# หมายเหตุ: เกร็ดเรื่องนี้เป็นเพียงการพยายามนำเอาแนวคิดสุดท้ายต่อเกร็ดเรื่องนั้นๆ ของ เจ.อาร์.อาร์. โทลคีน มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งบางจุดอาจไม่ตรงกับที่ปรากฏใน The Silmarillion ฉบับตีพิมพ์ (เรียบเรียงโดย คริสโตเฟอร์ โทลคีน) ทั้งนี้เนื่องจากเนื้อหาใน The Silmarillion เองก็ยังมิอาจนับเนื่องเป็นเนื้อหาที่เรียกว่า canon เช่นกัน ซึ่งคริสโตเฟอร์ โทลคีนเองได้เคยกล่าวไว้ว่า The Silmarillion ของท่านนั้นก็ยังคงมีความไม่สมบูรณ์ถูกต้องเสียทั้งหมด หากแต่ด้วยวัยของท่านคงไม่อาจจัดทำฉบับแก้ไขได้แล้ว จึงได้ให้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ legendarium ดุจเดียวกับเกร็ดเรื่องราวอื่นๆ ที่ท่านได้แสดงไว้ในหนังสือชุด The History of Middle-earth และหนังสือร่วมอื่นๆ #
.
.
.
ประวัติเส้นทางการเดินทางสู่ตะวันตกของมนุษย์เอไดน์และญาติวงศ์
เมื่อแรกที่มนุษย์ตื่นขึ้นในดินแดนฮิลโดริเอน Hildórien ณ ภูมิภาคตะวันออกของแผ่นทวีป (แต่เป็นตอนกลางของโลก) คะเนว่าพวกเขาน่าจะจำแนกเป็นหลากหลายเผ่าพันธุ์กันตั้งแต่อยู่ที่นั่นแล้ว ครั้นต่อมาเมื่อพวกเขาถูกคุกคามหนักจากความทุกข์ยากและบรรดาสมุนของมอร์ก็อธ ประกอบกับเริ่มมีมนุษย์บางเผ่าพันธุ์ที่ได้สมาคมกับเหล่าอวาริเอลฟ์ และได้ยินเรื่องราวของดินแดนแห่งทวยเทพทางตะวันตกไกลโพ้น กับการเดินทางสู่ตะวันตกของชาวเอลฟ์เมื่อนานมาแล้ว จึงมีมนุษย์บางเผ่าพงศ์เริ่มเดินทางสู่ตะวันตกบ้าง และในที่สุดก็มีกลุ่มหนึ่งที่บุกฝ่าไปจนถึงดินแดนสุดฝั่งตะวันตกของมิดเดิลเอิร์ธในยุคสมัยนั้น คือแผ่นดินเบเลริอันด์ Beleriand ได้ในที่สุด พวกเขาถูกขนานนามโดยเหล่าเอลฟ์แห่งเบเลริอันด์ว่า ชาวเอไดน์ Edain (ซึ่งกาลต่อมาในยุคที่สอง พวกเขาก็จัดวรรณะให้แก่พวกตนให้แตกต่างจากชาวมนุษย์ทั่วไปว่าเป็น High Men หรือ Tarkil) โดยชาวเอไดน์ที่เข้ามาสู่เบเลริอันด์ได้สำเร็จประกอบด้วยกลุ่มชนสามกลุ่มหลัก ซึ่งจะจำแนกเผ่าพงศ์เชื้อสายและเส้นทางการเดินทางของพวกเขาดังต่อไปนี้
- กลุ่มเผ่าพงศ์ของเบออร์ (ชาวเบออเรียน Bëorian) เดินทางเข้ามาถึงเบเลริอันด์เป็นกลุ่มแรก
- กลุ่มเผ่าพงศ์ของฮัลดัด (ชาวฮาลาดิน Haladin) เดินทางเข้ามาถึงเป็นกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มที่มีจำนวนน้อยที่สุด
- กลุ่มเผ่าพงศ์ของมารัค (ชาวมาราเคียน Marachian) เดินทางเข้ามาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย และเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด
มนุษย์เอไดน์ทั้งสามกลุ่มนี้ กล่าวกันว่า ชาวเบออเรียนและมาราเคียนนั้น (หรือต่อไปจะขอเรียกว่าชาวฮาดอเรียน Hadorian ตามชื่อของวีรบุรษผู้นำของพวกเขา คือฮาดอร์) พูดภาษาที่คล้ายกัน แต่ชาวฮาลาดินจะพูดต่างภาษาออกไป ทั้งรูปร่างวัฒนธรรมก็ต่างออกไปด้วย
*************************
Northmen
• หมู่ปราชญ์พบว่า ชาวเบออเรียนและฮาดอเรียนนั้นมีต้นบรรพบุรุษร่วมกันมาแต่เก่าก่อน ทั้งยังร่วมวงศ์วานเดียวกันกับชาติพันธุ์บางเผ่าพงศ์ของมิดเดิลเอิร์ธในยุคที่สอง-สามด้วย นั่นคือชนชาวเหนือ หากแต่รูปร่างลักษณะของเอไดน์ทั้งสองกลุ่มนี้มีความต่างกันบางประการคือ
– ชาวเบออเรียน มีร่างสูงล่ำ ผมและดวงตาสีน้ำตาล ผิวพรรณจะไม่ขาวผ่องนัก มีความสุขุมในความคิดและท่วงที นิยมรักงานช่างและศิลปศาสตร์ (มีบ้างเล็กน้อยที่ผิวขาวเผือดและสูง หรือมีผมสีบลอนด์)
– ส่วนชาวฮาดอเรียน มีร่างสูงใหญ่กำยำแกร่ง (สูงกว่าชาวเบออเรียน) ผมสีเหลือง-สีทองและค่อนข้างกระด้าง ดวงตาสีฟ้า-เทา ผิวพรรณขาวเผือดกว่าชาวเบออเรียน ค่อนข้างโผงผางเปิดเผย หัวเราะและโกรธง่าย
• สาเหตุที่เรียกพวกเขาว่าชาวเหนือ อาจเป็นเพราะเส้นทางการเดินทางสู่ตะวันตกของพวกเขา หรือเพราะหลักแหล่งตั้งถิ่นฐานของเหล่าผู้ตกค้างระหว่างการเดินทางก็เป็นได้
• กล่าวกันว่า พวกเขาเดินทางสู่ตะวันตกผ่านมาทางป่าใหญ่แห่งโรห์วานิออน Rhovanion แต่มีผู้คนบางส่วนไม่กล้าเข้าไปจึงลงหลักอยู่ทางด้านตะวันออกของป่า (ต่อมาคือชาวเดล และบรรพบุรุษของชาวโรฮัน) บางส่วนกล้าฝ่าผ่านป่าใหญ่ไปแล้วแต่ก็เกรงกลัวที่จะข้ามขุนเขามิสตี้ จึงตั้งรกรากอยู่ในราวป่าและลุ่มน้ำแถบนั้น (คือชาววู้ดแมน และเบออร์นิงส์-มนุษย์หมี) กระนั้นก็มีบางส่วนที่ข้ามขุนเขามิสตี้ทางตอนเหนือเข้าสู่เอริอาดอร์ได้สำเร็จ และข้ามเทือกเขาลูอินไปจนถึงเบเลริอันด์
• กลุ่มชนที่ตกค้างอยู่ทางตะวันออกของเทือกเขามิสตี้นั้นคือเหล่าญาติวงศ์ร่วมบรรพชนกับชาวฮาดอเรียน ส่วนที่อาศัยอยู่ในเอริอาดอร์ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีบรรพชนร่วมกับชาวเบออเรียน
• มีเกร็ดเรื่องเล่าจากตำนานของชาวฮาดอเรียนกล่าวว่า ครั้งหนึ่งระหว่างการเดินทางก่อนหน้าที่จะมาถึงป่าใหญ่โรห์วานิออน พวกเขาเคยหยุดพักการเดินทางที่ริมทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเวลานาน (ทะเลสาบรูห์น) พวกเขาพำนักอยู่ในเชิงป่าทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบใหญ่ ส่วนบรรพชนของชาวเบออเรียนผู้มาถึงก่อนหน้า พำนักอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบ ที่มีเบื้องหลังเป็นทิวเนิน
• ที่แห่งนี้เองที่ชาวฮาดอเรียนสังเกตเห็นว่า เพื่อนร่วมเดินทางต่างกลุ่มของพวกตนนั้น แม้จะมีลักษณะกายภาพที่แตกต่างกันบางประการ แต่ก็ใช้ภาษาที่คล้ายกันกับของพวกเขา อีกทั้งยังมีผู้ที่มีลักษณะดุจเดียวกับชาวฮาดอเรียนในผองชนกลุ่มนั้นด้วย นั่นเองที่พวกเขาตระหนักว่า ในอดีตพวกเขาคงเคยมีบรรพชนร่วมกันมาก่อนที่จะแตกเป็นสองสายย่อย
• สองกลุ่มตระกูลนี้ยังคงไปมาหาสู่กันบ้างประปรายโดยตลอดนับแต่ที่ทะเลสาบใหญ่ ดังนี้...ภายหลังในเบเลริอันด์จึงเห็นได้ว่า มีชาวฮาดอเรียนบางคนที่ร่างเล็กและผิวคล้ำกว่าพวกพ้อง และชาวเบออเรียนบางคนที่ร่างสูงใหญ่และผิวขาวผ่อง ดังเช่นเบเรน-แอร์ฅามิออน-ชาวเบออเรียนที่มีผมสีน้ำตาลทอง ดวงตาสีเทา ร่างสูงกว่าผองชนทั้งมวลในเผ่าพันธุ์ ไหล่กว้างและแขนที่กำยำ ซึ่งเขามียายทวดเป็นชาวฮาดอเรียนนั่นเอง
• หมู่ปราชญ์ชาวเอลฟ์ที่ศึกษาถึงรากภาษาของมนุษย์สองตระกูลนี้คะเนว่า น่าจะใช้เวลาร่วมหนึ่งพันปีที่ภาษาของทั้งสองแยกจากกัน โดยชาวฮาดอเรียนจะรักษารากศัพท์ภาษาแม่ของตนไว้ได้มากกว่า ขณะที่ภาษาของชาวเบออเรียนผู้ใฝ่รู้ จะร่ำรวยคำศัพท์จากการผสานกับภาษากลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ มากกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[เกร็ดงานเขียนในชั้นหลังของ เจ.อาร์.อาร์.โทลคีนเขียนไว้ว่า ‘หมู่ปราชญ์ภาษาคะเนว่าต้องใช้เวลาราวหนึ่งพันปีที่ภาษาของทั้งสองแยกออกจากกัน’ อันเป็นได้ว่าท่านได้เปลี่ยนความคิด และหมายให้มนุษย์กำเนิดขึ้นนานแล้วก่อนดวงตะวัน ซึ่งจะสอดรับกับเรื่องกำเนิดของออร์คที่กล่าวว่าส่วนใหญ่แล้วมาจากมนุษย์ อันป็นดำริสุดท้ายต่อเรื่องออร์คของท่าน ที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ด้วย]
• ภาษาของเอไดน์เชื้อสายชาวเหนือ ครั้งหนึ่งเคยเรียกรวมกันว่าตระกูลภาษาทาลิสคา Taliska ซึ่งต่อมาเป็นพื้นฐานของภาษาอดูนาอิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือภาษาฮาดอเรียน ส่วนภาษาเบออเรียนภายหลังได้สูญหายไป ทั้งบนเกาะนูเมนอร์และบนฝั่งแผ่นดินใหญ่
• ด้านชนชาวเหนือทางฟากตะวันออกของเทือกเขาลินดอน ต่อมาถูกจัดวรรณะโดยชาวนูเมนอร์ให้เป็นพวก Middle Men
• ดังกล่าวมาแล้วว่า กลุ่มชนชาวเหนือที่ตกค้างทางตะวันออกของเทือกเขามิสตี้คือผู้ร่วมวงศ์วานเดียวกับชาวฮาดอเรียน ส่วนที่อยู่ในดินแดนเอริอาดอร์คือ ชาวเบออเรียนบางส่วนที่ข้ามไปสู่เบเลริอันด์แล้ว แต่ต่อมาเกิดอคติกับเหล่าเอลฟ์ จึงหวนข้ามเทือกเขากลับมา
• ในยุคที่สาม ชาวเหนือแห่งลุ่มน้ำอันดูอินยังคงรักษาภาษาดั้งเดิมของบรรพบุรุษไว้ได้อยู่ โดยยังคงใช้ควบคู่กันไปกับภาษาเวสทรอน ส่วนชาวเหนือแห่งเอริอาดอร์กลับสูญเสียภาษาดั้งเดิมของตนไป แต่ได้ภาษาใหม่ที่เป็นการผสานระหว่างภาษาในเอริอาดอร์กับภาษาอดูนาอิกขึ้นมาแทน ที่ต่อมาเรียกว่า ภาษาเวสทรอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[เกร็ดเสริม ภาษาของชาวเหนือที่ถูกแปลมาไว้ในหนังสือ ผู้ประพันธ์ได้ดัดแปลงมาจากภาษาตระกูล Germanic โดยภาษาของชาวเดลและเอสการ็อธจะดัดแปลงมาจากภาษา Old Norse ภาษาของอาณาจักรโรห์วานิออนและโรเฮียร์ริคดัดแปลงจากภาษา Gothic และ Anglo-Saxon ภาษาฮอบบิทิชดัดแปลงจากภาษาอังกฤษโบราณในรูปแบบสมัยใหม่ และภาษาเวสทรอนใช้แทนที่ด้วยภาษาอังกฤษปัจจุบัน]
เกร็ดเรื่องเล่าจาก Legendarium of Middle-earth: ประวัติเส้นทางการเดินทางสู่ตะวันตกของมนุษย์เอไดน์และญาติวงศ์
เมื่อแรกที่มนุษย์ตื่นขึ้นในดินแดนฮิลโดริเอน Hildórien ณ ภูมิภาคตะวันออกของแผ่นทวีป (แต่เป็นตอนกลางของโลก) คะเนว่าพวกเขาน่าจะจำแนกเป็นหลากหลายเผ่าพันธุ์กันตั้งแต่อยู่ที่นั่นแล้ว ครั้นต่อมาเมื่อพวกเขาถูกคุกคามหนักจากความทุกข์ยากและบรรดาสมุนของมอร์ก็อธ ประกอบกับเริ่มมีมนุษย์บางเผ่าพันธุ์ที่ได้สมาคมกับเหล่าอวาริเอลฟ์ และได้ยินเรื่องราวของดินแดนแห่งทวยเทพทางตะวันตกไกลโพ้น กับการเดินทางสู่ตะวันตกของชาวเอลฟ์เมื่อนานมาแล้ว จึงมีมนุษย์บางเผ่าพงศ์เริ่มเดินทางสู่ตะวันตกบ้าง และในที่สุดก็มีกลุ่มหนึ่งที่บุกฝ่าไปจนถึงดินแดนสุดฝั่งตะวันตกของมิดเดิลเอิร์ธในยุคสมัยนั้น คือแผ่นดินเบเลริอันด์ Beleriand ได้ในที่สุด พวกเขาถูกขนานนามโดยเหล่าเอลฟ์แห่งเบเลริอันด์ว่า ชาวเอไดน์ Edain (ซึ่งกาลต่อมาในยุคที่สอง พวกเขาก็จัดวรรณะให้แก่พวกตนให้แตกต่างจากชาวมนุษย์ทั่วไปว่าเป็น High Men หรือ Tarkil) โดยชาวเอไดน์ที่เข้ามาสู่เบเลริอันด์ได้สำเร็จประกอบด้วยกลุ่มชนสามกลุ่มหลัก ซึ่งจะจำแนกเผ่าพงศ์เชื้อสายและเส้นทางการเดินทางของพวกเขาดังต่อไปนี้
- กลุ่มเผ่าพงศ์ของเบออร์ (ชาวเบออเรียน Bëorian) เดินทางเข้ามาถึงเบเลริอันด์เป็นกลุ่มแรก
- กลุ่มเผ่าพงศ์ของฮัลดัด (ชาวฮาลาดิน Haladin) เดินทางเข้ามาถึงเป็นกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มที่มีจำนวนน้อยที่สุด
- กลุ่มเผ่าพงศ์ของมารัค (ชาวมาราเคียน Marachian) เดินทางเข้ามาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย และเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด
มนุษย์เอไดน์ทั้งสามกลุ่มนี้ กล่าวกันว่า ชาวเบออเรียนและมาราเคียนนั้น (หรือต่อไปจะขอเรียกว่าชาวฮาดอเรียน Hadorian ตามชื่อของวีรบุรษผู้นำของพวกเขา คือฮาดอร์) พูดภาษาที่คล้ายกัน แต่ชาวฮาลาดินจะพูดต่างภาษาออกไป ทั้งรูปร่างวัฒนธรรมก็ต่างออกไปด้วย
*************************
Northmen
• หมู่ปราชญ์พบว่า ชาวเบออเรียนและฮาดอเรียนนั้นมีต้นบรรพบุรุษร่วมกันมาแต่เก่าก่อน ทั้งยังร่วมวงศ์วานเดียวกันกับชาติพันธุ์บางเผ่าพงศ์ของมิดเดิลเอิร์ธในยุคที่สอง-สามด้วย นั่นคือชนชาวเหนือ หากแต่รูปร่างลักษณะของเอไดน์ทั้งสองกลุ่มนี้มีความต่างกันบางประการคือ
– ชาวเบออเรียน มีร่างสูงล่ำ ผมและดวงตาสีน้ำตาล ผิวพรรณจะไม่ขาวผ่องนัก มีความสุขุมในความคิดและท่วงที นิยมรักงานช่างและศิลปศาสตร์ (มีบ้างเล็กน้อยที่ผิวขาวเผือดและสูง หรือมีผมสีบลอนด์)
– ส่วนชาวฮาดอเรียน มีร่างสูงใหญ่กำยำแกร่ง (สูงกว่าชาวเบออเรียน) ผมสีเหลือง-สีทองและค่อนข้างกระด้าง ดวงตาสีฟ้า-เทา ผิวพรรณขาวเผือดกว่าชาวเบออเรียน ค่อนข้างโผงผางเปิดเผย หัวเราะและโกรธง่าย
• สาเหตุที่เรียกพวกเขาว่าชาวเหนือ อาจเป็นเพราะเส้นทางการเดินทางสู่ตะวันตกของพวกเขา หรือเพราะหลักแหล่งตั้งถิ่นฐานของเหล่าผู้ตกค้างระหว่างการเดินทางก็เป็นได้
• กล่าวกันว่า พวกเขาเดินทางสู่ตะวันตกผ่านมาทางป่าใหญ่แห่งโรห์วานิออน Rhovanion แต่มีผู้คนบางส่วนไม่กล้าเข้าไปจึงลงหลักอยู่ทางด้านตะวันออกของป่า (ต่อมาคือชาวเดล และบรรพบุรุษของชาวโรฮัน) บางส่วนกล้าฝ่าผ่านป่าใหญ่ไปแล้วแต่ก็เกรงกลัวที่จะข้ามขุนเขามิสตี้ จึงตั้งรกรากอยู่ในราวป่าและลุ่มน้ำแถบนั้น (คือชาววู้ดแมน และเบออร์นิงส์-มนุษย์หมี) กระนั้นก็มีบางส่วนที่ข้ามขุนเขามิสตี้ทางตอนเหนือเข้าสู่เอริอาดอร์ได้สำเร็จ และข้ามเทือกเขาลูอินไปจนถึงเบเลริอันด์
• กลุ่มชนที่ตกค้างอยู่ทางตะวันออกของเทือกเขามิสตี้นั้นคือเหล่าญาติวงศ์ร่วมบรรพชนกับชาวฮาดอเรียน ส่วนที่อาศัยอยู่ในเอริอาดอร์ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีบรรพชนร่วมกับชาวเบออเรียน
• มีเกร็ดเรื่องเล่าจากตำนานของชาวฮาดอเรียนกล่าวว่า ครั้งหนึ่งระหว่างการเดินทางก่อนหน้าที่จะมาถึงป่าใหญ่โรห์วานิออน พวกเขาเคยหยุดพักการเดินทางที่ริมทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเวลานาน (ทะเลสาบรูห์น) พวกเขาพำนักอยู่ในเชิงป่าทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบใหญ่ ส่วนบรรพชนของชาวเบออเรียนผู้มาถึงก่อนหน้า พำนักอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบ ที่มีเบื้องหลังเป็นทิวเนิน
• ที่แห่งนี้เองที่ชาวฮาดอเรียนสังเกตเห็นว่า เพื่อนร่วมเดินทางต่างกลุ่มของพวกตนนั้น แม้จะมีลักษณะกายภาพที่แตกต่างกันบางประการ แต่ก็ใช้ภาษาที่คล้ายกันกับของพวกเขา อีกทั้งยังมีผู้ที่มีลักษณะดุจเดียวกับชาวฮาดอเรียนในผองชนกลุ่มนั้นด้วย นั่นเองที่พวกเขาตระหนักว่า ในอดีตพวกเขาคงเคยมีบรรพชนร่วมกันมาก่อนที่จะแตกเป็นสองสายย่อย
• สองกลุ่มตระกูลนี้ยังคงไปมาหาสู่กันบ้างประปรายโดยตลอดนับแต่ที่ทะเลสาบใหญ่ ดังนี้...ภายหลังในเบเลริอันด์จึงเห็นได้ว่า มีชาวฮาดอเรียนบางคนที่ร่างเล็กและผิวคล้ำกว่าพวกพ้อง และชาวเบออเรียนบางคนที่ร่างสูงใหญ่และผิวขาวผ่อง ดังเช่นเบเรน-แอร์ฅามิออน-ชาวเบออเรียนที่มีผมสีน้ำตาลทอง ดวงตาสีเทา ร่างสูงกว่าผองชนทั้งมวลในเผ่าพันธุ์ ไหล่กว้างและแขนที่กำยำ ซึ่งเขามียายทวดเป็นชาวฮาดอเรียนนั่นเอง
• หมู่ปราชญ์ชาวเอลฟ์ที่ศึกษาถึงรากภาษาของมนุษย์สองตระกูลนี้คะเนว่า น่าจะใช้เวลาร่วมหนึ่งพันปีที่ภาษาของทั้งสองแยกจากกัน โดยชาวฮาดอเรียนจะรักษารากศัพท์ภาษาแม่ของตนไว้ได้มากกว่า ขณะที่ภาษาของชาวเบออเรียนผู้ใฝ่รู้ จะร่ำรวยคำศัพท์จากการผสานกับภาษากลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ มากกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
• ภาษาของเอไดน์เชื้อสายชาวเหนือ ครั้งหนึ่งเคยเรียกรวมกันว่าตระกูลภาษาทาลิสคา Taliska ซึ่งต่อมาเป็นพื้นฐานของภาษาอดูนาอิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือภาษาฮาดอเรียน ส่วนภาษาเบออเรียนภายหลังได้สูญหายไป ทั้งบนเกาะนูเมนอร์และบนฝั่งแผ่นดินใหญ่
• ด้านชนชาวเหนือทางฟากตะวันออกของเทือกเขาลินดอน ต่อมาถูกจัดวรรณะโดยชาวนูเมนอร์ให้เป็นพวก Middle Men
• ดังกล่าวมาแล้วว่า กลุ่มชนชาวเหนือที่ตกค้างทางตะวันออกของเทือกเขามิสตี้คือผู้ร่วมวงศ์วานเดียวกับชาวฮาดอเรียน ส่วนที่อยู่ในดินแดนเอริอาดอร์คือ ชาวเบออเรียนบางส่วนที่ข้ามไปสู่เบเลริอันด์แล้ว แต่ต่อมาเกิดอคติกับเหล่าเอลฟ์ จึงหวนข้ามเทือกเขากลับมา
• ในยุคที่สาม ชาวเหนือแห่งลุ่มน้ำอันดูอินยังคงรักษาภาษาดั้งเดิมของบรรพบุรุษไว้ได้อยู่ โดยยังคงใช้ควบคู่กันไปกับภาษาเวสทรอน ส่วนชาวเหนือแห่งเอริอาดอร์กลับสูญเสียภาษาดั้งเดิมของตนไป แต่ได้ภาษาใหม่ที่เป็นการผสานระหว่างภาษาในเอริอาดอร์กับภาษาอดูนาอิกขึ้นมาแทน ที่ต่อมาเรียกว่า ภาษาเวสทรอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้