สวัสดีค่ะ ก่อนช่วง COVID จะระบาดเราได้ไปเที่ยวภูมิภาค Kyushu มา 10 วัน 9 คืน
ช่วงที่เราไป คือวันที่ 17-27 มกราคม 2563 เป็นช่วงฤดูหนาว แต่จะหนาวแบบเที่ยวสนุก มีหิมะอ่อนๆบางพื้นที่ค่ะ
จู่ๆเกิดคิดถึงขึ้นมา เลยจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆกันฟังนะคะ
เผื่อใครที่เคยไปแล้วอาจจะคิดถึงเหมือนกัน หรือใครจะแพลนไว้รอหลัง COVID ดีขึ้นแล้วก็ตามมาเลยค่ะ
ภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ที่เขาร่ำลือกันว่าเป็นดินแดนแห่งน้ำพุร้อน อีกทั้งบ้านเมืองก็น่ารัก เงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร โดยเราไปแถบภาคเหนือของคิวชู สถานที่เที่ยวธรรมชาติเยอะมากๆ นักท่องเที่ยวไม่เยอะด้วย เหมือนเรามาเที่ยวบ้านนอกของญี่ปุ่นเขาล่ะ ถ้าใครชอบเที่ยวแนวธรรมชาติ เรียบง่าย ไม่เน้นแสงสีเสียง ขอบอกเลยว่าต้องประทับใจแน่ๆ
ทั้งหมดที่เราไปมีดังนี้
DAY 1 – เดินทางจาก กรุงเทพ – สนามบินฟุกุโอกะ
DAY 2 - YUFUIN (By YUFUIN NO MORI TRAIN)
DAY 3 - BEPPU (Beppu Jigoku Meguri ,โรงอาบน้ำ Takegawara,ร้านเทมปุระแสนอร่อย Toyotsune)
DAY 4 - KUMAMOTO (Kumamoto Castle, Josaien shopping arcade, Suizenji Jojuen Garden, Shimotori Shopping Arcade)
DAY 5 - KUROKAWA ONSEN (บ้านพักตากอากาศ Kurosako Onsen Sakura)
DAY 6 - ASO (ขับรถชมวิวภูเขาไฟ Aso ,พาไปกินข้าวหน้าเนื้อร้านเด็ด)
DAY 7 - SAGA : KARATSU (ตามรอยซีรี่ย์ Stay Saga)
DAY 8 - SAGA AND AROUND(Okawachiyama Village, Takeo Shrine, Yutoku Inari Shrine)
DAY 9 - FUKUOKA (พาไปฟาร์มสตอเบอร์รี่บุพเฟ่, Nanzoin temple)
DAY 10 - FUKUOKA (เที่ยวในเมืองฟุกุโอกะ, Ohori Park, Shopping)
DAY 11 - เดินทางกลับไทย
อย่ารอช้ามาเริ่มที่แรกกันเลยยยย...
- EP.1 YUFUIN -
ที่เที่ยวที่แรกของทริปนี้ เราไปที่เมืองยูฟุอิน(Yufuin) จังหวัดโออิตะ(Oita) หมู่บ้านเล็กในหุบเขา เราจะไปโดยนั่งรถไฟสุดวินเทจซึ่งจะวิ่งผ่านป่า ภูเขา ได้ชมวิวสุดชิลตลอดทาง ที่หมู่บ้านมีถนนคนเดินมีวิวเป็นภูเขารอบด้าน ท้ายหมู่บ้านมีทะเลสาบเล็กๆ เมืองทั้งเมืองโคตรน่ารัก บ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ๊นน...ญี่ปุ่น และจะพาไปดูที่พักพร้อมออนเซนส่วนตัวในราคาที่คุ้มค่าแก่การไปพักมาก ปิดท้ายด้วยเนื้อย่างร้อนๆ กินกับวาซาบิใส่เกลือ แถมด้วยเนื้อม้าซาซิมิ บอกเลยว่างานดีมากกกกค่ะ !
การเที่ยวทั้งทริปเราใช้ทั้งรถไฟ และเช่ารถขับเองค่ะ ในส่วนของรถไฟ pass หลักเราใช้ JR North Kyushu Pass 3 วัน โดยจองผ่าน Klook เมื่อได้รับรหัส JR North Kyushu pass มาแล้วจึงค่อยนำรหัสมาสำรองที่นั่งรถไฟ Yufuin No Mori ไว้สำหรับเดินทางไป Yufuin เดี๋ยวครั้งหน้าจะมารีวิวการจองที่นั่งอีกทีนะคะ
เดินทางจากกรุงเทพถึงสนามบินฟุกุโอกะเวลา 7:25 นาที เราจะต้องเดินทางไป Hakata station กันต่อ เพื่อไปขึ้นรถไฟ Yufuin No Mori ที่จองไว้ การไป Hakata station มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟใต้ดิน รถบัส หรือแทกซี่ก็ได้ แต่เราเลือกไปโดยรถบัส City Bus (nishitetsu bus) เนื่องจากประหยัดที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีและเสียค่าใช้จ่ายเพียง 260 เยนเท่านั้น เมื่อรับกระเป๋าแล้วเดินออกมาเราจะพบกับตู้ซื้อตั๋วรถบัสตามรูปข้างบนค่ะ
ใกล้ๆกับตู้ซื้อ Bus Ticket จะมีป้ายใหญ่ๆบอกจุดที่ต้องไปรอรถ โดยของเราต้องไป Hakata Station จึงต้องไปรอรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2
การซื้อตั๋ว ถ้าไป Hakata Station จะต้องซื้อที่ตู้ B ที่อยู่ฝั่งซ้าย ดูได้จากตารางเวลาข้างบนจะเห็นว่า Hakata station อยู่ในแถบของสีฟ้า (B) ส่วนเวลาที่รถมา เราต้องดูตามประเภทของวันที่ไปนะคะ
- สีเขียว คือ Work day
- สีส้ม คือ Saturday
- สีชมพูคือ Sunday & Holiday
วิธีการดูเวลาคือ แถบสีดำจะบอกชั่วโมง และในช่องตามสีจะบอกนาที
ของเราไปวันเสาร์ จึงต้องดูเวลาที่สีส้ม เวลาที่คันต่อไปจะมาคือ 9.35
การกดซื้อ ให้กดเลือกภาษา English จากนั้นเลือกจำนวนคนที่แถบขวาบน แล้วค่อยเลือกราคา ถ้าไป Hakata station ให้กดที่ 270Y ค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้ว ไปรอรถกันที่ป้ายหมายเลข 2 กันเลย
รถบัสมาแล้ว คนจะเยอะหน่อยนะคะ และจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลที่ประตูทางขึ้น
เมื่อถึงสถานี Hakata เราต้องไปแลก JR Pass กันก่อน โดยนำเอกสารการจอง JR Pass ผ่าน Klook (ได้รับเอกสารทางเมลหลังจองสำเร็จ) มายื่นพร้อมกับ Passport ที่ Rail Pass Counter และต้องยื่นเอกสารการจองที่นั่ง Yufuin No mori ไปด้วยนะคะ ก็จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้มา
นอกจากนี้ หากต้องการจองที่นั่งรถไฟขบวนอื่นๆสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตอนนี้เลยค่ะ (ส่วน การจองที่นั่ง Yufuin No mori ที่เราจองมาก่อนล่วงหน้าเนื่องจาก หากมาจองที่ Counter มีโอกาสที่นั่งเต็มได้ )
การอ่านตั๋วก็ไม่ยากค่ะ ในตั๋วจะบอกวันที่ไป คือ JAN 18 เวลารถออก 10:24 ถึง Yufuin 12.34 ต้องไปขึ้นโบกี้ที่ 4 ที่นั่ง 7C ส่วนจะรู้ได้ไงว่าต้องไปรอที่ชานชาลาไหน เราต้องดูจากป้ายไฟค่ะ จะมีบอกขบวนและเวลาออก พร้อมกับบอกว่าต้องไปรอที่ชานชาลาอะไร
เมื่อมาถึงชานชาลาแล้ว ระหว่างรอ ไปเห็นรถไฟ Seven star สุดหรู เลยถ่ายรูปเก็บไว้ อยากลองนั่งซักครั้งจังเลย ใครเคยนั่งมาเล่าแชร์ให้ฟังหน่อยนะคะ ^^
ในที่สุด Yufuin No Mori ก็มาแล้ว วินเทจสุดๆไปเลย
จากตั๋วเราต้องขึ้น Car 4 สามารถดูเลขตรงข้างๆ ประตูได้เลยค่ะ
ด้านในจะมีโซนโบกี้ที่นั่งโดยสาร และโบกี้ที่ไว้สำหรับทานอาหาร โดยอาหารซื้อได้บนรถไฟเลยค่ะ
กินข้าวไปพร้อมกับดูวิวสวยๆตรงหน้า ฟินสุดๆไปเลย
และนี่คือท้ายขบวน
กินข้าวอิ่มแล้วกลับมานั่งที่นั่งชมวิวเพลินๆกันต่อ
ที่นั่งจะมีโต๊ะพับอยู่ข้างๆ ต้องเปิดออกมาตามรูปนะคะ มันซ่อนอยู่ ^^
ข้างหลังที่นั่งจะมีเมนูอาหารเสียบอยู่ ไม่แน่ใจมีภาษาอังกฤษมั้ยนะคะ เราเจอแต่ที่เป็น ภาษาญี่ปุ่น
ซักพักจะมีพนักงานเดินมาให้ถือป้ายแล้วถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึกค่ะ น่ารักและใส่ใจมากๆเลย
มีชุดสำหรับให้เด็กๆ เปลี่ยนถ่ายรูปกันแบบฟรีๆ ด้วยนะคะ
ชมวิวข้างทางเพลินๆ
ในที่สุดก็ถึงแล้วววว
จาก Hakata มา Yufuin ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
ทันทีที่ออกมาจากสถานี ก็จะพบกับวิวนี้เลยยย... น่ารัก คิ้วท์ๆ
เราตรงไปที่พักก่อนเลย เพื่อเอาประเป๋าไปฝากไว้ก่อนค่ะ เนื่องจากเวลา Check-in คือ 15.00 น.
ที่พักของเราชื่อว่า Yufuin Lamp no Yado
พิกัด :
https://goo.gl/maps/wdTKSCcYVRtFXHERA
ที่นี่เป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่น มีบ่อออนเซ็นให้แช่ฟรี ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor มีส่วนกลางให้นั่งเล่น ทานชากาแฟ น้ำดื่มฟรี และยังมีจักรยานให้ขี่เที่ยวในเมืองฟรีอีกด้วย เราจองผ่าน Traveloka ในราคา 3155 บาท/คืน พักได้ 2 คนค่ะ ราคานี้เราถือว่าคุ้มค่า
และนี่คือหนึ่งในพนักงานต้อนรับของที่พัก มีหลายตัวนะคะ อ้วนๆทั้งนั้น
บริเวณที่พักมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆหลายมุมเลยค่ะ
ข้างใน Lobby และส่วนกลางให้นั่งเล่น
บ่อออนเซ็นแบบเปิดโล่ง ซึ่งเป็นแบบส่วนตัวด้วยล่ะค่ะ ตอนใช้ให้หมุนป้ายว่ากำลังใช้งานอยู่ ใช้เสร็จก็อย่าลืมกลับป้ายด้วยนะคะ ใครจะใช้ก็ต้องมารอต่อคิว ถ้าแนะนำคือรีบมาก่อนมืดหรือไม่ก็ดึกๆหน่อย
อีกจุดนึงคือออนเซนแบบ Indoor เป็นแบบส่วนตัวเช่นกัน แช่ได้แบบไม่ต้องเขินอายใคร เหมาะกับคนไทยมากๆ
เปิดเข้ามาก็จะมีจุดแต่งตัว
และนี่คือในส่วนของบ่อออนเซน Indoor
เดี๋ยวไปเดินเล่นในเมืองกันก่อนแล้วค่อยกลับมาแช่ออนเซนก่อนนอนค่ะ
ในส่วนของห้องพักบอกเลยว่าดีมากกกกก สะอาดน่านอน มีฮีตเตอร์และของใช้ที่จำเป็นครบครัน
ทางที่พักมีเขียนการ์ดต้อนรับวางไว้บนโต๊ะในห้องด้วยนะคะ ใส่ใจแขกดีมากๆ น่ารักมากๆ
......
(ต่อในคอมเม้นท์นะคะ)
[CR] YUFUIN ฉันคิดถึงเธอ <3
DAY 1 – เดินทางจาก กรุงเทพ – สนามบินฟุกุโอกะ
DAY 2 - YUFUIN (By YUFUIN NO MORI TRAIN)
DAY 3 - BEPPU (Beppu Jigoku Meguri ,โรงอาบน้ำ Takegawara,ร้านเทมปุระแสนอร่อย Toyotsune)
DAY 4 - KUMAMOTO (Kumamoto Castle, Josaien shopping arcade, Suizenji Jojuen Garden, Shimotori Shopping Arcade)
DAY 5 - KUROKAWA ONSEN (บ้านพักตากอากาศ Kurosako Onsen Sakura)
DAY 6 - ASO (ขับรถชมวิวภูเขาไฟ Aso ,พาไปกินข้าวหน้าเนื้อร้านเด็ด)
DAY 7 - SAGA : KARATSU (ตามรอยซีรี่ย์ Stay Saga)
DAY 8 - SAGA AND AROUND(Okawachiyama Village, Takeo Shrine, Yutoku Inari Shrine)
DAY 9 - FUKUOKA (พาไปฟาร์มสตอเบอร์รี่บุพเฟ่, Nanzoin temple)
DAY 10 - FUKUOKA (เที่ยวในเมืองฟุกุโอกะ, Ohori Park, Shopping)
DAY 11 - เดินทางกลับไทย
อย่ารอช้ามาเริ่มที่แรกกันเลยยยย...
การเที่ยวทั้งทริปเราใช้ทั้งรถไฟ และเช่ารถขับเองค่ะ ในส่วนของรถไฟ pass หลักเราใช้ JR North Kyushu Pass 3 วัน โดยจองผ่าน Klook เมื่อได้รับรหัส JR North Kyushu pass มาแล้วจึงค่อยนำรหัสมาสำรองที่นั่งรถไฟ Yufuin No Mori ไว้สำหรับเดินทางไป Yufuin เดี๋ยวครั้งหน้าจะมารีวิวการจองที่นั่งอีกทีนะคะ
- สีเขียว คือ Work day
- สีส้ม คือ Saturday
- สีชมพูคือ Sunday & Holiday
วิธีการดูเวลาคือ แถบสีดำจะบอกชั่วโมง และในช่องตามสีจะบอกนาที
ของเราไปวันเสาร์ จึงต้องดูเวลาที่สีส้ม เวลาที่คันต่อไปจะมาคือ 9.35
การกดซื้อ ให้กดเลือกภาษา English จากนั้นเลือกจำนวนคนที่แถบขวาบน แล้วค่อยเลือกราคา ถ้าไป Hakata station ให้กดที่ 270Y ค่ะ
นอกจากนี้ หากต้องการจองที่นั่งรถไฟขบวนอื่นๆสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตอนนี้เลยค่ะ (ส่วน การจองที่นั่ง Yufuin No mori ที่เราจองมาก่อนล่วงหน้าเนื่องจาก หากมาจองที่ Counter มีโอกาสที่นั่งเต็มได้ )
การอ่านตั๋วก็ไม่ยากค่ะ ในตั๋วจะบอกวันที่ไป คือ JAN 18 เวลารถออก 10:24 ถึง Yufuin 12.34 ต้องไปขึ้นโบกี้ที่ 4 ที่นั่ง 7C ส่วนจะรู้ได้ไงว่าต้องไปรอที่ชานชาลาไหน เราต้องดูจากป้ายไฟค่ะ จะมีบอกขบวนและเวลาออก พร้อมกับบอกว่าต้องไปรอที่ชานชาลาอะไร
ที่พักของเราชื่อว่า Yufuin Lamp no Yado
พิกัด : https://goo.gl/maps/wdTKSCcYVRtFXHERA
ที่นี่เป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่น มีบ่อออนเซ็นให้แช่ฟรี ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor มีส่วนกลางให้นั่งเล่น ทานชากาแฟ น้ำดื่มฟรี และยังมีจักรยานให้ขี่เที่ยวในเมืองฟรีอีกด้วย เราจองผ่าน Traveloka ในราคา 3155 บาท/คืน พักได้ 2 คนค่ะ ราคานี้เราถือว่าคุ้มค่า
(ต่อในคอมเม้นท์นะคะ)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น