอาชีพนะครับจะได้ทำงานไปเรียนไปได้ แต่อาจารย์นาฏศิลป์นี่แหละดึงไว้ เขาบอกถ้าไม่มีใครส่งครูส่งเอง เลยได้เรียนม.4 สายวิทย์ คณิต
ดั้วยเหตุที่ว่า เขาให้เรียนฟรี แต่นาฏศิลป์ไทย ทำให้ความอยากเรียนทางด้านการแสดงก็ลดลง และเมื่อฟังการเรียนจากรุ่นพี่ สังคมของรุ่นพี่เราก็ไม่อยากเรียน
เลยหันมาเข้าเรียนทางวิทย์สุขภาพ เพราะไปค่ายแล้วพี่ๆ น่ารัก สังคมน่าอยู่
เป็นไปตามคาดครับ สังคมดีจริง แต่เรียนหนักมาก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แล้วผลพวงที่ตามมาคือการรับสอนพิเศษ ผมสอบติดม.ชื่อดังทางด้านวิทย์สุขภาพอยู่แล้ว เลยเป็นใบเบิกทางในการหางานสอนพิเศษได้ไม่ยาก
ด้วยเด็กที่ไม่เคยมีอะไร โดนดูถูกว่าจนมาตลอด ผมเลยทำงานเก็บเงินครับ แต่ไม่ใช่เอาไปซื้อของสุรุ่ยสุร่ายนะครับ แต่ผมก็มีเงินเก็บเป็นหมื่นเหมือนกัน
แต่การเรียนในสายวิทย์ สุจภาพนี้ เราเรียนด้วยเงื่อนไขของแม่คือ ต้องกู้ กยศ และได้ค่าใช้จ่ายรายเดือน 4000 บาทต่อเดือน ไอ้เงินจำนวนเนี้ยเราก็ใช้พอนะ กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ ไปขนมาม่า ขนไข่มาหอ กินมาม่ากับไข่เป็นหลัก อาหารกลางวันก็กินข้าวราดแกงมันก็พอ แต่ช่วงสอบก็กินเยอะหน่อยเพราะอ่านหนังสือจำไม่ได้
ผมก็เหลือเก็บ นะเงิน 4000 ที่แม่ให้
ต่อมาทะเลาะกับแม่ เราไม่กู้และ ถ้าอยากให้เรียนก็ส่งเองละกันไม่ขวนขวายแบกหน้าไปขอลายเซนอาจารย์ให้รับรองเงินเดือนและ
พอเรียนมา ปีสูงขึ้น ใช้จ่ายมันก็เยอะขึ้น พอเราขอเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ค่ากิน (กินไม่พอเราก็ออกเอง)
กลับมีคำอืดออด ว่าไม่ช่วยบ้างหร่อ นี่หาจะตายอยู่แล้วนะ
คือเราก็เอาเงินที่เรามีไปใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นของเรา เช่น ipad ค่ากินที่บางเดือนมันไม่พอ ค่าชั้นปี ค่าเลี้ยงสายที่จัดเป็นทำเนียม (เราเข้าใจว่ามันคือ ภาษีสังคมอะนะเราก็ต้องออกไม่ได้ไปขอเขา )
โดยที่ไม่เคยขอเขาเลย แต่เขาเห็นเรามีเงินเก็บจะให้เราช่วยเรื่องค่าเทอม ค่าหอเพิ่มเติม
เรากลับมานั่งคิด ว่าถ้างี้เรียน นาฏศิลป์สากลดีกว่าไหม ส่งตัวเองเรียนไปเลย เรียนในสิ่งที่ชอบไปเลย
ปล. คือมันเรียนจนเหนื่อยมากแล้วอ่ะ ไม่มีเวลาทำอะไรเลย เรารู้สึกว่าคุณภาพชีวิตมันต่ำต่ะ เลยขอไปเรียนอย่างอื่นแทน มันเลยมีความคิดนี้ขึ้นมา
มันจะไม่รู้สึกน้อยใจเลยถ้าบ้านเรา กินแกลบ แต่นี่กินหรูอยู่สะบาย แต่ไม่มีเงินส่งเราเรียน เล่นหวยงวดละ 1000-2000 แต่ค่าเทอมเรา 10000 ไม่มีจ่าย
หวยงวดละ 1000-2000 ไม่ได้น้อยนะ พอขอก็บอกไม่มีรายได้ จะเอาอะไรหนักหนา ประเด็นคือจะเก็บเงินไว้เล่นหวย
เราเลยรู้สึกแย่ ที่แบบมองไปหาเพื่อนคนอื่นเขามีชีวิตดีจัง ipad บิดา มารดา ก็ซื้อให้แค่เอ่ยปากขอ เราต้องทำงานสอนพิเศษ หาเงินเรียน
ปล. ipad มันคุ้มกว่าจริงๆ นะ พอเพื่อนเริ่มมี ipad เยอะขึ้น เรื่องชีทเรียนเราต้องเป็นคนรับผิดชอบแล้วเพราะอาจารย์ไม่เตรียมชีทให้
ปริ้นทีก็ 30-40 ซื้อไปเลยได้ใช้สอนพิเศษด้วยเราว่ามันคุ้มกว่า
ฟังแล้วมันน้อยใจเราเลยพูดกับเขาไปเลยว่า ถ้าส่งเรามันลำบากมาก ก็ไปลาออกกับเราเลยไม่อยากเรียนแล้วเหมือนกันไม่อยากเป็นภาระใคร
ถ้าส่งเราไม่ได้ก็อย่ามาให้คำสัญญาว่าจะส่งเรา อย่ามาให้ความหวัง กับเรา ลาออกไปเลยจบๆ
เราจะได้มาทำงานสอนพิเศษเต็มตัว หาเงิน
แต่ใจจริงก็ไม่ได้อยากอกหรอก แต่อึดอัดมากจริงๆ เหมือนเราทำเพื่อตัวเรา ส่วนไหนที่เราออกไปแล้วเราก็ไม่ได้มาแหกปากบอกนะว่าอันนี้เราช่วย เขาก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เรารู้คือเรารู้สึกว่าเขาไม่อยากช่วย
เราเป็นลูกเขาจริงๆ ป่ะ
เลยแบบอยากออกมาอยู่คนเดียวเลย ทุกวันนี้ถามอยู่คำเดียวว่าจบมาให้พ่อให้แม่เท่าไหร่
คือเราก็คนนะก็วางแผนแล้วว่าจะให้ แต่นี่ปีกเราก็ไม่ได้กล้า ขาเราก็ไม่ได้แข็งขนาดนั้น แค่สอนพิเศษได้ ก็คือจะให้แบ่งให้พ่อกับแม่แล้ว แต่พอเราขอให้ช่วยกับบ่ายเบี่ยง มองว่าเราเป็นตัวปัญหา
ที่พูดไปก็รู้สึกผิดนะ แต่มันอึดอัดจริงๆ ไม่อยากเก็บมาคิดแล้ว
ขอบคุณที่รับฟังเรานะครับ