สวัสดีพี่ๆน้องๆชาวห้องสินธรทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ
วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับผมเลยอยากจะมาแชร์อุทาหรณ์และประสบการณ์ของคนที่เคยเห็นตลาดหุ้นเป็นบ่อน เคยเสียเงิน 270,000 บาท ตอนอายุ 23 (คิดเป็นประมาณ -60% ของพอร์ตรวม ณ ตอนนั้น) ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ และเล่าวิธีที่ผมใช้ในการแก้พอร์ตที่เกือบระเบิดนั้นจนหลุดดอย
ขอเท้าความก่อนว่าผมเจ๊งเพราะโลภ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 62 หุ้นในพอร์ตผม tanked มากถึง -80% ในวันเดียว (เพราะเป็นหุ้นในตลาด AIM ของอังกฤษ ไม่มีฟลอร์) เป็นหุ้น startup บริษัทยาที่เคนดิเดตสินค้าตัวเดียว (ยาปฏิชีวนะ) ไม่ผ่านการรับรองโดย USFDA (อย.สหรัฐฯ) เลยเกิดการเทกระจาดขายทุกราคา (คือถ้ามันผ่านการรับรอง หุ้นก็คงขึ้นหลายเด้งเหมือนกัน ผมเดา) ถ้าใครสนใจอยากรู้ว่าตอนนั้นผมแย่แค่ไหน ผมเคยเขียนไว้ที่นี่
https://ppantip.com/topic/39901324/comment95
วันนี้ไม่อยากจะโฟกัสที่เรื่องเจ๊ง แต่วิธีที่ผมใช้แก้พอร์ตมากกว่า คือแน่นอนว่าหลังจากเจ๊งใหม่ๆในหัวผมมีอย่างเดียวคือ 'อยากตามคืน' หรือ 'chase my loss' คิดหาแต่หุ้นปั่นที่จะทำให้เรามีกำไรวันละ +30%, +40% และก็หลอกตัวเองว่าทำแบบนี้ได้แค่ 4 วันก็คงหลุดดอยแล้ว โชคดีที่ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องตลาดอนุพันธ์หรือ Contract for Differences (CFD) trading ซึ่งถ้าผมรู้มันจะต้องเติมเชื้อไฟให้ผีพนันในตัวผมอย่างแน่นอน
โชคดีชั้นที่สองคือผมเอาชนะความอยากตามคืนนี้ได้ (สำหรับนักพนันก็คงรู้ๆกันว่ามันยากพอสมควร ไม่งั้นคงไม่มีคนหมดตัวเพราะการพนัน) และกลับมาคิดได้ว่าแค้นนี้ กลับมาชำระ 10 ปีก็ไม่สาย คือกลับมาตามคืนตอนที่ทุนเรามาก เปรียบเสมือนเอาช้าง (พอร์ตใหญ่ๆ) มาไล่หนู (เงินที่เจ๊ง) ดีกว่าเอาหนู (พอร์ตเล็กๆ) มาไล่หนูด้วยกันเอง ซึ่งเท่ากับต้องไป trade หุ้นปั่น หุ้นเสี่ยงสูงๆ ฯลฯ
คิดได้ดังนี้ผมก็เลยตัดสินใจเลิกซื้อหุ้นเด็ดขาด (เพราะไม่เคยมีกำไรเลยนับตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นที่ไทยปี 60 ยัน มาเล่นหุ้นต่างประเทศ) ยอมรับสภาพว่าเราไม่เก่ง ไม่ใช่เซียนหุ้น ไม่มีเวลาศึกษา และเอาเงินที่เหลืออยู่ค่อยๆทยอยซื้อกองทุนรวม ผมเปิด morningstar.co.uk ดูว่ากองทุนไหนในอังกฤษที่ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีดีที่สุดและเราสามารถซื้อผ่านโบรกเกอร์ได้ ผมเลือกเอา top 3 มาโดยไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็น sector ไหน (สำหรับใครที่อยากรู้ 1. กองทุน US Growth, 2. กองทุนหุ้นจีน 3. กองทุนกลุ่ม World Technology) และสะสมซื้อแบบ DCA โดยตัดจากแบงค์อัตโนมัติเดือนละ 40,000-50,000 บาท เพื่อไปเฉลี่ยซื้อกองละเท่าๆกัน วันที่ 10 ของทุกเดือนนับตั้งแต่ มี.ค. 62
ผมพยายามยุ่งกับพอร์ตให้น้อยที่สุด เพราะผมเป็นตัวซวย คือเมื่อไหร่ไปยุ่งกับพอร์ตเมื่อนั้นผมจะขาดทุน เลยพยายามลืมๆมันไป ช่วงแรกๆตอนไปเช็คพอร์ตก็แอบซึมเพราะเราได้กำไรจากกองทุนมาแค่หลักพัน แต่เหลือขาดทุนหลายแสน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าย้อนกลับไปโลภเหมือนเดิมก็คงจะกลับไปเจ๊งแบบเดิมแน่นอน 100%
วันนี้ผ่านวันที่ผมเจ๊งมาประมาณ 1ปีครึ่ง และเป็นวันแรกที่พอร์ตผมกลับมาเขียว ขอขอบคุณหุ้น Tesla, Amazon, Wayfair, Shopify, Netflix, Apple, Microsoft, Alibaba, Tencent, NetEase, Meituan Dianping, JD.com และอื่นๆที่ทำให้ผมมีวันนี้ ใครที่เจ๊งผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้าผมกลับมาได้ ท่านก็กลับมาได้แน่นอน เพราะผมไม่ได้ใช้ความสามารถใดๆเลย ผมเพียงแต่เอาชนะใจตัวเองในตอนนั้นได้เท่านั้น
รีวิว การแก้พอร์ต -270,000 บาท (-60%) ด้วย DCA กองทุน
วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับผมเลยอยากจะมาแชร์อุทาหรณ์และประสบการณ์ของคนที่เคยเห็นตลาดหุ้นเป็นบ่อน เคยเสียเงิน 270,000 บาท ตอนอายุ 23 (คิดเป็นประมาณ -60% ของพอร์ตรวม ณ ตอนนั้น) ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ และเล่าวิธีที่ผมใช้ในการแก้พอร์ตที่เกือบระเบิดนั้นจนหลุดดอย
ขอเท้าความก่อนว่าผมเจ๊งเพราะโลภ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 62 หุ้นในพอร์ตผม tanked มากถึง -80% ในวันเดียว (เพราะเป็นหุ้นในตลาด AIM ของอังกฤษ ไม่มีฟลอร์) เป็นหุ้น startup บริษัทยาที่เคนดิเดตสินค้าตัวเดียว (ยาปฏิชีวนะ) ไม่ผ่านการรับรองโดย USFDA (อย.สหรัฐฯ) เลยเกิดการเทกระจาดขายทุกราคา (คือถ้ามันผ่านการรับรอง หุ้นก็คงขึ้นหลายเด้งเหมือนกัน ผมเดา) ถ้าใครสนใจอยากรู้ว่าตอนนั้นผมแย่แค่ไหน ผมเคยเขียนไว้ที่นี่ https://ppantip.com/topic/39901324/comment95
วันนี้ไม่อยากจะโฟกัสที่เรื่องเจ๊ง แต่วิธีที่ผมใช้แก้พอร์ตมากกว่า คือแน่นอนว่าหลังจากเจ๊งใหม่ๆในหัวผมมีอย่างเดียวคือ 'อยากตามคืน' หรือ 'chase my loss' คิดหาแต่หุ้นปั่นที่จะทำให้เรามีกำไรวันละ +30%, +40% และก็หลอกตัวเองว่าทำแบบนี้ได้แค่ 4 วันก็คงหลุดดอยแล้ว โชคดีที่ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องตลาดอนุพันธ์หรือ Contract for Differences (CFD) trading ซึ่งถ้าผมรู้มันจะต้องเติมเชื้อไฟให้ผีพนันในตัวผมอย่างแน่นอน
โชคดีชั้นที่สองคือผมเอาชนะความอยากตามคืนนี้ได้ (สำหรับนักพนันก็คงรู้ๆกันว่ามันยากพอสมควร ไม่งั้นคงไม่มีคนหมดตัวเพราะการพนัน) และกลับมาคิดได้ว่าแค้นนี้ กลับมาชำระ 10 ปีก็ไม่สาย คือกลับมาตามคืนตอนที่ทุนเรามาก เปรียบเสมือนเอาช้าง (พอร์ตใหญ่ๆ) มาไล่หนู (เงินที่เจ๊ง) ดีกว่าเอาหนู (พอร์ตเล็กๆ) มาไล่หนูด้วยกันเอง ซึ่งเท่ากับต้องไป trade หุ้นปั่น หุ้นเสี่ยงสูงๆ ฯลฯ
คิดได้ดังนี้ผมก็เลยตัดสินใจเลิกซื้อหุ้นเด็ดขาด (เพราะไม่เคยมีกำไรเลยนับตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นที่ไทยปี 60 ยัน มาเล่นหุ้นต่างประเทศ) ยอมรับสภาพว่าเราไม่เก่ง ไม่ใช่เซียนหุ้น ไม่มีเวลาศึกษา และเอาเงินที่เหลืออยู่ค่อยๆทยอยซื้อกองทุนรวม ผมเปิด morningstar.co.uk ดูว่ากองทุนไหนในอังกฤษที่ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีดีที่สุดและเราสามารถซื้อผ่านโบรกเกอร์ได้ ผมเลือกเอา top 3 มาโดยไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็น sector ไหน (สำหรับใครที่อยากรู้ 1. กองทุน US Growth, 2. กองทุนหุ้นจีน 3. กองทุนกลุ่ม World Technology) และสะสมซื้อแบบ DCA โดยตัดจากแบงค์อัตโนมัติเดือนละ 40,000-50,000 บาท เพื่อไปเฉลี่ยซื้อกองละเท่าๆกัน วันที่ 10 ของทุกเดือนนับตั้งแต่ มี.ค. 62
ผมพยายามยุ่งกับพอร์ตให้น้อยที่สุด เพราะผมเป็นตัวซวย คือเมื่อไหร่ไปยุ่งกับพอร์ตเมื่อนั้นผมจะขาดทุน เลยพยายามลืมๆมันไป ช่วงแรกๆตอนไปเช็คพอร์ตก็แอบซึมเพราะเราได้กำไรจากกองทุนมาแค่หลักพัน แต่เหลือขาดทุนหลายแสน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าย้อนกลับไปโลภเหมือนเดิมก็คงจะกลับไปเจ๊งแบบเดิมแน่นอน 100%