.
ถนน
Baldwin Street ตั้งอยู่ในเมือง
Dunedin ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์
มีความโดดเด่นมากที่สุดจากการเป็นถนนที่ชันที่สุดในโลก มีความยาวถนน 350 เมตร
เริ่มต้นด้วยความลาดชันปานกลาง จากนั้นปีนไต่ระดับขึ้นไปที่สูงชันที่สุด
มีความชันสูงสุด 1: 2.86 หรือ 19 องศาหรืออีกนัยหนึ่งว่า
ถนนจะสูงขึ้น 1 เมตรทุก ๆ 2.86 เมตรที่ถ้าเดินทางในแนวนอน
ถนนสูงชันมากจนต้องปูพื้นด้านบนด้วยคอนกรีตแทนยางมะตอย
เพราะในวันที่อากาศอบอุ่น น้ำมันดินจะไหลลงมาตามทางลาดชัน
ในวันที่อากาศหนาวเย็นหรือมีหิมะก็ยิ่งทำให้ถนนลื่น
ถนนลื่นเป็นอันตรายเพราะล้อรถยนต์ไม่มีความต้านทาน/เสียดสี ทำให้เบรคไม่อยู่
Baldwin Street ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองที่อยู่อาศัยของ
North East Valley
ไปทางตะวันออกจากหุบเขาของ Lindsay Creek
ขึ้นไปทาง
Signal Hill ไปทาง
Opoho สูงขึ้นประมาณ 70 เมตรตามความยาว
จึงต้องสร้างความลาดชันโดยเฉลี่ยมากกว่า 1: 5 เล็กน้อย
ต้นทางถนนจะมีความชันพอประมาณ และพื้นผิวเป็นยางมะตอย
แต่ทางต้นทางถนนด้านบนมีความชันกว่ามากจึงต้องทำเป็นพื้นคอนกรีต
ความสูงชันที่ผิดปกติของถนน เป็นผลมาจากการวางแผนที่ไม่ดี
ของ
Charles Kettle นักวางผังเมืองในลอนดอน ซึ่งไม่ทราบถึงภูมิประเทศของเมือง
(ไม่ได้ลงมาดูพื้นที่จริง ออกแบบในกระดาษเลย)
ได้จัดวางถนนในรูปแบบตารางโดยไม่คำนึงถึงภูมิประเทศ
ส่งผลให้มีถนนหลายสายที่รถยนต์จอดอยู่บนเนินเขาที่สูงชันมาก
ถนน Baldwin Street จึงกลายเป็นถนนที่ชันที่สุด
ได้ชื่อตาม
William Baldwin สมาชิกสภาทัองถิ่นเขต Otago
ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์/ผู้เสนอให้แบ่งเขตทัองถิ่นแห่งนี้ขึ้นมา
ถนนอื่น ๆ ที่วิ่งคู่ขนานกับถนน Baldwin Street ก็ค่อนข้างชันเช่นกัน
Arnold Street (1: 3.6), Dalmeny Street (1: 3.7) และ Calder Avenue (1: 5.4)
วันที่ 16 กรกฏาคม 2019
Baldwin Street ต้องเสียตำแหน่งชันที่สุด 35%
ให้กับ
Ffordd Pen Llech ที่ชัน 37.45%
Street in Wales wins record for world's steepest
.
เรื่องนี้ทำให้ Dougal McGowan ประธานหอการค้า Otago
วิตกว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมน้อยลงกว่าเดิม
" แต่ชาวบ้านที่พักอาศัยบางคนกลับชื่นชอบเรี่องนี้
เพราะไร้นักท่องเที่ยวที่มาเหยียบย่ำต้นไม้ใบใบหญ้าในสวนของบ้านตน "
แต่ Dave Cull นายกเทศมนตรี Mayor of Dunedin
กล่าวว่า ทาง Dunedin City Council อาจจะต้องปรับเปลี่ยนข้อความ
ถนนชันที่สุดในโลกแถบซีกโลกภาคใต้ แทนซะแล้ว
วันที่ 8 เมษายน 2020
หลังจากชาวบ้าน Dunedin หลายคนอุทธรณ์เรื่องนี้
โดยมี Toby Stoff นักสำรวจเป็นแกนนำชาวบ้านในเรื่องนี้
ระบุว่าความชันของถนนต้องวัดไปตามเส้นแนวกลางถนน
ดังนั้น Ffordd Pen Llech จะมีความชันเพียง 28.6%
แต่ Baldwin Street มีความชันถึง 34.8%
ทำให้ถนนสายที่ชันที่สุดในโลกกลับมาเป็นของ Baldwin Street
ปัจจุบันชาวเมือง Dunedin มีความภาคภูมิใจในชื่อเสียงของ Baldwin Street
ทุกฤดูร้อนจะมีการจัดกิจกรรมการกุศลและการแข่งขันบนท้องถนน
โดยจัดให้เป็นเทศกาลประจำปีใน Dunedin
ชื่อ Baldwin Street Gutbuster เริ่มขึ้นในปี 1988
คือ การออกกำลังกายด้วยการวิ่งจากด้านล่างไปกลับด้านบน
มีผู้เข้าแข่งขันหลายร้อยคน สถิติที่ดีที่สุดคือ 1:56 นาที
เดือนมีนาคม 2001
นักศึกษาสาววัย 19 ปี ของ University of Otago
ตายเพราะเธอกับเพื่อนพยายามทำสถิติ
ด้วยการอยู่ในถังขยะแล้วให้กลิ้งลงมาด้านล่าง
แต่โชคร้ายถังขยะชนเข้ากับรถบรรทุกที่จอดอยู่กับที่
ทำให้เธอตาย ขณะที่เพื่อนอีกคนบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ
ตั้งแต่ปี 2002 มีการบริจาคการกุศลทุกปี
ด้วยขนม Jaffa มากกว่า 30,000 ลูกกลิ้งลงมาแข่งกันว่า ของใครถึงเส้นชัยก่อน
Jaffas (ขนมรูปกลมเคลือยด้วย chocolate)
โดยขนมแต่ละลูกจะมีผู้สนับสนุนเงินบริจาค
พร้อมกับรางวัลและเงินทุนสนับสนุนเพื่อการกุศล
ก่อนหน้านี้ในปี 1998
มีประเพณีโยนลูกเทนนิส 2,000 ลูกแข่งกัน
ที่ได้รับเงินสนับสนุนบริจาคให้กับ
Habitat for Humanity
2 มกราคม 2010
Ian Soanes นักแสดงผาดโผนแทนพระเอก
ขับรถเครื่อง(จักรยานยนต์)ล้อเดียวลงมาจาก Baldwin Street
26 มกราคม 2018
Harry Willis วัย 11 ขวบ ระดมทุนได้มากกว่า $11,000 NZD
ให้กับ Ronald McDonald House ใน Christchurch
เดินขึ้นบนถนนด้วย pogo stick กินเวลาราว 10 นาที
และมีการจารึกผลงานครั้งนี้ไว้ที่ด้านบนสุดของถนน
Pogo stick record attempt up the world's steepest street (Dunedin, NZ)
.
10 มกราคม 2019
มีชายคนหนึ่งขับขี่ Lime scooter ลงจากถนน Baldwin St
วันเดียวกับที่มีการนำเสนอสินค้านี้ที่ Dunedin
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา Dave Cull นายกเทศมนตรี Dunedin
ได้กล่าวตำหนิว่า คนสติดีคงรู้ดีว่า ไม่ควรใช้ scooters
ขับลงมาจากถนนชันที่สุดในโลก
Lime scooter
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2QnOyig
https://bit.ly/32kt8Za
https://bit.ly/2FUqx0q
https://bit.ly/2ErsIbf
.
125 Years of the Pilatus Cogwheel Railway | Euromaxx
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
เซนเซ(อาจารย์) ชาวญี่ปุ่นมักจะสอนว่า
ให้ไปอยู่ในสถานที่จริงทุกครั้ง
เวลาจะวินิจฉัยหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
โรงงาน SMEs ของไทยรายหนึ่ง
ผลิตสินค้าส่งโรงงานประกอบรถยนต์ญี่ปุ่นในไทย
ปรากฎว่าสินค้าตก QC มาตลอด
จนจะเลิกต่อสัญญาการเป็นผู้ผลิตให้แล้ว
นักวินิจฉัยญี่ปุ่นจึงไปที่โรงงานแห่งนึ้
ปรากฎว่าเจ้าของ/หัวหน้าคนงานดื้อตาใส
การทำงานยังใช้ระบบนิ้ววัดชิ้นงาน
เพราะรับงานจากหลายเจ้ายังเป็นระบบนิ้ว
จึงใช้วัดก่อนแปลงเป็นระบบเซนติเมตรเพื่อผลิต
ผลคือสินค้าคลาดเคลื่อนตลอดเวลาผลิต
จึงต้องสรุปให้เปลี่ยนมาตรวัดเป็นเซนติเมตร
สินค้าจึงผ่าน QC ตลอดในระยะหลัง
การสร้างถนนในเมืองไทยมักจะมีปัญหากับชาวบ้าน
เพราะถนนบางสายมีการถมถนนให้สูงกว่าหลังคาบ้านชาวบ้าน
บางแห่งกำแพงวัด/บ้านชาวบ้านอยู่ต่ำกว่าท้องถนน
สาเหตุจากการออกแบบถนนให้มีความเรียบเสมอกัน
โดยคนออกแบบนั่งออกแบบบนโต๊ะสำนักงาน
ไม่ยอมออกไปดูพื้นที่จริงว่าเป็นอย่างไร
ทำให้เวลาก่อสร้างถนนหลายสายในสยาม
จึงมีการถมเต็มที่ จัดเต็มที่ ให้ถนนเรียบตลอดสาย
ถนนจะสูงกว่าบ้านชาวบ้าน ก็ชั่งชาวบ้านปะไร
ผู้รับเหมาก่อสร้างก็ไม่ยอมแก้ไขแบบหรืออนุโลมตามชาวบ้าน
เพราะกล้วจะไม่ได้รับเงินตามสัญญาว่าจ้าง
ถ้าชาวบ้านหัวหมอหน่อย คงต้องฟ้องศาลปกครอง หรือ
ศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด ให้มาแก้ไขให้ที
มีครั้งหนึ่ง แถวบ้านเทศบาลจะพัฒนาถนนในซอยให้ชาวบ้าน
ถนนเดิมเป็นดินลูกรังบดแน่นใช้งานได้ดีตอนหน้าแล้ง
พอหน้าฝนก็เป็นหลุมเป็นบ่อ การใช้งานก็ลำบาก
ปรากฎว่าแบบที่เขียนมาให้ถมดินเพิ่มอีก 20 เซนติเมตร
เพราะมีแต่งบสร้างถนน แต่ไม่มีงบสร้างคูระบายน้ำ
แค่ปล่อยให้น้ำฝนไหลลงที่ชาวบ้านที่อยู่ที่ต่ำที่สุด
ชาวบ้านในซอยเกินกว่า 80% ต่างออกมาคัดค้านไม่ให้ก่อสร้าง
เพราะถ้าทำแบบนี้ ถนนจะสูงกว่าพื้นชั้นล่าง
น้ำฝนจะไหลเข้าบ้านชาวบ้านทุกคน
ผลสุดท้ายทางเทศบาลต้องอนุโลมแก้ไขแบบ
โดยบดอัดถนนเดิมให้แน่นแล้วจึงลาดยางมะตอย
เรื่องนี้จึงต่างจบลงแบบพบกันครึ่งทาง
ถนนอีกเส้นหนึ่งของบ้านทุ่งหาดใหญ่
มีชื่อนี้ในพงศาวดารรัชกาลที่ 3 ตอนปราบกบฎไทรบุรี
แทนที่จะสร้างทางลาดชันขึ้นลงแบบทั่วไป
ด้านหนึ่งคือ โลตูส์ Lotus อีกด้านคือ ป่ายาง ในตอนนี้
ท้องถิ่นเล่นจัดการแบบหนังของฉลอง ภักดีวิจิตร
ระเบิดเขา เผาบ้าน
จัดการผ่าควน(ภูเขาลูกเอียด/นุ้ย/เล็ก) ออกเป็นสองซีก
แล้วให้ผู้รับเหมาขนดินลูกรังไปขายเป็นดินถมที่
ก่อนหางบประมาณมาก่อสร้างถนนเส้นนี้
และพอขยายถนนเดิมอีกสองช่องจราจรเป็นสี่ช่องจราจร
ผู้รับเหมาก็พวกกันเอง ก็ได้ดินฟรีอีกส่วนหนึ่ง
เรียกว่าได้ดินถมที่กำไร กำไรก่อสร้าง กำไร กำไร
คุ้มจริง ๆ คุ้มยิ่งกว่าแฟลตปลาทอง
หนังโฆษณาแฟลตปลาทอง
Baldwin Street ถนนที่ชันที่สุดในโลก
มีความโดดเด่นมากที่สุดจากการเป็นถนนที่ชันที่สุดในโลก มีความยาวถนน 350 เมตร
เริ่มต้นด้วยความลาดชันปานกลาง จากนั้นปีนไต่ระดับขึ้นไปที่สูงชันที่สุด
มีความชันสูงสุด 1: 2.86 หรือ 19 องศาหรืออีกนัยหนึ่งว่า
ถนนจะสูงขึ้น 1 เมตรทุก ๆ 2.86 เมตรที่ถ้าเดินทางในแนวนอน
ถนนสูงชันมากจนต้องปูพื้นด้านบนด้วยคอนกรีตแทนยางมะตอย
เพราะในวันที่อากาศอบอุ่น น้ำมันดินจะไหลลงมาตามทางลาดชัน
ในวันที่อากาศหนาวเย็นหรือมีหิมะก็ยิ่งทำให้ถนนลื่น
ถนนลื่นเป็นอันตรายเพราะล้อรถยนต์ไม่มีความต้านทาน/เสียดสี ทำให้เบรคไม่อยู่
Baldwin Street ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองที่อยู่อาศัยของ North East Valley
ไปทางตะวันออกจากหุบเขาของ Lindsay Creek
ขึ้นไปทาง Signal Hill ไปทาง Opoho สูงขึ้นประมาณ 70 เมตรตามความยาว
จึงต้องสร้างความลาดชันโดยเฉลี่ยมากกว่า 1: 5 เล็กน้อย
ต้นทางถนนจะมีความชันพอประมาณ และพื้นผิวเป็นยางมะตอย
แต่ทางต้นทางถนนด้านบนมีความชันกว่ามากจึงต้องทำเป็นพื้นคอนกรีต
ความสูงชันที่ผิดปกติของถนน เป็นผลมาจากการวางแผนที่ไม่ดี
ของ Charles Kettle นักวางผังเมืองในลอนดอน ซึ่งไม่ทราบถึงภูมิประเทศของเมือง
(ไม่ได้ลงมาดูพื้นที่จริง ออกแบบในกระดาษเลย)
ได้จัดวางถนนในรูปแบบตารางโดยไม่คำนึงถึงภูมิประเทศ
ส่งผลให้มีถนนหลายสายที่รถยนต์จอดอยู่บนเนินเขาที่สูงชันมาก
ถนน Baldwin Street จึงกลายเป็นถนนที่ชันที่สุด
ได้ชื่อตาม William Baldwin สมาชิกสภาทัองถิ่นเขต Otago
ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์/ผู้เสนอให้แบ่งเขตทัองถิ่นแห่งนี้ขึ้นมา
ถนนอื่น ๆ ที่วิ่งคู่ขนานกับถนน Baldwin Street ก็ค่อนข้างชันเช่นกัน
Arnold Street (1: 3.6), Dalmeny Street (1: 3.7) และ Calder Avenue (1: 5.4)
วันที่ 16 กรกฏาคม 2019
Baldwin Street ต้องเสียตำแหน่งชันที่สุด 35%
ให้กับ Ffordd Pen Llech ที่ชัน 37.45%
วิตกว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมน้อยลงกว่าเดิม
" แต่ชาวบ้านที่พักอาศัยบางคนกลับชื่นชอบเรี่องนี้
เพราะไร้นักท่องเที่ยวที่มาเหยียบย่ำต้นไม้ใบใบหญ้าในสวนของบ้านตน "
แต่ Dave Cull นายกเทศมนตรี Mayor of Dunedin
กล่าวว่า ทาง Dunedin City Council อาจจะต้องปรับเปลี่ยนข้อความ
ถนนชันที่สุดในโลกแถบซีกโลกภาคใต้ แทนซะแล้ว
วันที่ 8 เมษายน 2020
หลังจากชาวบ้าน Dunedin หลายคนอุทธรณ์เรื่องนี้
โดยมี Toby Stoff นักสำรวจเป็นแกนนำชาวบ้านในเรื่องนี้
ระบุว่าความชันของถนนต้องวัดไปตามเส้นแนวกลางถนน
ดังนั้น Ffordd Pen Llech จะมีความชันเพียง 28.6%
แต่ Baldwin Street มีความชันถึง 34.8%
ทำให้ถนนสายที่ชันที่สุดในโลกกลับมาเป็นของ Baldwin Street
ปัจจุบันชาวเมือง Dunedin มีความภาคภูมิใจในชื่อเสียงของ Baldwin Street
ทุกฤดูร้อนจะมีการจัดกิจกรรมการกุศลและการแข่งขันบนท้องถนน
โดยจัดให้เป็นเทศกาลประจำปีใน Dunedin
ชื่อ Baldwin Street Gutbuster เริ่มขึ้นในปี 1988
คือ การออกกำลังกายด้วยการวิ่งจากด้านล่างไปกลับด้านบน
มีผู้เข้าแข่งขันหลายร้อยคน สถิติที่ดีที่สุดคือ 1:56 นาที
เดือนมีนาคม 2001
นักศึกษาสาววัย 19 ปี ของ University of Otago
ตายเพราะเธอกับเพื่อนพยายามทำสถิติ
ด้วยการอยู่ในถังขยะแล้วให้กลิ้งลงมาด้านล่าง
แต่โชคร้ายถังขยะชนเข้ากับรถบรรทุกที่จอดอยู่กับที่
ทำให้เธอตาย ขณะที่เพื่อนอีกคนบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ
ตั้งแต่ปี 2002 มีการบริจาคการกุศลทุกปี
ด้วยขนม Jaffa มากกว่า 30,000 ลูกกลิ้งลงมาแข่งกันว่า ของใครถึงเส้นชัยก่อน
Jaffas (ขนมรูปกลมเคลือยด้วย chocolate)
โดยขนมแต่ละลูกจะมีผู้สนับสนุนเงินบริจาค
พร้อมกับรางวัลและเงินทุนสนับสนุนเพื่อการกุศล
ก่อนหน้านี้ในปี 1998
มีประเพณีโยนลูกเทนนิส 2,000 ลูกแข่งกัน
ที่ได้รับเงินสนับสนุนบริจาคให้กับ
Habitat for Humanity
2 มกราคม 2010
Ian Soanes นักแสดงผาดโผนแทนพระเอก
ขับรถเครื่อง(จักรยานยนต์)ล้อเดียวลงมาจาก Baldwin Street
26 มกราคม 2018
Harry Willis วัย 11 ขวบ ระดมทุนได้มากกว่า $11,000 NZD
ให้กับ Ronald McDonald House ใน Christchurch
เดินขึ้นบนถนนด้วย pogo stick กินเวลาราว 10 นาที
และมีการจารึกผลงานครั้งนี้ไว้ที่ด้านบนสุดของถนน
มีชายคนหนึ่งขับขี่ Lime scooter ลงจากถนน Baldwin St
วันเดียวกับที่มีการนำเสนอสินค้านี้ที่ Dunedin
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา Dave Cull นายกเทศมนตรี Dunedin
ได้กล่าวตำหนิว่า คนสติดีคงรู้ดีว่า ไม่ควรใช้ scooters
ขับลงมาจากถนนชันที่สุดในโลก
https://bit.ly/2QnOyig
https://bit.ly/32kt8Za
https://bit.ly/2FUqx0q
https://bit.ly/2ErsIbf
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
เซนเซ(อาจารย์) ชาวญี่ปุ่นมักจะสอนว่า
ให้ไปอยู่ในสถานที่จริงทุกครั้ง
เวลาจะวินิจฉัยหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
โรงงาน SMEs ของไทยรายหนึ่ง
ผลิตสินค้าส่งโรงงานประกอบรถยนต์ญี่ปุ่นในไทย
ปรากฎว่าสินค้าตก QC มาตลอด
จนจะเลิกต่อสัญญาการเป็นผู้ผลิตให้แล้ว
นักวินิจฉัยญี่ปุ่นจึงไปที่โรงงานแห่งนึ้
ปรากฎว่าเจ้าของ/หัวหน้าคนงานดื้อตาใส
การทำงานยังใช้ระบบนิ้ววัดชิ้นงาน
เพราะรับงานจากหลายเจ้ายังเป็นระบบนิ้ว
จึงใช้วัดก่อนแปลงเป็นระบบเซนติเมตรเพื่อผลิต
ผลคือสินค้าคลาดเคลื่อนตลอดเวลาผลิต
จึงต้องสรุปให้เปลี่ยนมาตรวัดเป็นเซนติเมตร
สินค้าจึงผ่าน QC ตลอดในระยะหลัง
การสร้างถนนในเมืองไทยมักจะมีปัญหากับชาวบ้าน
เพราะถนนบางสายมีการถมถนนให้สูงกว่าหลังคาบ้านชาวบ้าน
บางแห่งกำแพงวัด/บ้านชาวบ้านอยู่ต่ำกว่าท้องถนน
สาเหตุจากการออกแบบถนนให้มีความเรียบเสมอกัน
โดยคนออกแบบนั่งออกแบบบนโต๊ะสำนักงาน
ไม่ยอมออกไปดูพื้นที่จริงว่าเป็นอย่างไร
ทำให้เวลาก่อสร้างถนนหลายสายในสยาม
จึงมีการถมเต็มที่ จัดเต็มที่ ให้ถนนเรียบตลอดสาย
ถนนจะสูงกว่าบ้านชาวบ้าน ก็ชั่งชาวบ้านปะไร
ผู้รับเหมาก่อสร้างก็ไม่ยอมแก้ไขแบบหรืออนุโลมตามชาวบ้าน
เพราะกล้วจะไม่ได้รับเงินตามสัญญาว่าจ้าง
ถ้าชาวบ้านหัวหมอหน่อย คงต้องฟ้องศาลปกครอง หรือ
ศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด ให้มาแก้ไขให้ที
มีครั้งหนึ่ง แถวบ้านเทศบาลจะพัฒนาถนนในซอยให้ชาวบ้าน
ถนนเดิมเป็นดินลูกรังบดแน่นใช้งานได้ดีตอนหน้าแล้ง
พอหน้าฝนก็เป็นหลุมเป็นบ่อ การใช้งานก็ลำบาก
ปรากฎว่าแบบที่เขียนมาให้ถมดินเพิ่มอีก 20 เซนติเมตร
เพราะมีแต่งบสร้างถนน แต่ไม่มีงบสร้างคูระบายน้ำ
แค่ปล่อยให้น้ำฝนไหลลงที่ชาวบ้านที่อยู่ที่ต่ำที่สุด
ชาวบ้านในซอยเกินกว่า 80% ต่างออกมาคัดค้านไม่ให้ก่อสร้าง
เพราะถ้าทำแบบนี้ ถนนจะสูงกว่าพื้นชั้นล่าง
น้ำฝนจะไหลเข้าบ้านชาวบ้านทุกคน
ผลสุดท้ายทางเทศบาลต้องอนุโลมแก้ไขแบบ
โดยบดอัดถนนเดิมให้แน่นแล้วจึงลาดยางมะตอย
เรื่องนี้จึงต่างจบลงแบบพบกันครึ่งทาง
ถนนอีกเส้นหนึ่งของบ้านทุ่งหาดใหญ่
มีชื่อนี้ในพงศาวดารรัชกาลที่ 3 ตอนปราบกบฎไทรบุรี
แทนที่จะสร้างทางลาดชันขึ้นลงแบบทั่วไป
ด้านหนึ่งคือ โลตูส์ Lotus อีกด้านคือ ป่ายาง ในตอนนี้
ท้องถิ่นเล่นจัดการแบบหนังของฉลอง ภักดีวิจิตร ระเบิดเขา เผาบ้าน
จัดการผ่าควน(ภูเขาลูกเอียด/นุ้ย/เล็ก) ออกเป็นสองซีก
แล้วให้ผู้รับเหมาขนดินลูกรังไปขายเป็นดินถมที่
ก่อนหางบประมาณมาก่อสร้างถนนเส้นนี้
และพอขยายถนนเดิมอีกสองช่องจราจรเป็นสี่ช่องจราจร
ผู้รับเหมาก็พวกกันเอง ก็ได้ดินฟรีอีกส่วนหนึ่ง
เรียกว่าได้ดินถมที่กำไร กำไรก่อสร้าง กำไร กำไร
คุ้มจริง ๆ คุ้มยิ่งกว่าแฟลตปลาทอง