คนที่ดีกับคนที่ใช่ ควรรอ หรือไปต่อกับใครดีคะ

เราอายุ 30 ปี แต่งงานแล้ว ไม่มีลูกค่ะ จุดเริ่มต้นของเรากับสามีคือ คบกันมาตั้งแต่เราเป็นนักศึกษาปี 3 หลังเรียนจบเราเป็นฝ่ายหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่บ้านผู้ชาย จนประมาณปีนึง แม่เราจับได้ก็ไม่สบายใจแล้วก็ข้อร้องแกมบังคับนิดๆให้เราแต่งงานค่ะ คุณผู้ชายก็รับรู้เรื่องนี้ก็เลยทำเซอร์ไพรส์ขอเราแต่งงานตอนที่เราป่วย แอดมิดอยู่โรงพยาบาล ความรู้สึกเราในตอนนั้นคือไม่อยากแต่งเลยเพราะตลอดเวลาหลายปีที่คบกันเรารู้สึกว่าเขายังไม่ใช่ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนดีคนหนึ่งและเขาก็ดูรักเรา บวกกับอยากให้แม่สบายใจเราก็เลยตอบตกลงค่ะ ความคิดของเราคือไม่เป็นไร ถึงไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเราแต่เขาก็เป็นคนดี น่าจะดูแลเราได้ และการแต่งงานกับคนที่เขารักเรา ชีวิตครอบครัวก็น่าจะมีความสุข
.
      ตลอดเวลาที่คบกันคุณสามีเราไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งเรื่องเจ้าชู้ ติดเหล้า พูดจาภาษาพ่อขุนรามกับเรา ไม่มีเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสามีที่ดีใช้ได้คนหนึ่ง แต่มันจะมีเรื่องทัศนคติและเป้าหมายชีวิตที่ส่วนใหญ่เรากับเขาจะเห็นไม่ตรงกัน (คือพอเราย้ายมาอยู่บ้านเขาถึงเข้าใจว่าเขาได้ทัศนคติพวกนั้นมาจากครอบครัวเขานั่นเอง)
.
ความจริตไม่ตรงกันของเรากับคุณสามี จากที่เห็นไม่ตรงกันเล็กๆน้อยๆ นานวันเข้าก็เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆค่ะ ซึ่งเราเคยอ่านเจอมาว่าการทะเลาะและถกเถียงกันระกว่างคู่สามีภรรยาจะนำมาซึ่งความเข้าใจกันมากขึ้น แต่กับคู่เราถึงจะทะเลาะกันบ่อยแบบนั้นก็ไม่เคยได้ข้อสรุปของปัญหาและนำมาสู่การแก้ไขจริงๆได้สักครั้งเลยค่ะ ยิ่งทะเลาะยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง เหมือนเราต่างพูดในสิ่งที่เป็นมุมของตัวเองใส่กัน สุดท้ายก็จบด้วยการเหนื่อยและเลิกทะเลาะไปเองตลอด
.
ฟังดูเหมือนโต้วาที เรื่องของความคิดบางทีมันก็ไม่มีถูกมีผิด ฟังดูเหมือนจะดีใช่มั้ยคะ
.
ไม่ใช่เลยค่ะ
.
การที่เราทะเลาะกันแล้วเคลียร์กันไม่ได้ ทำให้ปัญหาที่ค้างอยู่ในใจไม่ได้รับการแก้ไข เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆ และลงเอยแบบไม่มีคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง เหมือนขุดถนนไปเรื่อยๆแล้วไม่ซ่อมให้ดีเหมือนเดิม สุดท้ายถนนก็เสียสภาพเป็นหลุมบ่อเต็มไปหมด
.
เรากับสามีก็คุยกันได้น้อยลงเรื่อยๆ เพราะคิดว่าพูดไปเดี๋ยวก็เถียงกันอีก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายทัศนคติไม่เหมือนเรา
.
และด้วยความที่เราก็ไม่ได้อยากทะเลาะกัน เราเลยเลือกอยู่กันแบบเงียบลงไปเรื่อยๆ และบอกกันว่าในเมื่อมันไม่มีถูกไม่มีผิด งั้นต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าก้าวก่ายกันก็พอ
.
ลืมบอกไปว่าตั้งแต่ก่อนแต่งงานเรากับสามีเปิดร้านอาหารด้วยกันค่ะ ช่วยกันทำมาได้ประมาณ 5 ปี ก็ปิดไปเพราะเราป่วยและเศรษฐกิจไม่ค่อยดี
.
เรากลายเป็นคนว่างงาน ตัดสินใจเรียน ป.ตรีใบที่สองเพิ่มเพื่อจะสอบเนฯ สอบตั๋วทนาย ในขณะที่สามีเราเขาก็ทำงานของเขาไปด้วยความตั้งอกตั้งใจ ซึ่งก็ดูเหมือนจะอยู่กันได้มาเรื่อยๆ น่าจะลงตัว จนกระทั่งวันหนึ่งหลังช่วงโควิด สามีเราก็เริ่มทำธุรกิจที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเขาเพิ่ม โดยให้เหตุผลว่าพ่อแม่เขากำลังจะเกษียณ อยากหาอะไรให้ท่านทำจะได้ไม่ว่าง ตอนแรกเราก็ไม่ได้อะไร เพราะเห็นว่าดูกตัญญูดีและก็เป็นความคิดที่ดี แค่ไปช่วยๆดูตอนเริ่มธุรกิจให้เท่านั้นคงไม่มีอะไรเสียหาย แต่หลังๆมากลายเป็นว่าประเด็นนี้กลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนความสัมพันธ์เรากับเขาเพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง
.
     ตั้งแต่เริ่มงานเขาก็แทบไม่เหลือเวลาให้งานของเขาเองและไม่มีเวลาให้เราเลยค่ะ แทบทุกวันเอารถออกไปทำงานกับแม่พ่อเขาตั้งแต่เช้ากลับมาอีกทีก็ค่ำ และด้วยความที่เราต้องอยู่บ้านบวกไม่มีรถเขาก็จะทิ้งเงินไว้ให้เผื่อเราสั่งฟู้ดเดลิเวอรี่กิน คือเขาวุ่นมากแบบจะชวนออกไปซื้อของทำกับข้าวมาใส่ไว้ในตู้เย็นยังไม่มีเวลาเลยค่ะ ในขณะที่เราผู้สุขสบายจากการว่างงาน มีชีวิตอยู่กับงานบ้าน แกร็บฟู้ด ไข่ มาม่า ปลากระป๋อง บางวันเราโชคดีมีโอกาสได้ทำกับข้าวก็จะทำรอกินข้าวเย็นด้วย คิดว่าเออเดี๋ยวเขาเลิกงานกันมาคงกลับมากินด้วยกัน ปรากฎว่ามีวันหนึ่ง เรารออยู่จนค่ำเห็นว่ายังไม่กลับมาสักทีก็โทรหา ก็กลายเป็นว่าเขากินกับพ่อกับแม่เขาที่บ้านญาติมาแล้ว ลืมบอก ให้เรากินของเราเองเลย คือ...เราไม่รู้ว่าผู้ชายเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยหรือเปล่า แต่สำหรับเรา อารมณ์มันก็เก้อๆแหละค่ะ ไม่กลับมากินข้าวเย็นกัน เราอยู่บ้านคนเดียวทุกวัน จะกลับดึกทำไมถึงไม่บอกเราซักคำ หรือบางทีกลับมากินข้าวเย็นจริง แต่บนโต๊ะอาหารเขาจะมีแต่กับข้าวพื้นถิ่นของเขาที่เรากินไม่ได้ แล้วก็จะคุยกันเรื่องงานที่เขาไปทำกันมาสามคนโดยที่เราไม่รู้เรื่อง ฝั่งสามีกินง่ายอยู่ง่าย ตั้งใจลงแรงสร้างธุรกิจหลังเกษียณให้พ่อแม่โดยตัวเองไม่มีส่วนได้เสียซักบาท จากปกติไม่ค่อยมีอะไรให้คุยกันอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ถามก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าไปไหนยังไงมาบ้าง วันไหนหยุดไม่ได้ออกไปทำงานแม่เขาก็จะทำกับข้าวที่เป็นอาหารพื้นถิ่นให้กิน ซึ่งหลายๆอย่างมันก็ไม่ถูกปากเราแหละค่ะ ซึ่งคลอดหลายปีมานี้ไม่ใช่เราไม่ปรับตัว ไม่กินอาหารบ้านเขานะคะ เรากิน และพยายามปรับแล้ว แต่แหม...ใครๆก็มีอาหารที่ไม่ชอบกันทั้งนั้น แล้วเขาก็รู้กันว่าเราไม่ค่อยชอบกินอะไร แต่ก็นั่นแหละค่ะ เขาก็ทำแต่ของที่เขาชอบกัน ส่วนเรา ถ้าไม่กินก็คือ นู่น...ไปต้มไข่เอง หรือไม่งั้นก็ลากคุณสามีออกไปซื้อเองข้างนอก แล้วเวลาถ้าเราอยู่กับแม่สามีสองคน เขาก็จะไม่ทำกับข้าวแล้วบอกให้เราหากินเอง อะไรประมาณนี้ แรกเราก็เฉยๆ แต่หลังๆพอมันเป็นแบบนี้หลายครั้งเข้าเราก็อึดอัด จนหลายๆครั้งจากที่จริตไม่ตรงกันอยู่แล้ว เราพาลก็ไม่ชอบแม่สามีไปเลยเพราะรู้สึกว่าเขาทำกับเราเหมือนเราเป็นคนนอกไปทุกที และพยายามดึงตัวลูกชายเขาให้ออกห่างจากเราอีก
.
แล้วถามว่าถ้างั้นทำไมไม่ออกไปช่วยสามีกับครอบครัวเขาด้วยล่ะ จะได้ไม่ต้องเวิ้นเว้ออยู่บ้านแบบนี้ คำตอบคือ ย้อนกลับไปที่ก่อนหน้านี้เลยค่ะ เรามีโรคประจำตัวเป็นเอสแอลอี โดนแดดจัดไม่ได้ อดนอนหรือเครียดไม่ได้ โรคจะกำเริบ สาเหตุหนึ่งที่เราทำธุรกิจร้านขายอาหารต่างๆไม่ได้และเลือกที่จะเรียนเพิ่มก็เพราะสาเหตุนี้ด้วย
.
   ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกหลายอย่างที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือเรากำลังอึดอัดอย่างมากเลยค่ะ เราเคยลองเอาตัวเองออกมา กลับไปอยู่กับพ่อแม่พี่น้องเราเป็นเดือน เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น แต่พอกลับมาอยู่แล้วเราก็ยังไม่มีความสุขอยู่เหมือนเดิม เราอยากอยู่กับสามีเรานะคะ ทุกครั้งที่ห่างก็คิดถึง ยังอยากกอดเขา แต่ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน มันก็จะเป็นแบบนี้ วนลูป ไม่มีความสุข อึดอัด จากที่เคยร่าเริงพูดไม่หยุด ก็กลายเป็นคนพูดน้อยไปโดยปริยาย สามีเราเขาเป็นคนดีกับเรา แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่ได้มีจุดหมายปลายทางร่วมกันเลย จนมีหลายๆครั้งที่เรานึกถึงคำพูดญาติผู้ใหญ่ของเราว่ายูจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ยูมั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ เราตอบไปว่าประมาณ สี่ห้าสิบเปอร์ล่ะมั้ง เค้าก็สวนเราทันทีเลยค่ะว่ายูไม่ควรแต่งงานกับคนที่ยูไม่ได้มั่นใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ คนไม่ใช่ซักวันมันจะต้องเดินทางมาถึงจุดจบ
.
   เราไม่ได้ทะเลาะกับสามีรุนแรง แต่เราแทบจะไม่มีความสุขเลยค่ะ เหนื่อยกับความคิดตัวเองทุกวันและอึดอัดกับสิ่งที่เผชิญอยู่ เรารู้ว่าเขาไม่ใช่มาตั้งแต่แรก แต่เราไม่รู้ว่าเราควรหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี้ไหม คือบางทีเราก็คิดว่าเราอาจจะจินตนาการชีวิตคู่ไว้เป็นนิยายเกินไปหรือเปล่า คนที่ใช่บางทีมันอาจจะไม่มีอยู่ในชีวิตจริงรึเปล่า บางคนก็บอกว่าการเจอสามีที่ดีก็ถือว่าดีมากแล้ว อย่าเลิกเลย เป็นเราเองนี่แหละที่ยังปรับตัวไม่ได้
.
สำหรับคนที่อ่านสิ่งที่เราบ่นมาถึงตรงนี้ได้ เราขอบคุณมากนะคะ และจะขอบคุณมากๆถ้าทำบุญแสดงความคิดเห็น ชี้แนะทางสว่างให้กับเราบ้าง ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่บอกเลยว่าเราพยายามเอาตัวเองให้หลุดพ้นมาจากวงวนนี้หลายปีแล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นเนี่ยค่ะ หาทางออกไม่ได้เลย เคยลองบอกสามีว่าหรือเราจะเลิกกันมั้ย เขาก็ไม่คัดค้านนะคะ แต่เราเห็นกน้าละห้อยของเขาเราก็โลเลทุกที เราควรทำยังไงดีเหรอคะ มูฟออนตามหาคนที่ใช่ในฝันของเรา หรืออยู่กับคนดีที่รักเราและพยายามแก้ปัญหากันต่อไปดี ขอบคุณและอนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับผู้หวังดีทุกท่านเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่