[CR] รีวิว เครื่องปริ้นเตอร์ความร้อนสำหรับแม่ค้าออนไลน์

เกริ่นก่อนว่าเขียนไม่เก่งสักเท่าไหร่....แต่ลองพยายามหารีวิวปริ้นเตอร์ที่จะมาอำนวยความสะดวก ให้ชีวิตพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ดีขึ้น ก็ดูจะมีน้อยซะเหลือเกิน วันนี้เลยขอเป็นหน่วยกล้าตาย มารีวิวในภาษาบ้านๆ ของคนที่ใช้จริง เกี่ยวกับปริ้นเตอร์ความร้อน ที่ใช้ในการปะหน้าพัสดุ ของแม่ค้าออนไลน์ จ้า
1. ปริ้นเตอร์ยอดฮิต GPrinter 1324D


สำหรับ Printer ตัวนี้ดูจะทนและสมบุกสมบันมากที่สุด เนื่องจากใช้งานมาเกือบ 2 ปี จนกระทั่งยอดเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆทำให้รู้สึกว่า Printer เครื่องเดียวคงจะไม่พออีกแล้ว เลยทำให้เกิดปริ้นเตอร์ตัวที่ 2 เกิดขึ้นมา คือตัวนี้
2. รุ่นนี้จะมีพ่อค้านำเข้ามาหลายยี่ห้อไม่ว่าจะเป็นของยี่ห้อตัวเองเอง หรือว่าจะเป็นโมเดล 9 200 ซึ่งรายละเอียดยังไม่รู้ข้อแตกต่างแต่ที่ซื้อมาใน shopee ด้วยราคาและส่วนลดเหลือราวๆประมาณพันกว่าบาท
ต่อไปเจ้าของกระทู้จะขอเรียกสั้นๆว่าปริ้นเตอร์ตัวที่ 1 และปริ้นเตอร์ตัวที่ 2

ปริ้นเตอร์ตัวที่ 1 ข้อดีอันดับแรกก็คือ ทน ใช้งานได้ดี ไม่ค่อยจะมีปัญหาสักเท่าไหร่ ในเรื่องการทำความสะอาดและกระดาษติด รวมถึงเวลา feed กระดาษ กระดาษก็จะออกมาออโต้ แต่อย่าคิดว่ามันไม่มีข้อเสียนะ เพราะทุกอย่างมันก็มีข้อเสียหมดนั่นแหละ
ข้อเสียอันดับ 1 ของปริ้นเตอร์ตัวนี้ก็คือมันเป็นระบบออโต้ทำให้ไม่สามารถปรับความเข้มของสีตัวอักษรได้ ทำให้เวลาปริ้น ตัวเลข ของจำนวนสินค้าจะมีปัญหาระหว่างเลข 1 กับเลข 4 เวลาพนักงานที่จัดของทำให้ไม่สามารถจัดของให้ชัดเจนต้องกลับมาดูอีกทีนึงเพราะบางทีพนักงานจะจัดของผิดจาก 4 ชิ้นเป็น 1 ชิ้นเนื่องจากความไม่ชัดเจนของหมึกนั่นเอง
ข้อเสียอันดับ 2 ของปริ้นเตอร์ตัวนี้ ก็คือ จะไม่มี driver ที่ใช้กับ Mac OS ได้โดยตรง ไปดูความชาญฉลาดของคนจีน ก็จะมี driver จำลอง ที่ทำให้สามารถใช้กับ Mac ได้
ข้อเสียข้อที่ 3 เราไม่สามารถเอามาทำ ลาเบลบาร์โค้ด ติดสินค้าเองได้ เพราะถ้าหากคุณใช้โปรแกรมบาร์เทนเดอร์ มันจะล็อคไว้ ทำให้ไม่สามารถใช้ได้
ส่วนปริ้นเตอร์ตัวที่ 2 ที่เราจะพูดกัน ข้อดีสุดๆ ก็คือ ราคาถูกกว่าปริ้นเตอร์ตัวแรก ราวๆ 1,000 บาท แถมยัง สามารถปรับความเข้ม อ่อน ของสีตัวอักษรได้ด้วย มันดีใช่ไหมล่ะ รวมถึง ถูกกว่า 1000 แล้วยังไม่พอ ปริ้นเตอร์ตัวนี้ ยังสามารถใช้บลูทูธได้ด้วย มีทั้งโปรแกรมในมือถือ และโปรแกรมใน PC ที่ทำให้สามารถ ใช้ปริ้นเตอร์ตัวนี้ ในการออกแบบฉลาก บาร์โค้ดติดสินค้าเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมใดๆ แต่เมื่อมีข้อดีแล้ว ก็ย่อมมีข้อเสีย ที่แสนจะจุกจิกนิดนึง เรามาดูกันเลยค่ะ
ข้อเสียข้อที่ 1 เวลาในการกด feed กระดาษ เราจะเสียกระดาษเป็น 1 แผ่นเสมอ เนื่องจากจะไม่ออโต้เหมือนตัวแรก เราต้องใช้มือกดไปที่ปุ่มคำว่าฟีดเองก่อน ทุกครั้ง ในการเปลี่ยนกระดาษ และบางที กระดาษก็จะไม่ตรง ทำให้เราต้องมาคอยปรับกระดาษเสมอ เพราะกระดาษมันไม่ได้อยู่ในตัวเครื่องมันเครื่องรุ่นแรกนั่นเอง
ข้อที่ 2 เนื่องจากสามารถปรับความเข้มของตัวอักษรได้ มันก็เป็นข้อเสีย สำหรับคนที่ปริ้นเยอะๆ Order มากๆล้นๆ เพราะคุณจะได้กลิ่นเหม็นไหม้ เล็กๆ ตอนเวลาที่คุณปริ้นออเดอร์เยอะๆ เพราะว่ากระดาษและเครื่องตัวนี้ ไม่มีหมึก เป็นการใช้ความร้อน ลงไปบนกระดาษ เหมือนเครื่องแฟกซ์ที่เราเคยใช้ ทำให้เวลาที่เราต้องการความเข้มและปรับระดับความเข้มของตัวอักษร ความร้อนเลยตรีทำงานเยอะเกินไปจนเกิดอาการมีกลิ่นเหม็นไหม้
ข้อเสียข้อที่ 3 คือต้องทำความสะอาดหัวอ่านบ่อยมาก เนื่องจากมันจะดำ แล้วก็มีคราบกาวติดอยู่บ่อย ดังรูปต่อไปนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ นำแอลกอฮอล์ ชุดทิชชูหรือสำลี เช็ดออก ทั้ง 2 เครื่องจริงๆก็มีเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบแล้วเครื่องที่ 2 จะมีเยอะกว่ามาก เอาเป็นว่าเดือนนึงเราจะเช็ดเครื่องแรกประมาณ 1 ครั้ง แต่เช็คเครื่องที่ 2 ทุกครั้งที่เปลี่ยนกระดาษ หรือบางทีใช้ไปได้แค่ครึ่งม้วน ก็ต้องขึ้นมาเช็ดแล้วเพราะว่าตัวอักษรมันไม่ออกกาวและคราบเขม่าดำติดอยู่ที่หัวอ่าน ทำให้ต้องมาเช็คอยู่เนืองเนือง




นอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าเครื่องตัวที่ 2 จะทำงานได้ดังนานไหม แต่ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าคุ้มค่า สำหรับราคาพันกว่าบาท แล้วทางผู้นำเข้าก็แจ้งว่ามีรับประกัน 1 ปี แต่เราเพิ่งซื้อมาไม่ถึงเดือนนะ เราเลยตอบไม่ได้
ก็ลองไปดูก่อนละกันนะคะ อันนี้เป็นรีวิวจากการใช้งานจริง เหตุผลที่มารีวิวก็เนื่องจากว่า พยายามค้นหามานานว่ามีคนเคยรีวิวเรื่องนี้หรือเปล่าหวังว่าการรีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้กับคนที่มาค้นหาเรื่องปริ้นเตอร์ความร้อนที่ใช้ปะหน้าพัสดุนะคะขอบคุณค่ะ
*** บทสรุป เราก็ใช้ปริ้นเตอร์ทั้งสองตัว จนถึงทุกวันนี้ ถ้าความถึก ทน ที่พิสูจน์ได้ มาสองปี ปัญหาน้อย ก็ยกให้ปริ้นเตอร์คู่บุญ
Gprinter 1324D  ส่วนตัวที่สอง ก็ดี เอาไว้ปริ้นลาเบล สินค้าได้ และทำงานได้ แต่เราจะไม่ใช้สมบุกสมบันเท่าตัวแรก เนื่องจากปริ้นเยอะ แล้วมีกลิ่นไหม้
แอบกลัวเล็กๆ ลองตัดสินใจดูนะคะ ตัวแรก เราซื้อในชอปปี้ 2000กว่าบาท ตามลิ้งนี้ https://shopee.prf.hn/l/7oeJ1k6
ตัวที่สอง เราก็ซื้อในชอปปี้เช่นกัน 1000กว่าบาท ตามลิ้งนี้ https://shopee.prf.hn/l/7ge0RQj
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่