สวัสดีค่ะพี่น้องชาวพันทิปทุกคน วันนี้เรามีเรื่องอยากจะมาแชร์ซึ่งเป็นประสบการณ์ชีวิตของเราเองให้พี่ๆน้องๆได้อ่านค่ะ ขออนุญาติสมัครสมาชิกใหม่นะคะอันเก่าคือจำไม่ได้แล้วพยายามเข้าหลายรอบก็เข้าไม่ได้ สงสัยจะแก่แล้ว 555555
เราเป็นคนต่างจังหวัดที่มาทำงานที่ กทม.เราเป็นคนที่ไม่ชอบงานขายประกันมากเวลาหางานเราจะมองข้ามงานส่วนนี้ไปและเวลามีคนขายประกันโทรเข้ามาเพื่อเสนอขายประกันเราจะค่อนข้างรำคาญและตัดบทด้วยคำพูดว่ามีประกันแล้วเสมอเช่นเดียวกับบัตรเครดิตเวลาไปธนาคารหรือมีคนโทรมาเราจะบอกว่าไม่สนใจหรือไม่ก็มีแล้ว เหตุผลคือเราคิดว่ามันไม่จำเป็น เรามีประกันสังคมของบริษัทอยู่แล้วเดี๋ยวอีกหน่อยค่อยทำก็ได้ ส่วนบัตรเครดิตเราคิดว่าไม่จำเป็นเราเป็นคนชอบใช้เงินสด เวลาจะซื้ออะไรก็เก็บเงินซื้อเอาเพราะเราก็มีเงินเก็บไว้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว มีบัตรเครดิตอาจทำให้ใช้เงินมากขึ้นจนเกิดเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดนั้น เราเกิดล้มป่วย ตอนแรกคือไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้สึกเหนื่อยง่าย เหมือนจะเป็นไข้ บางครั้งกินเผ็ดก็ปวดท้องจนล้มนอนในห้องน้ำ จึงไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลที่มีประกันสังคม คุณหมอก็บอกว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะเลยให้ยามากิน กินยาก็รู้สึกดีขึ้นแล้วมันก็หายไปประมาณ 3เดือน แต่ระหว่า3เดือนนั้นก็ยังมีอาการบ้างนะคะแต่เป็นแป๊บเดียวแล้วก็หายเราเลยไม่คิดอะไร
จนวันหนึ่งอยู่ดีๆเรานอนอยู่ในห้องเกิดรู้สึกเวียนหัว แน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก เราไอมาหลายวันแล้วด้วย จนเดินลงไปหาเจ้าของหอแล้วรบกวนให้เขาตามรถแท็กซี่ให้เพื่อไปโรงพยาบาล พอเราไปถึงโรงพยาบาลก็เข้าห้องฉุกเฉินพยาบาลก็ซักประวัติ คุณหมอก็มาตรวจ พอตรวจเสร็จก็บอกว่าเราน่าจะเป็นกรดไหลย้อน แต่ด้วยตอนนั้นเรามีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก เวียนหัวมาก คุณหมอเลยฉีดยาและจะให้นอนดูอาการทีโรงพยาบาลเพราะคุณหมอจะตรวจดูอีกครั้งเพราะอาการเราตอนนั้นคือมันแย่มากจริงๆ แล้วพยาบาลก็เดินมาถามเราว่ามีประกันหรือสิทธิ์อะไรไหมเราก็บอกมีประกันสังคมกับโรงพยาบาลนี้ พยาบาลก็ไปเช็ค ซักพักก็กลับมาบอกเราว่าประกันสังคมของเราใช้ไม่ได้ เราก็บอกว่าเมื่อ3เดือนก่อนเราก็ยังใช้อยู่ คุยกันไปคุยกันมาเราเลยบอกว่าเดี๋ยวเราขอถามบริษัทก่อน แล้วเราก็โทรไปหาบริษัทปรากฎว่าบริษัทไม่ได้นำส่งเงินประกันสังคมและเงินสมทบหลายเดือนแล้วเนื่องด้วยหมุนเงินไม่ทันเรานี่อึ้งเลย ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง เงินติดตัวก็มีอยู่ประมาณพันกว่าๆ ส่วนเงินเก็บเราก็ทำแค่สมุดบัญชีไม่ได้ทำบัตรatm ซึ่งมันก็อยู่ในห้องที่หอ บัตรเครดิตก็ไม่มีเพราะไม่เคยคิดจะทำ ตอนนั้นคือมืดแปดด้านไม่รู้จะทำยังไง อาการก็เริ่มไม่ไหว จนสุดท้ายเราเลยโทรหาพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องพี่สาวก็เลยรีบมาหาเราที่โรงพยาบาล จัดการทุกอย่างให้เรา (บางคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงไม่ย้ายไปโรงพยาบาลรัฐ คือตอนนั้นอาการเรามันแย่มากๆ แล้วถ้าไปโรงพยาบาลรัฐมันจะช้ารึเปล่า เขาจะรักษาได้ไหม หมอที่นั่นเขาจะดูแลเหมือนที่นี่ไหม คือเรามาหาหมอที่นี่ตลอดเขาดูแลดีมาก เราเลยกลัวว่าไปที่อื่นจะรอดูไหมตอนนั้นเราคิดแบบนี้จริงๆนะคะ ต้องขอโทษทางโรงพยาบาลรัฐด้วยนะคะ ตอนนั้นเรากลัวไปหมดทุกอย่างจริงๆ)
(มีต่อนะคะ)
ประสบการณ์ที่ทำให้มองประกันและบัตรเครดิตเปลี่ยนไป
เราเป็นคนต่างจังหวัดที่มาทำงานที่ กทม.เราเป็นคนที่ไม่ชอบงานขายประกันมากเวลาหางานเราจะมองข้ามงานส่วนนี้ไปและเวลามีคนขายประกันโทรเข้ามาเพื่อเสนอขายประกันเราจะค่อนข้างรำคาญและตัดบทด้วยคำพูดว่ามีประกันแล้วเสมอเช่นเดียวกับบัตรเครดิตเวลาไปธนาคารหรือมีคนโทรมาเราจะบอกว่าไม่สนใจหรือไม่ก็มีแล้ว เหตุผลคือเราคิดว่ามันไม่จำเป็น เรามีประกันสังคมของบริษัทอยู่แล้วเดี๋ยวอีกหน่อยค่อยทำก็ได้ ส่วนบัตรเครดิตเราคิดว่าไม่จำเป็นเราเป็นคนชอบใช้เงินสด เวลาจะซื้ออะไรก็เก็บเงินซื้อเอาเพราะเราก็มีเงินเก็บไว้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว มีบัตรเครดิตอาจทำให้ใช้เงินมากขึ้นจนเกิดเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดนั้น เราเกิดล้มป่วย ตอนแรกคือไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้สึกเหนื่อยง่าย เหมือนจะเป็นไข้ บางครั้งกินเผ็ดก็ปวดท้องจนล้มนอนในห้องน้ำ จึงไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลที่มีประกันสังคม คุณหมอก็บอกว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะเลยให้ยามากิน กินยาก็รู้สึกดีขึ้นแล้วมันก็หายไปประมาณ 3เดือน แต่ระหว่า3เดือนนั้นก็ยังมีอาการบ้างนะคะแต่เป็นแป๊บเดียวแล้วก็หายเราเลยไม่คิดอะไร
จนวันหนึ่งอยู่ดีๆเรานอนอยู่ในห้องเกิดรู้สึกเวียนหัว แน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก เราไอมาหลายวันแล้วด้วย จนเดินลงไปหาเจ้าของหอแล้วรบกวนให้เขาตามรถแท็กซี่ให้เพื่อไปโรงพยาบาล พอเราไปถึงโรงพยาบาลก็เข้าห้องฉุกเฉินพยาบาลก็ซักประวัติ คุณหมอก็มาตรวจ พอตรวจเสร็จก็บอกว่าเราน่าจะเป็นกรดไหลย้อน แต่ด้วยตอนนั้นเรามีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก เวียนหัวมาก คุณหมอเลยฉีดยาและจะให้นอนดูอาการทีโรงพยาบาลเพราะคุณหมอจะตรวจดูอีกครั้งเพราะอาการเราตอนนั้นคือมันแย่มากจริงๆ แล้วพยาบาลก็เดินมาถามเราว่ามีประกันหรือสิทธิ์อะไรไหมเราก็บอกมีประกันสังคมกับโรงพยาบาลนี้ พยาบาลก็ไปเช็ค ซักพักก็กลับมาบอกเราว่าประกันสังคมของเราใช้ไม่ได้ เราก็บอกว่าเมื่อ3เดือนก่อนเราก็ยังใช้อยู่ คุยกันไปคุยกันมาเราเลยบอกว่าเดี๋ยวเราขอถามบริษัทก่อน แล้วเราก็โทรไปหาบริษัทปรากฎว่าบริษัทไม่ได้นำส่งเงินประกันสังคมและเงินสมทบหลายเดือนแล้วเนื่องด้วยหมุนเงินไม่ทันเรานี่อึ้งเลย ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง เงินติดตัวก็มีอยู่ประมาณพันกว่าๆ ส่วนเงินเก็บเราก็ทำแค่สมุดบัญชีไม่ได้ทำบัตรatm ซึ่งมันก็อยู่ในห้องที่หอ บัตรเครดิตก็ไม่มีเพราะไม่เคยคิดจะทำ ตอนนั้นคือมืดแปดด้านไม่รู้จะทำยังไง อาการก็เริ่มไม่ไหว จนสุดท้ายเราเลยโทรหาพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องพี่สาวก็เลยรีบมาหาเราที่โรงพยาบาล จัดการทุกอย่างให้เรา (บางคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงไม่ย้ายไปโรงพยาบาลรัฐ คือตอนนั้นอาการเรามันแย่มากๆ แล้วถ้าไปโรงพยาบาลรัฐมันจะช้ารึเปล่า เขาจะรักษาได้ไหม หมอที่นั่นเขาจะดูแลเหมือนที่นี่ไหม คือเรามาหาหมอที่นี่ตลอดเขาดูแลดีมาก เราเลยกลัวว่าไปที่อื่นจะรอดูไหมตอนนั้นเราคิดแบบนี้จริงๆนะคะ ต้องขอโทษทางโรงพยาบาลรัฐด้วยนะคะ ตอนนั้นเรากลัวไปหมดทุกอย่างจริงๆ)
(มีต่อนะคะ)