ในฐานะทั้งลูกจ้างและเจ้าของกิจการ เราไม่มีปัญหากับการที่พนักงานหญิงท้องแล้วลาคลอดพร้อมๆกัน 2-3 คนนะคะ วิธีแก้มีหลากหลาย คนเรามันท้อง 9 เดือนคลอด พอรู้ว่าลูกจ้างเราท้อง เราก็จัดเวลาจัดสรร manpower อาจจะเร่งปิดโปรเจคให้ได้ก่อนที่คนที่ดูอยู่คลอด ชะลอโปรเจคใหม่ กระจายงานออกไปฝากคนอื่นๆในทีม หรือกระทั่งรับพนักงาน contract มาเสริมระหว่างที่ลูกจ้างลาคลอด

ด้วยความเคารพ…ดิฉันก็ผู้หญิงเหมือนกันค่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การท้องแล้วลาคลอด ปัญหามักจะมาหลังจากกลับมาทำงานแล้วนั่นแหละ ผู้หญิงบางคนเอาแต่บทแม่ ทิ้งบทพนักงานไปเลย เข้างาน 9 โมงกว่า นั่งทำงานได้แปบนึงก็หายไปปั๊มนมซะครึ่งชั่วโมง กลับมานั่งทำงานได้อีกแปบก็พักเที่ยง กลับมากว่าจะเริ่มทำงานต่อได้ต้องวีดีโอคอลคุยกับลูกคุยกับยายก่อน หันมาเม้าท์เรื่องลูกให้เพื่อนร่วมงานฟัง อวดรูปลูก (ซึ่งบางทีเพื่อนก็เบื่อ) ทำงานต่อได้อีกแปบ…ไปปั๊มนมอีกแล้ว บางทีบ่ายๆมีงีบหลับด้วย บอกลูกตื่นกลางคืนเลยไม่ได้นอน แม่ลูกอ่อนเลิกงานแล้วกลับบ้านตรงเวลานี่ไม่มีใครว่าค่ะ ทุกคนเข้าใจ แต่ขอออกก่อน 1 ชม. บอกบ้านไกล เดี๋ยวรถติด คืออะไร? เมื่อเช้าก็มาสายนะ…มองบน! ให้งานอะไรไปงานก็ไม่ออก ต้องดึงมาให้คนอื่นทำแทน ลา 1 วันแทบจะทุกอาทิตย์ บอกว่าลูกป่วยต้องพาไปหาหมอบ้าง ยายป่วยไม่มีคนเลี้ยงลูกบ้าง ด้วยความเคารพอีกที…แบบนี้ควรลาออกไปเลี้ยงลูกเลยมั้ยคะ นี่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะให้ซองขาวเลยดีหรือว่าให้โอกาสดี? (ค่อนไปทางน่าจะต้องให้ออกค่ะ ลูกน้องเราคนอื่นเริ่มไม่พอใจแล้ว จะจ้างคนเพิ่มมาทำแทนส่วนของนาง ก็เท่ากับจ่ายเงินฟรีๆ 1 ตำแหน่งแหละ แต่ที่ยังลังเลเพราะเห็นใจ คิดว่าหยวนๆให้เด็กคนนึงได้โตมาแบบมีแม่ดูแลอบอุ่นงี้ แต่ก็กลัวว่าพนักงานคนอื่นจะเอาเยี่ยงอย่าง รีบท้องรีบคลอดแล้วทำงานชิวๆ เน้นเลี้ยงลูกบ้าง ขืนเจอแบบนี้เราตายคนแรกเลยนะคะ เจ๊ง)

ส่วนตัวแพลนไว้ ถ้ามีลูกจะเลี้ยงเองค่ะ Leave without pay ไปเลย แต่ถ้าไม่ได้ก็ลาออกจากงานบริษัทแหละ เราคงไม่สบายใจถ้ารับเงินเดือนแต่ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ