สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ตำนานผีชื่อดังของอินเดียเรื่องแรก
1.) คดีดังในอินเดีย "ผีตัดผม"
การตัดผม กระตุ้นความกลัว'ผี' ในอินเดีย
ตำรวจอินเดียเปิดการสอบสวนกรณีการโจมตีผู้หญิงที่
แปลกประหลาดที่สุดในศตวรรษ หลังจากเหยื่อหลาย
สิบคนตื่นขึ้นมาพบว่าพวกเธอถูกตัดผม
เหยื่อบางคนเชื่อว่ามีสิ่งเหนือธรรมชาติแอบเข้าไปในบ้านของพวกเขา
ตำรวจเรียกร้องให้ประชาชนอย่าแพร่กระจาย
ข่าวลือเกี่ยวกับผีหรือแม่มดตัดผม เจ้าหน้าที่
กล่าวว่าหลังจากมีผู้หญิงอย่างน้อย 55 คน
รายงานว่ามีคนทำร้ายพวกเธอขณะที่พวกเธอหลับหรือหมดสติ
ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักจะพบว่าผมพวกเธอจะถูกตัดไว้
ข้างๆเมื่อตื่นขึ้นมาบนเตียง ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า
ผมเปียของเธอถูกตัดออกโดย "แมวดำ"
ที่มีรูปร่างเหมือนผู้ชายตามรายงานของ Hindustan Times
คนอื่น ๆ รายงานว่าผู้โจมตีเป็นชายสูงอายุในขณะที่ยัง
มีผู้กล่าวว่า "หมอแม่มด" อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
ไม่มีเหยื่อรายใดถูกปล้นหรือได้รับอันตรายจากการ
โจมตีซึ่งมีรายงานครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อน
อย่างไรก็ตามสตรีวัย 65 ปีคนหนึ่งถูกกลุ่มคนใน
เมืองอัคราซึ่งเป็นที่ตั้งของทัชมาฮาลทำร้ายจนเสียชีวิต
หลังจากชาวบ้านกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่มดและใช้
คาถาในการตัดผม เหตุการณ์แปลกประหลาด
ยังคงดำเนินต่อไปหลังจากการเสียชีวิตของเธอ
ผู้ปกครองในบางพื้นที่ของรัฐให้บุตรหลานอยู่ในบ้านหลังเลิกเรียน
รายงานส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ชนบททางตอนเหนือ
ของรัฐอุตตรประเทศ พรมแดนทางตะวันตกของ
รัฐผ่านชานเมืองนอกเมืองหลวงนิวเดลีของอินเดีย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ "ได้รับการร้องเรียนจากผู้หญิงเกี่ยว
กับผีนิรนามตัวนี้" เกือบทุกวันตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
มนิช ราเกศ กล่าว กับสำนักข่าวเอเอฟพี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เตือนภาวะการเลียนแบบ
อย่าคุ้มคลั่งโรคฮิสทีเรีย
"จากหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดดูเหมือนว่าผู้หญิงจะตัดผมของตัวเองโดย
ไม่รู้ตัวหรือมีการเปลี่ยนแปลง [สภาพจิตใจ] ซึ่งน่าจะมาจากต้องการเรียกร้องความสนใจ"
ดร. สุธี กัณดาวาล Sudhir Khandelwal
อดีตหัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ของ
All India Institute สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (AIIMS) กล่าว
“ เมื่อปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก็มีความกลัวคนอื่น ๆ
จึงเริ่มลอกเลียนแบบเหตุการณ์เดิม” เขากล่าวกับ Hindustan Times
แผงผมเปีย" ล่าสุดปลุกความทรงจำเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่คล้ายกันในปี 2544
เมื่อผู้คนหลายสิบคนในพื้นที่เดลีเริ่มรายงานการโจมตีโดยลิงดำมหึมาหรือ
"มนุษย์ลิง" เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวเมืองเดลี
ต้องวางกับดักและเวรยามข้ามคืน ในขณะที่เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายอย่างสมบูรณ์
ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญสรุปเหตุการณ์นี้ว่ามันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์โรคฮิสทีเรีย
2.) ตำนานผีฆาตรกรรมต่อเนื่องของเมืองมุซซัวรี่
ในราวยุควิคตอเรียสมัยอาณานิคมอังกฤษ
เมืองมุซซัวรี่ได้รับกิตติศัพท์จากบรรดานาย
ทหารชาวอังกฤษว่า ราชินีแห่งหุบเขา
แม้ว่าหุบเขาที่อื่นๆเช่นใน ชิมลา และ ดาจีริ้ง
จะขึ้นชื่อเรื่องความเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากกว่าก็ตาม
แต่ มุซซัวรี่ก็ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นตะวันตกกว่า
เมืองอื่น เพราะมีโรงละคร ร้านเหล้าเบียร์ ต่างๆ
ที่ดึงดูดใจชนชาวอินเดียระดับราชวงค์
เช่นพวกเจ้าชายและสุรต่าน นาวาป
ให้มาเริงรมย์กันที่เมืองนี้
และในปีต่อๆมาจ้าวนายชาวอังกฤษ
ได้เปิดโรงเรียนฝรั่งขึ้นที่เมืองนี้และตาม
ด้วยโรงแรมสไตน์ยุโรประดับหรู
ชื่อโรงแรม ซาวอยด์ โฮเทล
และแล้วเรื่องราวลี้ลับสยองขวัญก็ได้บังเกิดขึ้น
เมื่อ เลดี้สาวชาวอังกฤษ นามว่า การ์เน็ต ออม
ได้ถูกวางยาพิษ และเสียชีวิตในโรงแรม
ในประเทศอินเดียแห่งนี้ ข่าวการตายของ
นางดังและเป็นปริศนาจนแม้กระทั้ง
นักเขียนนวนิยายแนวสืบสวน
เช่น อะกาธ่า คริสตี้ ได้นำไปเขียนเรื่อง
ในตอน "รูปแบบของปริศนาแห่งความรัก"
ในขณะที่เพื่อนชาวอังกฤษของ
นักเขียนชื่อดัง เซอร์ อาเธอร์ โคแนน ดอยล์
ผู้แต่งนิยาย เชอร์ล็อค โฮมส์ก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้
เซอร์ อาเธอร์ เอาไปแต่งในตอนหนึ่งของเรื่อง
เชอล็อคโฮมส์
หลังจากนั้นบรรดาแขกที่มาพักต่างเจอ
ประสบการณ์ผี ของ เลดี้ ออม หลอกหลอนไปทั่ว
ไม่ว่าจะกลิ่นน้ำหอมของนางที่บริเณทางเดินหน้าห้องพัก
ตลอดจนเสียงฝีเท้าของเธอเดินเหยียบบนใบไม้แห้งๆ
แต่นั้นก็ไม่ใช่การสิ้นสุดของเรื่องราวอาถรรพ์ในเมืองนี้
เพราะในเวลาต่อมา หลายปี ก็มีนักท่องเที่ยวฮิปปี้
สาวชาวยุโรปโดนฆ่าตายในโรงแรมนี้อีกเช่นกัน
และตามมาด้วยคนอื่นๆอีกมากมาย
บรรดาชาวบ้านท้องถิ่นต่างเชื่อว่าที่บริเวณนั้นอาถรรพ์
และเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคนฮินดูในสมัยโบราณ
ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนมากมายโดนผีเอาตัวไป
สถานที่สุดเฮี้ยนในอินเดีย
1.)เมืองพานกาห์
เมืองเล็ก ๆ ในรัฐราชสถานห่างจาก เมืองสีชมพู
Jaipur 80 กม. นักท่องเที่ยวจะรู้สึกหลอนๆแปลก ๆ
และได้ยินเสียงแผ่วเบาของสงครามอันน่าขนลุกและ
เสียงของกำไลข้อเท้าของนางรำ
ที่ล่องลอยมาเบาๆ สถานที่แห่งนี้ได้รับการยอมรับในสิบอันดับแรกของสถานที่ผีสิงในโลก
พานกาห์นั้นสร้างขึ้น
มาในปี 1612 โดย พระเจ้า มาโฑ สิงค์
เจ้าชายจากราชวงค์โมกุล
พานกาห์ มีปราการปราสาท
โบราณตั้งอยู่ใน มณฑล
อัลวาร์ ในรัฐ ราชสถาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้
ของอินเดีย ซึ่งจากตัวเมืองมาที่ปราการ
แห่งนี้ด้วยระยะทาง 80 ก.ม
ที่สำคัญที่นี้เรื่องชือว่าผีดุที่สุดใน
เขตอินเดียตะวันตก, ในเวลากลางคืน
ไม่มีใครกล้าย่างกายเข้าใกล้ซากปราการ
โบราณแห่งนี้เพราะกล่าวกันว่าเฮี้ยน
มีตำนานมากมายที่เล่าว่าบริเวณที่แห่งนี้ต้องคำสาป
และแม้แต่รัฐบาลอินเดียเองก็ยังเชื่อเช่นนี้จนแม้แต่กระทั้ง
มีป้ายเตือนของรัฐบาล ห้ามผู้คนไม่ให้เข้าไปบริเวณ พื้นที่แห่งนี้หลังพระอาทิตย์ตกดิน
วิหารส่วนใหญ่ในพานกาห์จะเป็นวิหารของเทพหนุมาน
ตามตำนานเล่าว่า เจ้าหญิง รัตนาวดี วัย 18 ปีไม่สามารถ
หาคู่ครองในเขตพานกาห์ได้จึงขอแต่งงานกับ
เจ้าชายจากรัฐอื่น
แต่ในเขตมณฑลนี้เองที่มีหมอผีผู้หนึ่ง
นามว่า สิงค์ฆะ แอบตกหลุมรักในความงาม
ของเจ้าหญิงรัตนาวดีเข้าในระหว่างที่เห็นนางในตลาด
กระทั้งวันหนึ่งเขาพบนางต้นห้องของเจ้าหญิงเดิน
ไปซื้อเครื่องหอมในตลาดให้เจ้าหญิง สิงค์ฆะ
จึงแอบนำยาเสน่ห์ใส่ลงไปในขวดน้ำหอม
ที่หญิงรับใช้ของเจ้าหญิงซื้อ
แต่เจ้าหญิงทรงแอบเห็นผ่านทางหน้าต่างห้อง
นอนของงนางว่าสิงฆะได้ผสมยาเสน่ห์เพื่อจะ
ให้นางตกหลุมรักจนสติหลุดและเดินตามไปเป็น
เมียของเขาที่บ้าน ครั้นเมื่อได้ขวดน้ำหอมนั้นมา
เจ้าหญิงรัตนาวดีจึงทรงเขวี่ยงขวดนั้นใส่ก้อนหิน
ด้านล่างใกล้ๆกับที่ที่(ตัณฑริก หมอผี) ยืนอยู่
ครั้นเมื่อน้ำมันหอมที่เจือปนเวทมนตร์แตะเนื้อหิน
หินนั้นก็ได้เคลื่อนและกลิ้งไปทับ สิงฆะ
พ่อมดหนุ่มผู้ทำเสน่ห์ใส่น้ำหอมของเจ้าหญิง
ทำให้พ่อมดสิงฆะบาทเจ็บจนถึงความตาย
ก่อนตายเขาได้สาปแช่งทุกคนในปราสาท
ของเจ้าหญิงว่าให้ตายโหงกันให้หมดและอย่า
ได้ผุดได้เกิดและเป็นผีเฝ้าปราสาทไป
ปรากฏว่าในปีต่อมาได้เกิดสงครามระหว่าง
พานกาห์ และ อชัพกาห์ ไม่มีใครในปราสาท
รอดชีวิต ไม่เว้นแต่เจ้าหญิง รัตนาวดี
ด้วยเหตุนี้เองเมืองนี้จึงเป็นเมืองร้างแล
มีผีสิงสถิตย์มากมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หากใครเซิร์ชภาพในอินเตอร์เน็ตจะพบ
ว่ามีนักท่องเที่ยวมากมายที่สามารถถ้ายติดภาพผีของ พานกาห์
ชาวบ้านแถวนั้นกล่าวว่าไม่ว่าใครก็ตาม
ไปสร้างบ้านในบริเวณที่ของปราสาท
เพดานบ้านก็มีอันต้องพังทลายลงมาทุกครั้ง
ทุกวันนี้สถานที่นี้คือสถานทีเฮี้ยนอันดับหนึ่งในอินเดียที่ทุกคนซึ่งไม่เคยเห็นผีและอยากเห็นสามารถเจอผีหลอกจนเสียสติหรือถึงแก่ความตายได้หากเข้าไปในพานกาห์ตอนกลางคืน จนแม้แต่รัฐบาลต้องติดป้ายห้ามเข้าในยามวิกาลเพราะจากอดีตที่ผ่านมาคนที่เข้าไปบริเวณนี้ในตอนกลางคืนล้วนเสียชีวิตอย่างลึกลับทุกคน
2.) Tumbbad เมืองแห่งตำนานหลอน
ทูมบาดด์ ด้วยชื่อก็ฟังดูหลอนด้วยคำว่า Tumb ที่ฟังคล้าย
Tomb ที่แปลว่าสุสานในภาษาอังกฤษ
เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชักบดีใน รัตนะนาครี ในรัฐมหาราษฏระ
หมู่บ้านอยู่ห่างจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Koya ประมาณ 100 กิโลเมตร
หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงในเรื่องจระเข้
แต่ที่นี้มีตำนานปีศาจลึกลับระดับจักรวาลที่แม้แต่บอลลิวู้ดนำไปดัดแปลง
ทำเป็นภาพยนต์แนว horror fantasy ที่ได้รับการยอมรับที่สุดในประวัติศาสตร์
หนังอินเดียและในตะวันตกซึ่งตามอ่านได้ในกระทู้แยกเฉพาะนี้
https://ppantip.com/topic/39084308
ด้วยอาถรรพ์จากเทพอสูรที่ถูกอัปเปรหิออกจากคำภีร์พระเวทย์
ซึ่งถูกจองจำอยู่ในครรภ์ของเทวีผู้สร้างจักรวาลซึ่งเชื่อว่าเป็นถ้ำมีทาง
ลงอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของทูมบัดและความสยองของเทพอสูร
นี้แน่นอนว่าขั้นเทพกว่าผีธรรมดาๆที่ว่าหลอนแน่นอน
เมืองนี้มีอะไรที่น่าแปลกด้วยคำสาปทำให้ท้องฟ้าครึ้มแทบตลอด
เวลาและมีฝนตกบ่อยแทบจะตลอดจนน้ำท่วมที่เชือว่ามาจากอาถรรพ์
3.)ราโมจี เมืองภาพยนตร์ กรุงไฮเดอราบัด
อีกแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยน
ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของผีทหาร
เพราะสร้างอยู่บริเวณพื้นที่ทำสงคราม
กับอีกแห่งที่น่าสนใจคือ สนามบิน ราจีบ
คานธี กรุงไฮเดอราบัด ซึ่งเชื่อกันว่ามีผีสิงค์อยู่
เพราะช่วงก่อสร้างสนามบินได้มีคนถูกฆ่าตาย
และที่ป้อม ปราการทชานนิวารวดา
ซึ่งตำนานเล่าว่าได้มีเจ้าชายในราชวงค์
Peshwar เปชวาร์ถูกสังหารโดยพระญาติของพระองค์
หลังจากนั้นในยามกลางคืนถ้าใครผ่านไปบริเวณ
นั้นก็จะได้ยินเสียพระองค์ร้องโหยหวนแบบตอน
ที่กำลังจะถูกคนร้ายรอบสังหาร
4.) โรงแรม ราชกิรัญ โฮเทล
โรงแรมแห่งนี้ตังอยู่ใน โลนาวาล่า เมือง มุมไบ
เป็นโรงแรมที่ทำจากตึกทรงโบราณ
ห้องที่ว่านี้อยู่ชั้นพื้นดิน ไม่ไกลจากบริเวณ
ประชาสัมพันธ์ของ โรงแรม
กล่าวกันว่าห้องห้องหนึ่งในโรงแรมถึงกับต้องถูก
ปิดตายอย่างถาวรณ์เพราะแขกที่มาพักต่างเจอ
ประสบการณ์หลอนที่ถึงกับทำให้บางคนต้องไป
รับการบำบัดทางจิตเลยทีเดียว
แขกที่มาพักบางคนเล่าว่าเห็นดวงไฟสีฟ้า
ในความมืดที่ปลายเตียงในตอนที่เขาตื่น
ขึ้นมากลางดึกเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ
บางคนก็โดนดึงผ้าห้มออกทั้งคืน
1.) คดีดังในอินเดีย "ผีตัดผม"
การตัดผม กระตุ้นความกลัว'ผี' ในอินเดีย
ตำรวจอินเดียเปิดการสอบสวนกรณีการโจมตีผู้หญิงที่
แปลกประหลาดที่สุดในศตวรรษ หลังจากเหยื่อหลาย
สิบคนตื่นขึ้นมาพบว่าพวกเธอถูกตัดผม
เหยื่อบางคนเชื่อว่ามีสิ่งเหนือธรรมชาติแอบเข้าไปในบ้านของพวกเขา
ตำรวจเรียกร้องให้ประชาชนอย่าแพร่กระจาย
ข่าวลือเกี่ยวกับผีหรือแม่มดตัดผม เจ้าหน้าที่
กล่าวว่าหลังจากมีผู้หญิงอย่างน้อย 55 คน
รายงานว่ามีคนทำร้ายพวกเธอขณะที่พวกเธอหลับหรือหมดสติ
ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักจะพบว่าผมพวกเธอจะถูกตัดไว้
ข้างๆเมื่อตื่นขึ้นมาบนเตียง ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า
ผมเปียของเธอถูกตัดออกโดย "แมวดำ"
ที่มีรูปร่างเหมือนผู้ชายตามรายงานของ Hindustan Times
คนอื่น ๆ รายงานว่าผู้โจมตีเป็นชายสูงอายุในขณะที่ยัง
มีผู้กล่าวว่า "หมอแม่มด" อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
ไม่มีเหยื่อรายใดถูกปล้นหรือได้รับอันตรายจากการ
โจมตีซึ่งมีรายงานครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อน
อย่างไรก็ตามสตรีวัย 65 ปีคนหนึ่งถูกกลุ่มคนใน
เมืองอัคราซึ่งเป็นที่ตั้งของทัชมาฮาลทำร้ายจนเสียชีวิต
หลังจากชาวบ้านกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่มดและใช้
คาถาในการตัดผม เหตุการณ์แปลกประหลาด
ยังคงดำเนินต่อไปหลังจากการเสียชีวิตของเธอ
ผู้ปกครองในบางพื้นที่ของรัฐให้บุตรหลานอยู่ในบ้านหลังเลิกเรียน
รายงานส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ชนบททางตอนเหนือ
ของรัฐอุตตรประเทศ พรมแดนทางตะวันตกของ
รัฐผ่านชานเมืองนอกเมืองหลวงนิวเดลีของอินเดีย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ "ได้รับการร้องเรียนจากผู้หญิงเกี่ยว
กับผีนิรนามตัวนี้" เกือบทุกวันตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
มนิช ราเกศ กล่าว กับสำนักข่าวเอเอฟพี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เตือนภาวะการเลียนแบบ
อย่าคุ้มคลั่งโรคฮิสทีเรีย
"จากหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดดูเหมือนว่าผู้หญิงจะตัดผมของตัวเองโดย
ไม่รู้ตัวหรือมีการเปลี่ยนแปลง [สภาพจิตใจ] ซึ่งน่าจะมาจากต้องการเรียกร้องความสนใจ"
ดร. สุธี กัณดาวาล Sudhir Khandelwal
อดีตหัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ของ
All India Institute สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (AIIMS) กล่าว
“ เมื่อปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก็มีความกลัวคนอื่น ๆ
จึงเริ่มลอกเลียนแบบเหตุการณ์เดิม” เขากล่าวกับ Hindustan Times
แผงผมเปีย" ล่าสุดปลุกความทรงจำเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่คล้ายกันในปี 2544
เมื่อผู้คนหลายสิบคนในพื้นที่เดลีเริ่มรายงานการโจมตีโดยลิงดำมหึมาหรือ
"มนุษย์ลิง" เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวเมืองเดลี
ต้องวางกับดักและเวรยามข้ามคืน ในขณะที่เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายอย่างสมบูรณ์
ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญสรุปเหตุการณ์นี้ว่ามันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์โรคฮิสทีเรีย
2.) ตำนานผีฆาตรกรรมต่อเนื่องของเมืองมุซซัวรี่
ในราวยุควิคตอเรียสมัยอาณานิคมอังกฤษ
เมืองมุซซัวรี่ได้รับกิตติศัพท์จากบรรดานาย
ทหารชาวอังกฤษว่า ราชินีแห่งหุบเขา
แม้ว่าหุบเขาที่อื่นๆเช่นใน ชิมลา และ ดาจีริ้ง
จะขึ้นชื่อเรื่องความเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากกว่าก็ตาม
แต่ มุซซัวรี่ก็ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นตะวันตกกว่า
เมืองอื่น เพราะมีโรงละคร ร้านเหล้าเบียร์ ต่างๆ
ที่ดึงดูดใจชนชาวอินเดียระดับราชวงค์
เช่นพวกเจ้าชายและสุรต่าน นาวาป
ให้มาเริงรมย์กันที่เมืองนี้
และในปีต่อๆมาจ้าวนายชาวอังกฤษ
ได้เปิดโรงเรียนฝรั่งขึ้นที่เมืองนี้และตาม
ด้วยโรงแรมสไตน์ยุโรประดับหรู
ชื่อโรงแรม ซาวอยด์ โฮเทล
และแล้วเรื่องราวลี้ลับสยองขวัญก็ได้บังเกิดขึ้น
เมื่อ เลดี้สาวชาวอังกฤษ นามว่า การ์เน็ต ออม
ได้ถูกวางยาพิษ และเสียชีวิตในโรงแรม
ในประเทศอินเดียแห่งนี้ ข่าวการตายของ
นางดังและเป็นปริศนาจนแม้กระทั้ง
นักเขียนนวนิยายแนวสืบสวน
เช่น อะกาธ่า คริสตี้ ได้นำไปเขียนเรื่อง
ในตอน "รูปแบบของปริศนาแห่งความรัก"
ในขณะที่เพื่อนชาวอังกฤษของ
นักเขียนชื่อดัง เซอร์ อาเธอร์ โคแนน ดอยล์
ผู้แต่งนิยาย เชอร์ล็อค โฮมส์ก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้
เซอร์ อาเธอร์ เอาไปแต่งในตอนหนึ่งของเรื่อง
เชอล็อคโฮมส์
หลังจากนั้นบรรดาแขกที่มาพักต่างเจอ
ประสบการณ์ผี ของ เลดี้ ออม หลอกหลอนไปทั่ว
ไม่ว่าจะกลิ่นน้ำหอมของนางที่บริเณทางเดินหน้าห้องพัก
ตลอดจนเสียงฝีเท้าของเธอเดินเหยียบบนใบไม้แห้งๆ
แต่นั้นก็ไม่ใช่การสิ้นสุดของเรื่องราวอาถรรพ์ในเมืองนี้
เพราะในเวลาต่อมา หลายปี ก็มีนักท่องเที่ยวฮิปปี้
สาวชาวยุโรปโดนฆ่าตายในโรงแรมนี้อีกเช่นกัน
และตามมาด้วยคนอื่นๆอีกมากมาย
บรรดาชาวบ้านท้องถิ่นต่างเชื่อว่าที่บริเวณนั้นอาถรรพ์
และเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคนฮินดูในสมัยโบราณ
ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนมากมายโดนผีเอาตัวไป
สถานที่สุดเฮี้ยนในอินเดีย
1.)เมืองพานกาห์
เมืองเล็ก ๆ ในรัฐราชสถานห่างจาก เมืองสีชมพู
Jaipur 80 กม. นักท่องเที่ยวจะรู้สึกหลอนๆแปลก ๆ
และได้ยินเสียงแผ่วเบาของสงครามอันน่าขนลุกและ
เสียงของกำไลข้อเท้าของนางรำ
ที่ล่องลอยมาเบาๆ สถานที่แห่งนี้ได้รับการยอมรับในสิบอันดับแรกของสถานที่ผีสิงในโลก
พานกาห์นั้นสร้างขึ้น
มาในปี 1612 โดย พระเจ้า มาโฑ สิงค์
เจ้าชายจากราชวงค์โมกุล
พานกาห์ มีปราการปราสาท
โบราณตั้งอยู่ใน มณฑล
อัลวาร์ ในรัฐ ราชสถาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้
ของอินเดีย ซึ่งจากตัวเมืองมาที่ปราการ
แห่งนี้ด้วยระยะทาง 80 ก.ม
ที่สำคัญที่นี้เรื่องชือว่าผีดุที่สุดใน
เขตอินเดียตะวันตก, ในเวลากลางคืน
ไม่มีใครกล้าย่างกายเข้าใกล้ซากปราการ
โบราณแห่งนี้เพราะกล่าวกันว่าเฮี้ยน
มีตำนานมากมายที่เล่าว่าบริเวณที่แห่งนี้ต้องคำสาป
และแม้แต่รัฐบาลอินเดียเองก็ยังเชื่อเช่นนี้จนแม้แต่กระทั้ง
มีป้ายเตือนของรัฐบาล ห้ามผู้คนไม่ให้เข้าไปบริเวณ พื้นที่แห่งนี้หลังพระอาทิตย์ตกดิน
วิหารส่วนใหญ่ในพานกาห์จะเป็นวิหารของเทพหนุมาน
ตามตำนานเล่าว่า เจ้าหญิง รัตนาวดี วัย 18 ปีไม่สามารถ
หาคู่ครองในเขตพานกาห์ได้จึงขอแต่งงานกับ
เจ้าชายจากรัฐอื่น
แต่ในเขตมณฑลนี้เองที่มีหมอผีผู้หนึ่ง
นามว่า สิงค์ฆะ แอบตกหลุมรักในความงาม
ของเจ้าหญิงรัตนาวดีเข้าในระหว่างที่เห็นนางในตลาด
กระทั้งวันหนึ่งเขาพบนางต้นห้องของเจ้าหญิงเดิน
ไปซื้อเครื่องหอมในตลาดให้เจ้าหญิง สิงค์ฆะ
จึงแอบนำยาเสน่ห์ใส่ลงไปในขวดน้ำหอม
ที่หญิงรับใช้ของเจ้าหญิงซื้อ
แต่เจ้าหญิงทรงแอบเห็นผ่านทางหน้าต่างห้อง
นอนของงนางว่าสิงฆะได้ผสมยาเสน่ห์เพื่อจะ
ให้นางตกหลุมรักจนสติหลุดและเดินตามไปเป็น
เมียของเขาที่บ้าน ครั้นเมื่อได้ขวดน้ำหอมนั้นมา
เจ้าหญิงรัตนาวดีจึงทรงเขวี่ยงขวดนั้นใส่ก้อนหิน
ด้านล่างใกล้ๆกับที่ที่(ตัณฑริก หมอผี) ยืนอยู่
ครั้นเมื่อน้ำมันหอมที่เจือปนเวทมนตร์แตะเนื้อหิน
หินนั้นก็ได้เคลื่อนและกลิ้งไปทับ สิงฆะ
พ่อมดหนุ่มผู้ทำเสน่ห์ใส่น้ำหอมของเจ้าหญิง
ทำให้พ่อมดสิงฆะบาทเจ็บจนถึงความตาย
ก่อนตายเขาได้สาปแช่งทุกคนในปราสาท
ของเจ้าหญิงว่าให้ตายโหงกันให้หมดและอย่า
ได้ผุดได้เกิดและเป็นผีเฝ้าปราสาทไป
ปรากฏว่าในปีต่อมาได้เกิดสงครามระหว่าง
พานกาห์ และ อชัพกาห์ ไม่มีใครในปราสาท
รอดชีวิต ไม่เว้นแต่เจ้าหญิง รัตนาวดี
ด้วยเหตุนี้เองเมืองนี้จึงเป็นเมืองร้างแล
มีผีสิงสถิตย์มากมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หากใครเซิร์ชภาพในอินเตอร์เน็ตจะพบ
ว่ามีนักท่องเที่ยวมากมายที่สามารถถ้ายติดภาพผีของ พานกาห์
ชาวบ้านแถวนั้นกล่าวว่าไม่ว่าใครก็ตาม
ไปสร้างบ้านในบริเวณที่ของปราสาท
เพดานบ้านก็มีอันต้องพังทลายลงมาทุกครั้ง
ทุกวันนี้สถานที่นี้คือสถานทีเฮี้ยนอันดับหนึ่งในอินเดียที่ทุกคนซึ่งไม่เคยเห็นผีและอยากเห็นสามารถเจอผีหลอกจนเสียสติหรือถึงแก่ความตายได้หากเข้าไปในพานกาห์ตอนกลางคืน จนแม้แต่รัฐบาลต้องติดป้ายห้ามเข้าในยามวิกาลเพราะจากอดีตที่ผ่านมาคนที่เข้าไปบริเวณนี้ในตอนกลางคืนล้วนเสียชีวิตอย่างลึกลับทุกคน
2.) Tumbbad เมืองแห่งตำนานหลอน
ทูมบาดด์ ด้วยชื่อก็ฟังดูหลอนด้วยคำว่า Tumb ที่ฟังคล้าย
Tomb ที่แปลว่าสุสานในภาษาอังกฤษ
เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชักบดีใน รัตนะนาครี ในรัฐมหาราษฏระ
หมู่บ้านอยู่ห่างจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Koya ประมาณ 100 กิโลเมตร
หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงในเรื่องจระเข้
แต่ที่นี้มีตำนานปีศาจลึกลับระดับจักรวาลที่แม้แต่บอลลิวู้ดนำไปดัดแปลง
ทำเป็นภาพยนต์แนว horror fantasy ที่ได้รับการยอมรับที่สุดในประวัติศาสตร์
หนังอินเดียและในตะวันตกซึ่งตามอ่านได้ในกระทู้แยกเฉพาะนี้
https://ppantip.com/topic/39084308
ด้วยอาถรรพ์จากเทพอสูรที่ถูกอัปเปรหิออกจากคำภีร์พระเวทย์
ซึ่งถูกจองจำอยู่ในครรภ์ของเทวีผู้สร้างจักรวาลซึ่งเชื่อว่าเป็นถ้ำมีทาง
ลงอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของทูมบัดและความสยองของเทพอสูร
นี้แน่นอนว่าขั้นเทพกว่าผีธรรมดาๆที่ว่าหลอนแน่นอน
เมืองนี้มีอะไรที่น่าแปลกด้วยคำสาปทำให้ท้องฟ้าครึ้มแทบตลอด
เวลาและมีฝนตกบ่อยแทบจะตลอดจนน้ำท่วมที่เชือว่ามาจากอาถรรพ์
3.)ราโมจี เมืองภาพยนตร์ กรุงไฮเดอราบัด
อีกแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยน
ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของผีทหาร
เพราะสร้างอยู่บริเวณพื้นที่ทำสงคราม
กับอีกแห่งที่น่าสนใจคือ สนามบิน ราจีบ
คานธี กรุงไฮเดอราบัด ซึ่งเชื่อกันว่ามีผีสิงค์อยู่
เพราะช่วงก่อสร้างสนามบินได้มีคนถูกฆ่าตาย
และที่ป้อม ปราการทชานนิวารวดา
ซึ่งตำนานเล่าว่าได้มีเจ้าชายในราชวงค์
Peshwar เปชวาร์ถูกสังหารโดยพระญาติของพระองค์
หลังจากนั้นในยามกลางคืนถ้าใครผ่านไปบริเวณ
นั้นก็จะได้ยินเสียพระองค์ร้องโหยหวนแบบตอน
ที่กำลังจะถูกคนร้ายรอบสังหาร
4.) โรงแรม ราชกิรัญ โฮเทล
โรงแรมแห่งนี้ตังอยู่ใน โลนาวาล่า เมือง มุมไบ
เป็นโรงแรมที่ทำจากตึกทรงโบราณ
ห้องที่ว่านี้อยู่ชั้นพื้นดิน ไม่ไกลจากบริเวณ
ประชาสัมพันธ์ของ โรงแรม
กล่าวกันว่าห้องห้องหนึ่งในโรงแรมถึงกับต้องถูก
ปิดตายอย่างถาวรณ์เพราะแขกที่มาพักต่างเจอ
ประสบการณ์หลอนที่ถึงกับทำให้บางคนต้องไป
รับการบำบัดทางจิตเลยทีเดียว
แขกที่มาพักบางคนเล่าว่าเห็นดวงไฟสีฟ้า
ในความมืดที่ปลายเตียงในตอนที่เขาตื่น
ขึ้นมากลางดึกเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ
บางคนก็โดนดึงผ้าห้มออกทั้งคืน
แสดงความคิดเห็น
ทัวร์ผีอินเดีย & สถานที่สุดเฮี้ยนมาดูกันว่าผีอินเดียคล้ายผีไทยไหม
ในภาษาอินเดียจะเรียกผีว่า ภูติ
ดินแดนภารตะเป็นประเทศหนึ่งที่กลิ่นไอเรื่องราว
ความลี้ลับพิศวงยังคงอวลอยู่ในชีวิตประจำวัน
ของผู้คนในทุกวันนี้ในทุกๆพิธีกรรมและทุกๆความเชื่อ
จะมีสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาเป็นเรื่องเดียวกันคือ
เรื่องการมี อยู่ของวิญญาณ โลกหลังความตาย
และการกลับชาติมาเกิดเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่
ในคำภีร์วีดาสหรือพระเวทย์ ซึ่งเป็นคำภีร์ที่สำคัญต้นกำเนิด
แห่งศาสนาทุกศาสนาในอินเดีย
ในแต่ละท้องถิ่น
ของอินเดียมีผีประเภทที่แตกต่างกัน
บ้างก็กล่าวว่าผีบางจำพวกเป็นปีศาจร้าย
บ้างก็รอคอยการเอาชีวิตคนไปเพิ่ม
หรือ บางจำพวกก็เป็นวิญญาณที่ดีและ
แม้แต่บางที่อย่างใน บังกาลอฮ์ ใน รัฐกานาคะตา
ก็มีการบูชาผี จริงๆผีในอินเดียนั้นเยอะมากและมีหลายประเภทแต่จะนำมาเล่าประเภทที่ดังๆ
1.)ผีนาง " โมหิณี"
เป็นผีที่มีชื่อเสียงมากชนิดหนึ่ง
จัดเป็นผีผู้หญิง หรือเด็กผู้หญิงที่ผิดหวังในความรัก
จนต้องฆ่าตัวตายหรือหญิงสาวที่ตายโหงหรือป่วย
หรือประสบอุบัติโดยที่ยังไม่ได้ทำสิ่งที่พวกเขา
อยากทำ ผีประเภทนี้ชาวอินเดียเชื่อว่าจะมีความ
เฮี้ยนมากและสิงสถิตย์อยู่ในที่ที่ตนยึดติดตอนมีชีวิต
เชื่อกันว่าผีประเภทนี้จะล่อลวงผู้ชายที่พวกนางรู้สึก
ชอบหรือหลงรักให้เขาไปอยู่ในโลกของพวกนาง
หรือเอาไปตายด้วยนั้นเอง โดยโบราณเชื่อกัน
ว่าวิญญาณของพวกผู้ชายที่โดนเอาตัวไปจะ
ติดอยู่ในวังวนของผีสาวตลอดกาล
ไม่สามารถหลุดพ้นออกไปเกิดได้ง่ายๆ
นอกจากจะมีการทำพิธีทางศาสนาแก้อาถรรพ์เสียก่อน
2.) ผีนางกาติรี
เป็นผีสาวอีกประเภทหนึ่ง
อาศัยอยู่บนต้นกล้วยหรือต้นมะม่วงและมีผมยาว หน้าตาขาวซีด
นั่งหรือเดินขาและเท้าจะหันไปด้านหลัง
3.) นางยักษี หรือ ยักษิณี
ผีที่โด่งดังที่สุดในเมืองเกราละ นักล่อลวงที่ทรยศนี้เชื่อกันว่าเป็นผู้หญิงที่เสียชีวิตอย่างทารุณ
เธออาศัยสิงสถิตอยู่บนต้นอินทผลัมหรือต้นไม้ใหญ่ ร่างจำแลงเป็นผู้หญิงที่สวยงามรูปร่างยั่วยวนทางเพศ
และล่อลวงผู้ชายไปยังที่พำนักของเธอคือต้นไม้ใหญ่
ซึ่งเธอดื่มเลือดของพวกเขาจะล่อลวงผู้ชายให้ตกเป็น
เหยื่อด้วยการยั่วยวนและสูบกินปราณจนผู้ชายนั้นตายลง
4.) ผีนางชากิณี
เป็นผีผู้หญิงประเภทที่แต่งงานแล้ว
แต่เสียชีวิตในขณะการทำพิธีแต่งงาน หรือโดนทำร้าย
จนเสียชีวิต หลังตายแต่งงานไม่นาน หรือ จากการป่วยไข้
ผีประเภทนี้ไม่จัดว่าอันตราย เพราะจะตามหลอก
หลอนเฉพาะคนที่ตนเองอาฆาตหรือทำ
ร้ายจิตใจนางตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น
5.) ผีนางดากิณี
ผีผู้หญิงที่เรียกโดยรวม
เวลาที่เราไม่รู้สาเหตุ, เวลา, หรือการตาย
อาจจะเป็น ชาคิณี หรือ โมหิณีก็ได้
ในสมัยก่อนใช้เรียก แม่มดหรือผู้วิเศษ
ที่ทำคุณไสย์ เล่ากันว่าแม้แต่
เจ้าหญิง มณฑาวรา หนึ่งในพระโพธิสัตว์
ที่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวธิเบต และเนปาล
กับทางตะวันออก, แต่นางเป็นชาวอินเดียเหนือ
ผู้มีฌาณทิพย์ ก็ทรงโดนคนกล่าวหาว่าเป็น ดากิณีเช่นกัน
6.) กุตตี ไซทาน :
ผีประเภทนี้คือผีเด็ก ผีประเภทนี้จะ
อันตรายได้ถ้า พวก ตัณฑริก หรือพ่อมด
มาสะกดเรียกเอาผีเด็กไปใช้ในการทำเสน่ห์
หรือทำร้ายคน ก็คงคล้ายๆกุมารทอง
หรือเด็ก แท้งตายที่เอาไปทำของอะไรทำนองนั้น
7.) โอดิยัณ คือผีประเภทผู้ชายที่เคยเป็นพวกเล่นคุณไสย์
และทำผิดครูสามารถจำแลงกลายร่างเป็นสัตว์เช่นเสือสมิงค์
หมาดำ อีกา ฯลฯ เวลาจำแลงร่างต้องเอาเลือดเด็กทา
8.) ชีกล พรายน้ำ
เชื่อว่าอาศัยอยู่ในแม่น้ำสระน้ำและทะเลสาบ ถูกเรียกด้วยชื่อที่แตกต่างกันในท้องถิ่นต่างๆของเบงกอล
หญิงสาวที่ฆ่าตัวตายด้วยการจมน้ำเนื่องจากการแต่งงานที่ไม่มีความสุข (อาจถูกคนรักหรือสามีที่อายุมากกว่าทารุณกรรมและล่วงละเมิด)
หรือผู้ที่ฆ่าตัวตายโดยกระโดดน้ำ (โดยเฉพาะหลังจากตั้งครรภ์และมีลูกที่ไม่ต้องการ )
ต้องใช้ชีวิตตามเวลาที่กำหนดบนโลกและกลับมาเป็นสัมพะเวสีเช่นนี้
อย่างไรก็ตามจุดประสงค์หลักของเธอคือเพื่อหลอกล่อชายหนุ่มและพาพวกเขาลงไปในน้ำ
เธอจะพันเท้าของพวกเขาด้วยผมยาวสยายของเธอให้คนจมลงใต้น้ำ
ผมเธอยาวมากและเปียกตลอดเวลาและดวงตาไม่มีม่านตา หรือหญิงสาวที่ถูกผิดสัญญแต่งงานจนโดดน้ำตาย
เมื่อสัญญาดังกล่าวถูกทำลายเธอก็เปิดเผยตัวเองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่เธอเป็นมักจะเอาชีวิตมนุษย์
แนวคิดของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติดังกล่าวคล้ายคลึงกับ รูเซลก้าRusalka จากเทพนิยายสลาฟ
9.) นิชี ผีประเภทนี้ จะร้องเรียกชื่อคนตอนกลางคืน
ซึ่งเชื่อว่าคนที่โดนเรียกและออกไปตามเสียงเรียกก็จะตาย
คนอินเดียจึงเชื่อว่าเวลาถูกเรียกชื่อดึกห้ามขานรับ
นิชีมักจะเรียกชื่อคนที่ต้องการจะเอาชีวิตโดยแปลงเสียงเป็นคนรู้จักหรือสนิทในบ้านของเหยื่อ
10.) โกลี ดิฟวา ผีที่วิ่งอยู่ตามป่า ผ่านต้นไม้และถือคบไฟในมือ
11.) กัลลัวตี, พันจัวตี, โกตี เชนไนยยะ
ผีพวกนี้เป็นผีของบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่ง
ตายในรูปแบบต่างๆและมีคนนำไปบูชา
12.) Brahmodoityas พราหมณ์โมโฑยะ
คือผีของคนที่ตายจากการการเป็นพรามณ์
ผีเหล่านี้เป็นหนึ่งในผีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเบงกอลที่เชื่อกันว่ามีเมตตากรุณา
เชื่อกันว่าเป็นผีของพราหมณ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ โดยปกติแล้วพวกเขาสวมชุด โจงกะเบนโดตี
Dhoti แบบดั้งเดิม (ชุดเบงกาลีสำหรับผู้ชาย) และด้ายสายสิญจน์บนร่างกาย
พวกเขามีน้ำใจและเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ดังที่ปรากฎในนิทานภาษาเบงกาลี
นิทานพื้นบ้านและภาพยนตร์มากมาย
13.)Skondhokatas โขนโฑคะตา
เป็นพวกผีหัวขาดจากรถไฟชน
หรืออุบัติเหตุจนหัวขาดผีประเภทนี้มักจะค้นหาหัวที่หายไปและขอร้อง
ให้คนอื่นช่วยตามหา บางครั้งพวกมันโจมตีมนุษย์
และทำให้พวกเขาตกเป็นทาสเพื่อค้นหาศีรษะที่หายไป
14.)บาก
ในรัฐอัสสัมผู้คนเชื่อว่าบาคเป็นสัตว์หน้าตาประหลาดที่อาศัยอยู่ในสระน้ำและทะเลสาบ
เป็นที่เลื่องลือในเรื่องลักษณะการ ฆ่าจะมีสภาพศพแตกต่างจากจมน้ำธรรมดา
หลังจากฆ่าเหยื่อแล้วมันก็ซ่อนศพไว้ในน้ำลึกและออกไปค้นหาเหยื่อเพิ่มนอก
จากนี้ัมันยังชอบกินปลาด้วย
15). ปีศาจ
คนอินเดียเชื่อว่าผีที่อำนาจและเข้าสิงคนได้จะเรียกว่า"ปีศาจ"จะเข้าสิงครอบครองจิตใจ
ของผู้คนและทำให้พวกเขาบ้าคลั่งเชื่อกันว่าปีศาจเหล่านี้กินเนื้อคนตายโดยปกติจะอาศัยอยู่ในสุสาน
และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความตายและสิ่งสกปรก สามารถครอบครองจิตใจได้ทันทีผลักดันให้คนบ้าคลั่ง
โดยการเข้าสิง
16.) Daula -ดัวลา ผีไม้ไผ่
ผีไม้ไผ่จะดีดงอไม้ไผ่ซึ่งใส่ชาวบ้านที่เดินผ่านให้บาดเจ็บ
ผีประหลาดตัวนี้ซึ่งเชื่อกันว่าอาศัยอยู่ในทุกหมู่บ้านในอัสสัมชอบดีดโค้งงอ
ไม้ไผ่ให้ตกลงมาบนเส้นทางเวลาเราเดิน
17.) Nale Ba - นาเล บา
แม่มดที่เคาะประตูและฆ่าคนโชคร้ายไม่กี่คนที่เปิดขึ้น
ในบางพื้นที่ของเบงกาลูรูผู้คนเชื่อว่ามีแม่มดที่เดินไปตามถนนเพื่อเยี่ยมบ้าน
ของผู้คนและเคาะประตูบ้าน การเปิดประตูโดยทั่วไปจะรับประกันความตายได้
ดังนั้นคุณต้องเขียนคำว่า 'nale ba' เช่น 'come tomorrow' ไว้ที่ประตูหน้าบ้าน
วันที่ 1 เมษายนจึงมีการเฉลิมฉลองเป็นวัน Nale Ba ในบางส่วนของเบงกาลูรู
18.) Boba - วิญญาณที่ทำร้ายผู้คนในยามหลับ
ในวัฒนธรรมเบงกาลี Boba เป็นมุ่งร้ายที่ทำร้ายผู้คนที่กำลังนอนหงาย
มันบีบคอคนจนตายและเชื่อว่าเป็นคำอธิบายที่เหนือธรรมชาติมักถูกอธิบายว่าเป็นการทำให้ตายหรือ
อัมพาตจากการนอนหลับ
19.) นาง เปรตตานี
ผีของผู้หญิงที่ไม่มีความสุขเธอมีเท้าที่หันไปข้างหลัง
คนเฒ่าคนแก่มักเคยเผชิญกับผีตัวนี้ในหมู่บ้าน.....
Pretni เปรตตานีจะออกไปกินปลา
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถมองเห็นได้ตามฝั่งแม่น้ำบางครั้ง
พวกมันก็ทำร้ายผู้คน น่าเสียดายที่เรื่องราวของ
เปรตตานีในแต่ละวันเริ่มเลือนหายไป ... เรื่องราวที่แท้จริงเกี่ยวกับ Pretni
ตอนนี้กลายเป็นตำนานในพืนที่หมู่บ้านห่างไกลซึ่งความทันสมัยยังไปไม่ถึง
20.) รากษส:
ที่เป็นยักษ์อสูรชนิดหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายที่มีเขี้ยวแหลมเล็บที่
แหลมคมเหมือนเล็บและความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตเหล่า
นี้มีอยู่ในมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะในศาสนาฮินดู
เรื่องราวในเทพนิยายจำนวนมากในคติชนชาวเบงกาลียังพูดถึงชนเผ่าปีศาจ
ที่ดุร้ายซึ่งกินอาหารมนุษย์ ผู้หญิงชาวเบงกาลีมักจะพาลูก ๆ
เข้านอนโดยเล่าเรื่องนิทานพื้นบ้านที่น่ากลัวของ รากษส Rakkhosh
คำขู่ในนิทานพื้นบ้านของชาวเบงกาลีดั้งเดิมดังในคำกลอน
21.) ชเรลี่ หรือ ชูเรว
ผีประเภทที่สร้างความสยองขวัญให้แก่คนอินเดีย
มากที่สุด คือ ชเรลี่ กล่าวกันว่าผีประเภทนี้จะ
เป็นวิญญาณของผู้หญิงไม่จำกัด อายุ ตายในสภาพ
ที่เคืองแค้นหรือทรมาน เช่นหญิงตายทั้งกลม
พวกที่ทำผิดหลักศาสนาตลอดจนแม่มด
ที่เล่นคุณไสย ผีประเภทนีมีความสะหยดสยองตรงที่
จะปรากฏกายในชุดขาวและมีเท้าหันกลับ
ไปด้านหลังในเวลาเดินแค่จินตนาการนึกภาพ
เท้ากลับพลิกไปด้านหลัง ก็ฟังดูแล้วอดสะยด
สยองไม่ได้ แถมการปรากฏตัวยังมาแบบ
แอบๆซ้อนๆที่หลังตู้หรือหลังหน้าต่าง
และชอบนั่งห้อยเท้าบิดเบี้ยวอยู่
บนต้นมะม่วงในยามวิกาล