คนเราพบกันเพราะวาสนา จากกันเพราะโชคชะตา กลับมาเพราะพรมลิขิต

นั่นแหละค่ะเรื่องมันเกิดมาตั้งแต่ปี2553 เราเริ่มรู้จักกันเมื่อ 10 ปีที่แล้วคือเราเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมด้วยกันตอนนั้นเราอยู่ ม. 1 แล้วเขาก็เป็นเด็กใหม่ที่พี่งย้ายเข้ามาเรียนม.1เหมือนกัน เราอยู่ห้องเดียวกันค่ะ แล้วก็เป็นเพื่อนกันด้วยตอนแรกเราไม่ได้สนใจหรือใส่ใจอะไรเขามากมายเพราะว่าเขาก็เป็นคนทั่วไปไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ เราก็เป็นคนทั่วไปต่างคนก็ต่างไม่สนใจกัน แต่วันหนึ่งเราก็เริ่มมองเห็นเขาและก็เริ่มสนใจเขาแต่แบบคนทั่วไปนะคือเขาชอบถูกรุ่นพี่กับเพื่อนแกล้งตลอดเราก็เริ่มมีความรู้สึกสงสารขึ้นมาที่เอะอะก็โดนแกล้งตลอดเลยเรา และอีกอย่างคือเขาเป็นเด็กติดเพื่อน ติดเล่น ติดเกมส์โดดเรียนเก่งมากกกกกกกก ด้วยความที่ช่วงนั้นเราเป็นหัวหน้าห้องมีหน้าที่เซ็คชื่อตอบคำถามครูว่าเพื่อนทำไมไม่มา ก็จะเห็นว่าลิสต์ชื่อนักเรียนที่ขาดโรงเรียนบ่อยสุดก็คือเขานั้นแหละ พอขึ้นม.2 เขาก็เกเรหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ทีนี้เขาเริ่มลามมาแกล้งเรา ร้องไห้ อีกเกเร แบบสุดๆ แถมเป็นคนที่แบดและห่วยมากกกกก แกล้งเราทุกวันแอบเอาอันนั้นอันนี้เราไปพูดให้เราเสียใจมาโดยตลอด จนขึ้นม.3 เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เราจะได้เจอกันเนื่องจากโรงเรียนเรามีแค่ม.3 เขาก็เริ่มเข้ามามีตัวตนในชีวิตเรามากขึ้นเราไม่เคยรู้เลยว่าเขาเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราตอนไหน ด้วยความที่เขาเป็นเด็กเกเร ไม่สนใจเรียนสักเท่าไร การบ้านไม่ทำ งานไม่ส่ง งานกลุ่มไม่ทำ รายงานไม่ทำรอจ่ายแต่ตังอย่างเดียว เรียกได้ว่างานทุกงานเราแบกหมด ตอนแรกเราก็รู้สึกสงสารสักพักมาเราก็ห่วงใย ว่าเขาจะจบพร้อมเรามั้ย สักพักมันก็กลายเป็นความรู้สึกดีๆแบบงงๆ เราเริ่มอยากเห็นหน้าเค้าทุกวัน แอบบมองเขาทุกครั้งที่มันมีโอกาสให้มอง อยู่ๆเขาก็มาทำให้เรากระวนกระวายใจ คิดถึงตลอดเวลา เราเริ่มมีความรู้สึกดีๆให้มากยิ่งขึ้นโดยที่เขาไม่เคยรับรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ สรุปแล้วรู้ตัวอีกทีคือเห้ย นี่แอบชอบเขาหรอวะ เราก็แบบว่าคอยเทคแคร์เขาอยู่ห่างๆโดยที่เขาก็ไม่รู้เพราะว่าเราไม่คิดจะบอกเลย แล้วเขาก็จำอะไรที่เกี่ยวกับเราไม่ได้มีแต่เราท่ีอบบจำเรื่องราวของเขาได้แทบทุกอย่างถึงกับไปจดใส่สมุดบันทึกไว้รหัสต่างๆของเราก็ตั้งเป็นวันเดือนปีเกิดเขา คือแแบบเออมันอารมณ์ป๊อบปี้เลิฟเลยอ่ะ จนวันเรียนจบเราก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันวันสุดท้ายวันนั้นที่เราเจอกันคือวันที่ 31 มีนาคม 2556 วันที่เราไปรับวุฒิ เราก็ถามเขาว่าเป็นไงบ้างเกรดวิทย์ดีป่ะ เขาก็บอกดีนะ แล้วก็ต่างคนต่างจากลากันโดยไม่พูดอะไรต่อ ..........................................................................................................................................................................
ต้องบอกได้เลยว่าเราอ่ะเฝ้าแต่คิดถึงเขาทุกวันฟังเพลงอะไรก็คิดถึงแต่เขา อย่างเช่นเพลงที่เราอยากจะ List ไว้ให้เขาฟังมันก็มีหลายเพลงมากเลย เราเคยโทรไปหาเขาครั้งหนึ่งตอนเราอยู่ม.4 ในวันเกิดของเขาบอกว่าแฮปปี้เบิร์ดเดย์นะ สบายดีมั้ย เขาก็ตอบว่าก็ดี จนป่านนั้นเขาก็ยังไม่รู้อีกว่าเรารู้สึกยังไงเราก็ไม่บอกเหมือนกันว่าเรารู้สึกยังไง เราก็เขียนบันทึก การ์ดอะไรต่างๆที่อยากให้เขาไว้ตลอดจนเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ ไปปี 2558 เราก็มีแฟนคนแรก มันก็ทำให้เราไม่รู้สึกคิดถึงเขาอีก แต่ก็มีนึกถึงอยู่บ้าง มันก็เป็นอย่างงี้ไปตลอดจนปี2560 เราก็เลิกกันกับแฟนคนแรกเราก็ยังมีกลับไปนึกถึงเขาอยู่บ้างว่าเอ๊ะนี่มันเป็นเวลาหลายปีมากเลยนะทำไมเราไม่เคยเห็นเขาเลย แม้แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันก็ไม่เคยได้ข่างคราวเค้า เราก็รู้สึกงงๆว่าเขายังมีชีวิตอยู่อีกหรือเปล่า แต่....................................................... เมื่อปี2563 เราก็บังเอิญเจอเขา แบบงงๆแบบเราไม่คิดอีกแล้วว่าจะเจอเขาอีก วันนั้นไม่รู้ว่าเขาจำเราได้มั้ยแต่เพื่อนเราจำเขาได้ เราก็เรียกเขาแล้วก็กวักมือให้เดินมานี่ เขาก็เดินมาแบบเคอะเขินคงจำเราไม่ได้มั้ง เขาเปลี่ยนไปจากเดิมมากกกกกกก แบบจำไม่ได้เลยอ่ะ  เราก็ถามเป็นไงบ้างไม่เจอตั้งนานหายไปอยู่ไหนมา และก็ขอไลน์เขาไว้ เย็นวันนั้นเขาก็ส่งสติ๊กเกอร์มา บอกเลยเราแบบรู้สึกตื่นเต้นแล้วเหมือนน้ำตาจะไหล เชื่อมั้ยว่าตอนนั้นเราก็ไม่บอกเขานะว่าเรารู้สึกอย่างไรกับเขาเราไม่เคยปริปากบอกสักคำได้แต่คิดว่าให้มันอยู่ในความทรงจำในครั้งนึงไป เราก็เริ่มกลับมาคุยถามสารทุกข์สุกดิบว่าที่ผ่านมาเป็นไงทำอะไรมา แล้วเราก็เริ่มคุยห่างๆหายๆ และความรู้สึกของเราก็คือว่าเออ ดีแล้วแหละที่เป็นอย่างนี้เราเป็นเพื่อนกันคือดีท่ี่สุด แต่มันก็มีตอนนึงท่ีเขาคุยดีกับเราจนเรารู้สึกแปลกใจมากกลัวว่าเห้ยนี่เขาจีบเราอยู่รึเปล่าวะด้วยความที่เราไม่อยากให้เขาจีบเราก็เมินเฉยไม่อ่านไม่ตอบ ไปซะ แต่และแล้ว ก็ถึงวันเกิดเขาอีกครั้งเราก็ไปอวยพรตามประสาเราแหละ เขาก็โทรมาหาเราเราก็เรืชิ่มมีบทสนทนากันมากขึ้น ผ่านไปเดือนนึงเราก็มีนัดเจอไปเท่ียวกันวันหยุดอะไรแบบนี้แต่เราก็ไม่ได้อยากไปนะแต่ว่าเราก็ปฏิเสธไม่ได้ เขาเริ่มคุยแบบแปลกๆ เอาใจจริงๆเราก็พอรู้แหละว่าเขาต้องจีบเราแน่เลย แต่เราก็ทำเป็นเฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จยวันนึงมันก็หนักขึ้นเราก็เลยแกล้งๆถามว่าเห้ยนี่จีบกูอยู่รึเปล่าวะ คือท่าทีแบบนี้แฟนเก่ากูก็เคยใช้มาก่อนกูสงสัยนะ ทำเป็นถามแบบทีเล่นทีจริง จนเขาก็ตอบมาแบบอึกอักว่าใช่ แต่ไม่กล้าบอกตรงๆเพราะว่ากลัวอยู่ดีๆเราก็หายไปเพราะเราเคยดักคอไว้ว่าถ้ารู้ว่าจีบจะหายไป(เหมือนสวยอ่ะ) เราก็เลยรวบรวมความกล้าท่ีเก็บไว้มา 8-9 ปี ว่าเราก็เคยชอบเขานะชอบมากๆ ตอนอยู่ม.ต้น แล้วก็เล่าเรื่องราวที่เขาจำไม่ได้ให้ฟังว่าเราคิดถึงเขามากแค่ไหน แต่ว่าตอนนี้เราไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว เขาก็รับฟังงและบอกว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรารู้สึกยังไง อาจเป็นเพราะว่าเขาโง่เกินไปเขาคิดว่าเราเป็นทอม เพราะบุคลิกเราตอนม.ต้นมันเหมือนทอมมากตัดผมรากไทร นิสัยห้าวๆ แตกต่างจากตอนนี้มากท่ีเป็นผู้หญิงมากกแต่งตัวเรียบร่อยแบบงงไปเลยว่าจะเป็นผู้หญิง  จากนั้นเขาก็เริ่มแสดงความรู้สึกมากขึ้นแบบโคตรตื๊อเลย เราก็คือเริ่มรำคาญ เขาก็ไม่ละเว้นความพยายาม เราคิดในในว่าตอนเราต้องการเขาเขาไปอยู่ไหนวะ แต่พอตอนนี้ไม่ต่องการจะกลับมาทำไม คนบางคนจะกลับมาทำไมในวันที่ใจไม่รู้สึกอะไรแล้ว เอาเป็นว่าเขายิ่งตามเราก็หนี เราพูดจาแรงๆใส่เขามากกว่าเดิมจนวันหนึ่งเขาก็หายไป เราก็คงคิดว่าเออน่าจะหายจริงละครั้งนี้แต่ว่าเหตุการ์ไม่เป็นแบบนั้นเขากลับมาอีก เขาบอกว่าเขาจะตื๊อเราไปแบบนี้จนกว่าวันหนึ่งคำตอบมันจะเปลี่ยนไป เราก็คือแบบเล่นตัวแบบสุดๆเล่นตัวมาประมาณ 8 เดือนได้ เราก็คุยกันทุกวันจนไม่ร็ว่าเรามีความรู้สึกดีๆกับเค้าอีกครั้งตอนไหน ซึ่งตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าจะตกลงคบกันดีไหม เราก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร แต่เราก็รู้สึกโชคดีนะที่ ที่ความรักของเราที่รอมา 8-9 ปีมันไม่ได้สูญเปล่าอย่างนั้น นี่แหละการกลับมาเจอกันแบบงงๆของเรา หรือว่ามันจะเป็นตามที่เขาบอกว่า "คนเราพบกันเพราะวาสนา จากกันเพราะโชคชะตา กลับบมาเพราะพรมลิขิต"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่