นอกจากเจ้าเก่าอย่าง SM JYP และ YG แล้ว Big Hit Entertainment น้องใหม่ป้ายแดงของกลุ่ม ‘Big 4’ ก็มีผลงานที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน!
ตั้งแต่ในอดีต บริษัทอย่าง ‘SM Entertainment’ ‘ JYP Entertainment’ และ ‘YG Entertainment’ คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ที่มีการสั่งสะสมทั้งชื่อเสียง และความสำเร็จมากอย่างยาวนาน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘Big 3’ ของวงการไอดอลเคป๊อป หรือผู้นำที่มีความสามารถในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอดอลมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ‘BTS’ ได้เติบโตขึ้น และสามารถจุดกระแส รวมถึงสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการไอดอลเคป๊อปได้เป็นผลสำเร็จ ส่งผลให้ต้นสังกัดอย่าง ‘Big Hit Entertainment’ เริ่มได้รับการพูดถึงในเชิงเดียวกันกับอีก 3 ค่ายยักษ์ใหม่ และได้รับการกล่าวรวมในฐานะ ‘Big 4’ อย่าง (ไม่) เป็นทางการมากขึ้นเรื่อย ๆ
และในเวลานี้ ที่ครึ่งปีแรกของปี 2020 ได้จบลงอย่างเป็นทางการ เราจึงอยากจะพาทุกคนย้อนกลับไปชมเรื่องราวความสำเร็จที่ ‘Big 4’ ได้สร้างขึ้น ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิท 19 ก็ตาม
1. SM Entertainment
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ค่ายยักษ์ใหญ่สีชมพูนี้สร้างรายได้ได้กว่า 6.4 พันล้านวอน (หรือกว่า 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) โดยแม้ว่าตารางการทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินในค่ายจะถูกยกเลิก เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาด แต่ SM Entertainment ก็ยังคงส่งตารางงานอันแสนยุ่งให้กับศิลปินในค่าย เพื่อให้ได้มีโอกาสพบกับแฟน ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่จะเป็นทั้งการคัมแบ็คในนามวง การเปิดตัวซับยูนิต และการออกโซโล่ ศิลปินในสังกัด SM Entertainment มีการเดินสายออกงานตลอดเวลา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศิลปิน อย่าง EXO, Girls’ Generation, Red Velvet, และ NCT (ทั้งยูนิต 127 และยูนิต Dream) ที่สมาชิกในวงทุกคนล้วนมีตารางงานเดียวของตัวเอง และด้วยเหตุนี้เอง การทำงานอย่างหนักของกลุ่มศิลปินเหล่านี้ส่งผลให้ SM Entertainment ได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง และคุ้มค่ากับการลงทุนมาโดยตลอด
2. JYP Entertainment
ในบรรดาค่าย ‘Big 4’ ค่ายที่สามารถเรียกได้ว่ามีความโดดเด่น และเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์ผลงานให้กับเกิร์ลกรุ๊ปมากที่สุดนั้นแน่นอนว่า คือ JYP Entertainment และในครึ่งปีแรกของปี 2020 นี้ JYP Entertainment มีรายได้เข้าบริษัทกว่า 1.92 หมื่นล้านวอน (หรือกว่า 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) จากการส่งศิลปินในค่ายคัมแบ็คอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีแรก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการคัมแบ็คของ TWICE และ ITZY ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม รวมถึงการเปิดตัวเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่อย่าง ‘NiziU’ วงสัญชาติญี่ปุ่นล้วนที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ JYP Entertainment ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงท่ามกลางปัญหาโรคระบาด
3. YG Entertainment
ค่ายที่ต้องพบกับมรสุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดก็สามารถกลับมาผงาดในวงการได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้งคือ YG Entertainment ซึ่งในครึ่งปีแรกของปี 2020 นี้ บริษัทสามารถทำรายได้ได้กว่า 2 ร้อยล้านวอน (หรือเกือบ 2 แสนดอลล่าร์สหรัฐฯ) จากการคัมแบ็คของศิลปินในค่ายอย่าง BLACKPINK และการเดบิวต์ของบอยกรุ๊ปน้องใหม่แกะกล่องอย่าง TREASURE
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2020 ศิลปินในค่ายต่างมีกำหนดการคัมแบ็คมากมายทั้งในนามวงและนามเดี่ยว ในหลากหลายสายงานไม่ว่าจะเป็นงานเพลง และงานละคร ด้วยเหตุนั้น สาธารณะชนต่างคาดหวังที่จะเห็นจำนวนรายได้ในช่วงครั้งปีหลังของ YG Entertainment อย่างใจจดใจจ่อ
4. Big Hit Entertainment
และสุดท้าย น้องใหม่แห่ง ‘Big 4’ อย่าง Big Hit Entertainment สามารถสร้างรายได้ได้เกือบ 5 หมื่นล้านวอน (หรือเกือบ 42 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 นอกจากนี้ จากการรายงาน Big Hit Entertainment กำลังอยู่ในช่วงของการขยับขยายบริษัทในหลาย ๆ ภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มฐานศิลปินในค่ายให้เข้มแข็งมากขึ้น ด้วยการควบรวมกิจการกับค่าย Source Music Entertainment (ค่ายต้นสังกัด GFRIEND) และ Pledis Entertainment (ค่ายต้นสังกัดศิลปินมากมายทั้ง SEVENTEEN และอื่น ๆ)
นอกเหนือจากกลยุทธ์การควบรวมกิจการแล้ว ข่าวคราวการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวจาก Big Hit Entertainment ที่ผู้เชี่ยวชาญมากมายกำลังให้ความสนใจ รวมถึงยังคาดการณ์อัตราการเติบโต และความสำเร็จอีกมากมายในอนาคตที่ Big Hit Entertainment จะสามารถทำได้
สรุปรายได้ครึ่งปีแรก
1. Big Hit Entertainment — 5 หมื่นล้านวอน (หรือเกือบ 42 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ)
2. JYP Entertainment — 1.92 หมื่นล้านวอน (หรือกว่า 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ)
3. SM Entertainment — 6.4 พันล้านวอน (หรือกว่า 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ)
4. YG Entertainment — 2 ร้อยล้านวอน (หรือเกือบ 2 แสนดอลล่าร์สหรัฐฯ)
ที่มา :
http://popcornfor2.com/m/detail?id=115881
[K-POP] และนี่คือความสำเร็จที่บรรดา ‘Big 4 Entertainment Agencies’ สามารถทำได้ในครึ่งปีแรกของปี 2020
ตั้งแต่ในอดีต บริษัทอย่าง ‘SM Entertainment’ ‘ JYP Entertainment’ และ ‘YG Entertainment’ คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ที่มีการสั่งสะสมทั้งชื่อเสียง และความสำเร็จมากอย่างยาวนาน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘Big 3’ ของวงการไอดอลเคป๊อป หรือผู้นำที่มีความสามารถในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอดอลมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ‘BTS’ ได้เติบโตขึ้น และสามารถจุดกระแส รวมถึงสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการไอดอลเคป๊อปได้เป็นผลสำเร็จ ส่งผลให้ต้นสังกัดอย่าง ‘Big Hit Entertainment’ เริ่มได้รับการพูดถึงในเชิงเดียวกันกับอีก 3 ค่ายยักษ์ใหม่ และได้รับการกล่าวรวมในฐานะ ‘Big 4’ อย่าง (ไม่) เป็นทางการมากขึ้นเรื่อย ๆ
และในเวลานี้ ที่ครึ่งปีแรกของปี 2020 ได้จบลงอย่างเป็นทางการ เราจึงอยากจะพาทุกคนย้อนกลับไปชมเรื่องราวความสำเร็จที่ ‘Big 4’ ได้สร้างขึ้น ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิท 19 ก็ตาม
1. SM Entertainment
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ค่ายยักษ์ใหญ่สีชมพูนี้สร้างรายได้ได้กว่า 6.4 พันล้านวอน (หรือกว่า 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) โดยแม้ว่าตารางการทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินในค่ายจะถูกยกเลิก เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาด แต่ SM Entertainment ก็ยังคงส่งตารางงานอันแสนยุ่งให้กับศิลปินในค่าย เพื่อให้ได้มีโอกาสพบกับแฟน ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่จะเป็นทั้งการคัมแบ็คในนามวง การเปิดตัวซับยูนิต และการออกโซโล่ ศิลปินในสังกัด SM Entertainment มีการเดินสายออกงานตลอดเวลา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศิลปิน อย่าง EXO, Girls’ Generation, Red Velvet, และ NCT (ทั้งยูนิต 127 และยูนิต Dream) ที่สมาชิกในวงทุกคนล้วนมีตารางงานเดียวของตัวเอง และด้วยเหตุนี้เอง การทำงานอย่างหนักของกลุ่มศิลปินเหล่านี้ส่งผลให้ SM Entertainment ได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง และคุ้มค่ากับการลงทุนมาโดยตลอด
2. JYP Entertainment
ในบรรดาค่าย ‘Big 4’ ค่ายที่สามารถเรียกได้ว่ามีความโดดเด่น และเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์ผลงานให้กับเกิร์ลกรุ๊ปมากที่สุดนั้นแน่นอนว่า คือ JYP Entertainment และในครึ่งปีแรกของปี 2020 นี้ JYP Entertainment มีรายได้เข้าบริษัทกว่า 1.92 หมื่นล้านวอน (หรือกว่า 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) จากการส่งศิลปินในค่ายคัมแบ็คอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีแรก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการคัมแบ็คของ TWICE และ ITZY ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม รวมถึงการเปิดตัวเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่อย่าง ‘NiziU’ วงสัญชาติญี่ปุ่นล้วนที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ JYP Entertainment ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงท่ามกลางปัญหาโรคระบาด
3. YG Entertainment
ค่ายที่ต้องพบกับมรสุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดก็สามารถกลับมาผงาดในวงการได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้งคือ YG Entertainment ซึ่งในครึ่งปีแรกของปี 2020 นี้ บริษัทสามารถทำรายได้ได้กว่า 2 ร้อยล้านวอน (หรือเกือบ 2 แสนดอลล่าร์สหรัฐฯ) จากการคัมแบ็คของศิลปินในค่ายอย่าง BLACKPINK และการเดบิวต์ของบอยกรุ๊ปน้องใหม่แกะกล่องอย่าง TREASURE
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2020 ศิลปินในค่ายต่างมีกำหนดการคัมแบ็คมากมายทั้งในนามวงและนามเดี่ยว ในหลากหลายสายงานไม่ว่าจะเป็นงานเพลง และงานละคร ด้วยเหตุนั้น สาธารณะชนต่างคาดหวังที่จะเห็นจำนวนรายได้ในช่วงครั้งปีหลังของ YG Entertainment อย่างใจจดใจจ่อ
4. Big Hit Entertainment
และสุดท้าย น้องใหม่แห่ง ‘Big 4’ อย่าง Big Hit Entertainment สามารถสร้างรายได้ได้เกือบ 5 หมื่นล้านวอน (หรือเกือบ 42 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 นอกจากนี้ จากการรายงาน Big Hit Entertainment กำลังอยู่ในช่วงของการขยับขยายบริษัทในหลาย ๆ ภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มฐานศิลปินในค่ายให้เข้มแข็งมากขึ้น ด้วยการควบรวมกิจการกับค่าย Source Music Entertainment (ค่ายต้นสังกัด GFRIEND) และ Pledis Entertainment (ค่ายต้นสังกัดศิลปินมากมายทั้ง SEVENTEEN และอื่น ๆ)
นอกเหนือจากกลยุทธ์การควบรวมกิจการแล้ว ข่าวคราวการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวจาก Big Hit Entertainment ที่ผู้เชี่ยวชาญมากมายกำลังให้ความสนใจ รวมถึงยังคาดการณ์อัตราการเติบโต และความสำเร็จอีกมากมายในอนาคตที่ Big Hit Entertainment จะสามารถทำได้
สรุปรายได้ครึ่งปีแรก
1. Big Hit Entertainment — 5 หมื่นล้านวอน (หรือเกือบ 42 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ)
2. JYP Entertainment — 1.92 หมื่นล้านวอน (หรือกว่า 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ)
3. SM Entertainment — 6.4 พันล้านวอน (หรือกว่า 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ)
4. YG Entertainment — 2 ร้อยล้านวอน (หรือเกือบ 2 แสนดอลล่าร์สหรัฐฯ)
ที่มา : http://popcornfor2.com/m/detail?id=115881