เรื่องมีอยู่ว่า ตลาดชื่อดังข้างบ้านผมได้ประกอบกิจการเสียงดัง มีผลการวัดเสียงเกินกว่า 5 ครั้ง ต่างวันต่างเวลา และโดย 2 หน่วยงานราชการ (โดยหนึ่งในนั้นเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญที่ถูกแต่งตั้งโดยศาลปกครองสงขลา) ผลออกมาเป็น เหตุเดือดร้อนรำคาญ สุดท้ายตลาดไม่ยอมปรับลดเสียงแถมยังท้าทายผมฟ้องศาลถึง 3 ครั้ง ว่าดูซิผมจะไหวมั้ย ผมจึงยื่นฟ้องศาลปกครองสงขลาไป คดีนี้ผ่านมาแล้ว 10 เดือน อยู่ระหว่างรอการพิพากษาโดยศาล

ต่อมา ผมพึ่งได้รับหมายศาลแขวงสงขลา ไต่สวนมูลฟ้อง บริษัท ..... โดยนาย xxx (ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งตลาด คนที่โดนผมยื่นฟ้องในศาลปกครองสงขลา) ผู้รับมอบอำนาจ จัดทำคำฟ้องด้วยตนเอง ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อผม ระบุชื่อ-สกุล เลขที่บัตรประชาชนชัดเจน (ได้ข้อมูลผมจากใบคำฟ้องศาลปกครองสงขลา) โดยขอดำเนินคดีในฐานทำให้เสียทรัพย์ และเรียกร้องค่าเสียหาย 60,000 บาท ไม่รวมค่าทนาย เนื่องจากผมได้ทำการเจาะทำลายกำแพงของตลาดและใส่ท่อน้ำทิ้ง PVC เพื่อระบายน้ำทิ้งลงสู่พื้นที่ตลาด (กำแพงนี้อยู่ชิดกำแพงบ้านผม ชิดๆเลย เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2563 ภายหลังผมยื่นฟ้องศาลปกครองสงขลา) ซึ่งผมไม่ได้กระทำดังที่เขากล่าวหาในคำฟ้อง และท่อน้ำทิ้งดังกล่าวไม่ได้มีส่วนใดที่เชื่อมต่อกับตัวบ้านผมเลย ผมสามารถปล่อยน้ำในบ้านทั้งหลังเพื่อพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีน้ำจากบ้านผมไหลผ่านท่อดังกล่าวเลยเพราะตัวบ้านผมเองก็มีท่อน้ำทิ้งที่ฝังในตัวบ้านอยู่แล้ว

ในหลักฐานคำฟ้องที่โจทย์ยื่นมา มีเพียงแค่รูปถ่ายกำแพงที่อยู่ชิดกำแพงบ้านผม และมีรูกำแพงปรากฏ คล้ายกับภาพที่ผมแนบมา เท่านั้นเลย

กรณีนี้ ผมควรเสียเงิน 30,000 บาท แต่งตั้งทนายเพื่อไปคัดค้านโจทย์ในวันที่ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง (วันที่ 12 ตุลาคม 2563) นี้ไหมครับ และหากศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ผมสามารถฟ้องกลับได้ไหมครับ ข้อหาอะไรก็ตาม เพราะเป็นการกลั่นแกล้งกันแล้วครับ ผมยังจับสว่านไม่เป็นเลย



ปล. แก้ไข เพิ่มรูปภาพ