คุ้งผีพราย (มือปืน 2)

ชายหนุ่มเปิดตู้เย็น หยิบน้ำแข็งมาสามก้อน ใส่แก้วใบหนาปากกว้าง
หยิบ Blue label ออกมาจากตู้โชว์  เหล้าที่แพงที่สุดที่เขามี ที่เขาได้มาแทนค่าจ้าง 
เขาไม่ใช่คอเหล้านอก และไม่ได้ชอบดื่มในช่วงเช้า  แต่ เขาแค่อยากดื่มมันในตอนนี้

บิดฝาให้เสียง แกร๊ก ดังอย่างแรง ให้แสตมป์ที่หุ้มฉีกขาด เพื่อระบายอารมณ์  รินของเหลวในขวดราดทับน้ำแข็งลงเกือบเต็มแก้ว เขย่าเล็กน้อย โดยไม่ต้องเติมน้ำหรือโซดา ก่อนซดโฮกเดียวหมด 

เรื่องใหญ่ในวงการถูกแพร่ออกมา

สัปดาห์ที่แล้ว  ตำรวจล้อมจับตายวิเชียร เมฆคล้อย

ตอนที่เอเยนต์บอกมา ชายหนุ่มคงเชื่อตามนั้น ถ้าไม่ได้สู้กับวิเชียร  ความสามารถแบบนั้นจะตายได้ไงวะ  ถ้าตำรวจมีมือดีแบบนี้ เขาจะได้เลิกงานนี้ 
เขายังสงสัยว่า วิเชียร ตายจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่ข่าวลวง  แต่เอเยนต์ยืนยัน หลายคนก็ยืนยันศพของวิเชียร

เขารินเหล้าลงไปอีกครึ่งแก้ว เขย่าฟังเสียงกรุ๋งกริ๋งให้ใจสงบ

ตำนานเสือลากหางจบสิ้นแล้ว

นั่นทำให้เขาย้อนมองตัวเอง ขนาดวิเชียรยังตายได้  แล้วตัวเขาล่ะ

เขาซดหมดแก้วอีกโฮก  แล้วรินเติมเป็นครั้งที่สาม

เอเยนต์ถามถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะเขาเป็นผู้รอดชีวิตมาคนเดียว ซึ่งเขารายงานไปว่า งานไม่สำเร็จ เป้าหมายเข้าถึงตัวผู้ว่าจ้างได้ก่อน
ชายหนุ่มย่อมไม่เล่ารายละเอียด  เพราะเขาไม่คิดจะเปิดเผยความลับเรื่องพลังของเขา

สุดท้ายเขาก็ได้รับข้อความจากอีเมลมาว่า

     //:  เจอกันที่นิวยอร์ก

นั่นเป็นข้อความรหัส หมายความว่า ให้หลบไปที่อื่นซักพักก่อน แล้วจะติดต่อไป  ก็นะ ก็แค่ 'นิวยอร์ก'  ยังไม่ร้ายแรงเท่า 'รัฐสภา'

เขากระดกสิ่งที่อยู่ในแก้วทั้งหมด รวมทั้งน้ำแข็ง เคี้ยวกรุบๆ  ลบข้อความในอีเมล เก็บเหล้าเข้าตู้
หยิบกระเป๋าเดินทางประจำตัว ทิ้งปืนไว้ที่บ้านเพราะไม่จำเป็นต้องใช้  เขาเปิดกล่องหยิบเงินสดมามากหน่อย เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวซักเดือน
เขาจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ที่บ้าน  เลือกเดินทางโดยรถทัวร์  เป้าหมายที่เขาไปคือจังหวัดหนึ่งในภาคกลางที่เขาหมายตาไว้นานแล้ว

รถทัวร์ถึงที่  จากท่ารถ ชายหนุ่มหารถต่อไปที่ท่าเรือ ขึ้นเรือโดยสารขนาด 15 ที่นั่ง  เพื่อล่องชมแม่น้ำ

เขารอเรือเที่ยวบ่าย 4 โมงครึ่ง อากาศจะได้ไม่ร้อนเท่าไหร่  และเขาจะได้ลงเรือไปคนแรกจองที่นั่งหน้าสุด

เมื่อถึงเวลาผู้โดยสารยังไม่เต็ม มีแค่ 11-12 คน แต่คนขับก็ออกเรือมาแล้ว 

เพราะแม่น้ำสายนี้ยังสะอาด ชายหนุ่มจึงพอใจที่ได้นั่งเอนหลัง ให้ละอองน้ำกระเซ็นเป็นฝอยเข้าสัมผัสใบหน้า  นึกถึงอดีตในสมัยเด็ก

ใช่ ที่นี่คือบ้านเกิดเขาเอง สิบกว่าปีที่เขาจากไป หายไปจากทุกคนที่เขารู้จัก ทำราวกับว่าเขาตายไปแล้ว
ตรงนั้น เขาจำวัดตรงคุ้งน้ำนั้นได้  ตอนนั้นสะพานตรงข้างหน้ายังไม่มี  พอเลยจากวัดนั่นไปได้หน่อย ก็จะเป็นบ้านเก่าของเขาแล้ว 
เรือแล่นโค้งตีวง  ภาพที่เขาเห็นเขาใกล้เคียงสิ่งที่เคยอยู่ในความทรงจำ  นอกจากท่าน้ำส่วนใหญ่ที่เป็นกลายปูนแทนที่ไม้ กับตึกใหญ่ที่อยู่ไกลๆแล้ว  อื่นๆก็ยังคงเดิม  ชายหนุ่มยืดคอมองไปทางขวา อยากรู้ว่าบ้านเก่าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างแล้ว

เรือเพิ่งจะแล่นลอดใต้สะพานมา  เสียงดัง ตูม ด้านหลังเรือ

"เฮ้ย มีคนตกน้ำ"  ผู้โดยสารท้ายเรือหันไปเห็น ตะโกนบอก

"เป็นเด็กผู้หญิงด้วย" ผู้โดยสารหญิงอีกคนร้อง

"หันเรือกลับไปช่วยเร็ว"

คนขับ หยุดเรือแล้วถอยเรือเฉียงๆ หันไปหาคนที่ตกน้ำกำลังตีน้ำดิ้นพราดๆ  มีคนหยิบคันร่มส่งต่อเป็นทอดให้คนที่อยู่ใกล้สุด ยื่นไปให้เด็กสาวเกาะ  แต่เด็กนั่นจมน้ำลงไปก่อนแล้ว 

ชายหนุ่มเห็น เด็กผู้หญิงคนนั้นอายุราว 13-14 ปี จมหายไปต่อหน้าต่อตา  มองไปทางคนอื่นๆ  ทำไมไม่มีใครโดดลงช่วยล่ะ เอาแต่ร้องเอะอะโวยวาย พยายามจะเสนอหน้ามาดูกันอยู่ได้  เดี๋ยวเรือก็ล่มหรอก  

ไม่ต้องมามองเขาเลย เขาเป็นมือปืน เป็นนักฆ่า ไม่ใช่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์  อย่ามายุ่งกับเขา..

ในที่สุด เขาก็ถอดรองเท้า กระโดดลงแม่น้ำ

เขาดำลงไปจนเจอตัวเด็กสาว ก็เข้าไปประคองจะพาขึ้น แต่เด็กสาวโผเข้ากอดคอ  กดเขาจนจมน้ำ
เขาแกะมือของเด็กสาวออกจากคออย่างยากลำบาก เพราะเด็กกลัวและตกใจอย่างไร้สติ  อากาศในปอดเขาใกล้หมด เขาเข้าด้านหลังของเด็กสาว กอดเอว พาว่ายขึ้นไปข้างบน  ยกร่างเด็กสาวให้พ้นน้ำ  เด็กสาวเห็นก้านร่มก็คว้าจับทันที  คนบนเรือก็รีบดึงเข้าไป

เขาเห็นเด็กสาวปลอดภัยแล้ว ก็โล่งใจ  กำลังจะว่ายกลับที่ไปเรือ  แต่เรือหางยาวอีกลำแล่นมาจากด้านหลัง ไม่รู้ว่ามีคนจมน้ำอยู่แถวนี้ จึงแล่นผ่านไป 

ความเร็วเรือทำให้เกิดระลอกคลื่น ซัดเขาจนจมน้ำ

ยามคับขัน นาทีชีวิต ชายหนุ่มเหวี่ยงแขนขึ้นเหนือน้ำ

'หยุดเวลา'

เขาคว้าจับผิวน้ำ อาศัยแรงตึงของผิวน้ำขณะที่เวลาหยุด ดึงตัวขึ้นโผล่หัวพ้นผิวน้ำ  สูดอากาศเข้าลึกแล้วยกเลิกการหยุดเวลา ทำให้ตัวเขาจมน้ำอีกครั้ง 

แต่ตอนนี้เขามีอากาศเพียงพอที่จะว่ายน้ำลอยตัวได้แล้ว
  
เพิ่งจะตีขาลอยตัวขึ้นมา  อาการปวดเกร็งก็เกิดขึ้นที่ขาขวาของเขา

ตะคริว!

ซวยแล้ว เขาโบกมือขอความช่วยเหลือ  คนบนเรือที่เพิ่งดีงเด็กสาวขึ้นไปได้  มีคนยื่นร่มมาให้  แต่เขาจมลงไปซะก่อน
 
ชายหนุ่มใช้แรงฮึดอีกเฮือก กัดฟันอดทนต่อตะคริว ทะลึ่งตัวเหยียดแขนขึ้นไป แค่ให้พ้นผิวน้ำ แล้วหยุดเวลาอีกครั้ง ดึงตัวขึ้นไปครึ่งท่อนบน
ไม่รู้เป็นเพราะกระแสน้ำ หรือเขาพุ่งขึ้นมาผิดทาง ตัวเขาจึงห่างจากด้ามร่มที่ยื่นมาสุดเอื้อมแล้วราวสามเมตร

อากาศในปอดหมดไปนานแล้ว เขาใช้ความอดทนคืบคลานไปบนผิวน้ำ พยายามจะเข้าไปจับร่ม  แต่เมื่อปลายนิ้วแตะถูก ความอดทนของเขาก็หมดซะก่อน ภาพข้างหน้ามืดลง  เขาจึงต้องยกเลิกการหยุดเวลา เพื่อหายใจอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่เขาจมลงไปในน้ำ
 
ไม่รู้ทำไม เขากลับนึกถึงปลาที่เขาจับกดน้ำจนตาย
 
'หยุดเวลา'

แต่คราวนี้เขาจมลงมาลึกเกินกว่าที่จะคว้าผิวน้ำไว้ได้อีก  ตะคริวที่ขาก็ปวดจนขยับขาขวาไม่ไหว  พลังที่เคยคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก  ตอนนี้กลับไร้ประโยชน์ ช่วยอะไรเขาไม่ได้

เขารู้แล้วว่าปลายทางของชีวิตเขาอยู่ที่นี่

สิ่งที่รอเขาอยู่คือความตาย 

คิดแล้วเชียว เขาเป็นมือปืนก็ดีแล้ว มือปืนต้องฆ่าคน กลับมาช่วยชีวิตคน  ชีวิตมือปืนเลยต้องจบอย่างนี้ 

เอาชีวิตตัวเอง มาแลกกับเด็กผู้หญิงคนนั้น มันจะคุ้มงั้นหรือ
...ไม่รู้สิ บางส่วนในหัวใจเขาบอกว่าคุ้ม  มือปืนอย่างเขา มีค่ากับคนอื่น กับโลกนี้ แค่ไหนกันเชียว

คิดอีกที พลังหยุดเวลาของเขา ควรมีไว้ช่วยคน แต่เขากลับใช้มันฆ่าคน โลกก็เลยมาเอากลับคืนไปมั้ง

มือปืนตาย เด็กสาวรอด โลกคงต้องการแบบนี้มั้ง 

เด็กสาวมีชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตแทนที่เขา คงเป็นเรื่องที่ดีกว่าสินะ

ชายหนุ่มยกเลิกการหยุดเวลา  ฟองอากาศพ่นออกจากปากและจมูกของเขา

เขาไม่เสียใจแล้วที่ได้ช่วยเด็กสาวไว้  เขาไม่เสียใจที่ต้องตาย

แต่...

ความเสียใจสุดท้ายในชีวิตเขา

เขาอยากบอกใครสักคน
เขาไม่ใช่สมเดช
เขาไม่อยากเป็นแค่มือปืนที่ไร้ชื่อทั้งตอนอยู่และตอนตาย
เขาไม่อยากถูกจดจำว่าเป็น ผีพราย
เขาอยากบอกให้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา
เขา..
.
.
.
จมดิ่งลงสู่ห้วงลึกอันมืดมิด

..............................................................................................................................................................

"รู้มั้ยครับผู้หมวด แม่น้ำตรงนั้นน่ะ เขาว่ามีผีพรายคอยจับคนลงไปกิน  10 ปี มานี้ เอาไปกิน 8 ศพแล้ว เขาเลยเรียกกันว่า คุ้งผีพราย"

"ไม่ใช่หรอกจ่า ตรงที่แม่น้ำเปลี่ยนทิศ กระแสน้ำผันผวน คนเลยจมน้ำง่ายเป็นธรรมดา อย่าไปเชื่อเรื่องเหลวไหลเลย"

"แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นล่ะครับ ติดต่อญาติได้หรือยัง"

ผู้หมวดส่ายหัว

"ยังระบุตัวไม่ได้เลยว่าเป็นใคร ค้นตัว ค้นกระเป๋าไม่เจอบัตรอะไรซักอย่าง น่าจะเป็นคนต่างถิ่นมาท่องเที่ยว  มือถือก็เปียกน้ำ กำลังให้ช่างกู้ข้อมูลอยู่ นี่ก็ประกาศลงเว็บไซต์ของกรมตำรวจกับศูนย์ข้อมูลคนหายไว้แล้ว"

"น่าเสียดายนะครับ คนดีๆ ไม่น่าต้องมาตายเลย"

"อื้อ แล้วเด็กนั่น เป็นยังไงบ้างจ่า"

"ก็อยู่ในห้องขังของมันนั่นแหละ  ขโมยเงินแม่จะไปเที่ยวกับผู้ชาย พอแม่กับยายมาเจอ แค่ด่าหน่อย ก็แทงแม่เจ็บ แทงยายตาย ถูกไล่จับก็กระโดดสะพานหนี ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น  ไม่น่าช่วยไว้เลย น่าจะปล่อยให้จมน้ำตายไปซะ  ผมไปบอกว่าคนช่วยมันไม่รอด  มันทำหน้าเฉย ไม่รู้สึกรู้สาอะไรซักนิด " 

"หือ ไม่รู้สึกกลัวหรืออะไรเลยหรือ ผมยังกลัวว่าเด็กจะคิดสั้น"

"โอ๊ย ไม่ต้องไปห่วงมันหรอก  มีคนไปบอกมัน ว่ามันยังเป็นเยาวชน โทษไม่หนัก อย่างมากก็ติดสถานพินิจ เลยนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่น่ะ ผมล่ะอยากจะลากมันออกมาถีบลงก้นแม่น้ำ ที่ที่มันควรอยู่ซะจริงๆ"

.........................................................................................................................................................................................../...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่