"การที่เราเชื่อในสิ่งที่เราศรัทธา" ไม่ว่าเราจะอยู่ในทุกๆศาสนา หรือทุกๆบุรุษผู้ปราดเปรื่อง...เราพลิกมาเป็น "เราจะ
เคารพในสิ่งที่เราศรัทธา" แต่เรา "จะ
เชื่อในตัวเองนี่คือสิ่งสุด" ...อย่างนี้ท่านเห็นว่าอย่างไร?
ปัญหาที่ดูซับซ้อน "มีปมใหญ่ตรงจุดนี้" เป็นเงื่อนแรกคือเรา
"เชื่อสิ่งอื่นมากกว่า เชื่อตนเอง" มนุษย์ทุกๆคนไม่มีใครวิเศษกว่ากัน แลทุกคนก็มีสิ่งสูงสุดอยู่ในตนหมดทุกคนไม่ต่างจากศาสดา รือนักปราชญ์ทั้งหลาย
แต่จริงๆเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา แต่เพราะคนเป็นอย่างนั้นน้อย เราจึงให้ค่าไว้สูง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงสมมุติของสังคมมนุษย์เอง เหมือนกับให้ค่าทองคำมากกว่าหินหน้าบ้านเรา คุณค่าแท้จริงมันก็เท่ากันเป็นสิ่งนอนนิ่งในโลก ในผืนดินเดียวกัน เพียงแต่มนุษย์ไปหยิบมาปรุงแต่ง...แต่เราคงไว้ซึ่งการ
"เคารพท่าน" ที่มาก่อนเรามอบดวงตาแก่เรา
ผมเห็นว่าควรต้อง
"กล้าและอย่ากลัว" จะ "ผิดรือถูกไม่เป็นไร" เพราะเรารับผิดชอบชะตากรรมเราเองอยู่แล้วไม่ว่าเราจะเชื่อสิ่งอื่นอยู่ดี
แต่ปมใหญ่ต่อมาคือ
"เมื่อเราเผชิญความไม่รู้หรือสับสนในตน เราจะไปเอาความเชื่อทิ้งไปให้สิ่งอื่น" แต่ทั้งๆที่ต้อง
รับผิดชอบผลเองเหมือนเดิมเต็มที่ ซึ่งดูย้อนแย้งในตัว แต่นี่คือสถานการณ์จริงที่เป็นมาตลอดในสังคม
สิ่งที่ดูยุ่งยากแต่แท้จริงแล้วนั้นเรียบง่ายอย่างที่เห็น ท่านเห็นด้วยว่าอย่างไร? เพียงแต่เราถูกหล่อหลอมจากระบบสังคมที่สร้างมายาภาพแก่เรา
ลดถอนเราจากมนุษย์เป็นเพียงเครื่องจักรในสังคม เพียงแต่เรากลับมาเอาคืนความเป็นมนุษย์ที่มีอิสระเสรีก่อน แล้วเรื่องการ..."แสวงหาสัจธรรมของท่านจะง่ายยิ่ง"
... เขียนระลึกแด่มิตรที่เราไม่เคยพบพาน...
ความเชื่อแลศรัทธาที่แท้จริง...สายชล
ปัญหาที่ดูซับซ้อน "มีปมใหญ่ตรงจุดนี้" เป็นเงื่อนแรกคือเรา "เชื่อสิ่งอื่นมากกว่า เชื่อตนเอง" มนุษย์ทุกๆคนไม่มีใครวิเศษกว่ากัน แลทุกคนก็มีสิ่งสูงสุดอยู่ในตนหมดทุกคนไม่ต่างจากศาสดา รือนักปราชญ์ทั้งหลาย แต่จริงๆเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา แต่เพราะคนเป็นอย่างนั้นน้อย เราจึงให้ค่าไว้สูง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงสมมุติของสังคมมนุษย์เอง เหมือนกับให้ค่าทองคำมากกว่าหินหน้าบ้านเรา คุณค่าแท้จริงมันก็เท่ากันเป็นสิ่งนอนนิ่งในโลก ในผืนดินเดียวกัน เพียงแต่มนุษย์ไปหยิบมาปรุงแต่ง...แต่เราคงไว้ซึ่งการ "เคารพท่าน" ที่มาก่อนเรามอบดวงตาแก่เรา
ผมเห็นว่าควรต้อง "กล้าและอย่ากลัว" จะ "ผิดรือถูกไม่เป็นไร" เพราะเรารับผิดชอบชะตากรรมเราเองอยู่แล้วไม่ว่าเราจะเชื่อสิ่งอื่นอยู่ดี
แต่ปมใหญ่ต่อมาคือ "เมื่อเราเผชิญความไม่รู้หรือสับสนในตน เราจะไปเอาความเชื่อทิ้งไปให้สิ่งอื่น" แต่ทั้งๆที่ต้องรับผิดชอบผลเองเหมือนเดิมเต็มที่ ซึ่งดูย้อนแย้งในตัว แต่นี่คือสถานการณ์จริงที่เป็นมาตลอดในสังคม
สิ่งที่ดูยุ่งยากแต่แท้จริงแล้วนั้นเรียบง่ายอย่างที่เห็น ท่านเห็นด้วยว่าอย่างไร? เพียงแต่เราถูกหล่อหลอมจากระบบสังคมที่สร้างมายาภาพแก่เรา ลดถอนเราจากมนุษย์เป็นเพียงเครื่องจักรในสังคม เพียงแต่เรากลับมาเอาคืนความเป็นมนุษย์ที่มีอิสระเสรีก่อน แล้วเรื่องการ..."แสวงหาสัจธรรมของท่านจะง่ายยิ่ง"
... เขียนระลึกแด่มิตรที่เราไม่เคยพบพาน...