ปัญหาของคู่ผมในตอนนี้ก็คือ เราคบกันแบบไม่มีอนาคตร่วมกัน มองไม่เห็นว่ามันจะจบอย่างไร เป็นอย่างไรต่อเลยครับ
เรื่องก็คือ ความคิดของเราไม่ตรงกันในเรื่องของการมีครอบครัว เราต่างคนต่างก็มองออกมาโดยตลอด เรื่องครอบครัวนั้น แฟนผม
อยากจะมีลูกครับ ส่วนตัวผมไม่อยากมีลูกครับ เพราะอะไร ผมว่าการมีลูกเป็นภาระผูกพันในระยะยาว ซึ่งเราจะต้องมานั่งส่งเสีย เลี้ยง
ดู ดูแล ไหนค่าจะเล่าเรียนต่างๆ ค่ากินอยู่ การดำรงชีวิตต่างๆ โดยที่ผมก็ไม่ได้อยากมีตรงนี้ครับ ฟังความคิดผมแล้วคุณจะว่าผมเห็น
แก่ตัวก็ได้ครับ แต่ทำไมหรอครับ ผมก็เป็นพนักงานบริษัททำงานเอกชนธรรมดาคนหนึ่ง มีงานเสริมวันอาทิตย์บ้างแล้วแต่เดือนครับ ซึ่ง
ผมก็ไม่ได้ก็มีรายได้อะไรเยอะแยะมากมาย ครับ ทำงานเก็บเงิน ไหนจะผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เลี้ยงดูพ่อแม่ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว
แค่นี้ ก็พอสมควรแล้วครับ ผมก็เหนื่อยเหมือนกัน ไหนค่าบ้านแต่ละเดือน เห็นดอกเบี้ยก็เหนื่อยแทนเหมือนกันครับ จะทำอย่างไรได้
ถ้ามีเงินสดคงซื้อไปแล้ว สร้างตัวมันก็เหนื่อยเหมือนกัน ลำพังแค่นี้ ในแต่ละเดือนก็ แค่พอมีเก็บ มีใช้ มีเลี้ยงดูครอบครัว ไม่เป็นหนี้เป็น
สินใครครับและไม่ได้ขอแฟนกินด้วย จากสิ่งที่ผมบอกมา แล้วถ้ามีลูกละ ผมจะเลี้ยงลูกได้ดีไหม จะให้อะไรดีๆกับลูกได้ไหม จะมีเงินจุน
เจือครอบครัวได้เพียงพอไหม ผมกลัวว่ามันจะลำบากและรัดผมเกินไปครับ จะเลี้ยงลูกได้ไม่ได้ดี พอ เพราะอะไรนะหรอครับ ผมว่าปัจจัย
สมัยนี้ เงินก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากในการเลี้ยงดูลูกครับ ผมไม่อยากให้ครอบครัวลำบาก ไม่อยากให้ชีวิตผมกับแฟนต้องขัดสน อยากได้
อะไรเราก็ได้ อยากเที่ยวไหนเราก็ได้ไป ไม่ต้องมาคอยก้มหน้าก้มตาหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกครับ มันจะดูเห็นแก่ตัวนะครับ เห็นแก่ตัวเอง ผมก็
คิดมาแบบนี้ แต่แฟนผมก็อยากมี เพราะเขามองคนละแบบเรามองต่างกันครับ มันทำให้เราไม่ลงลอยกัน แฟนผมก็มองว่าจะมีก็มีอยากมีไม่ต้อง
รอให้ทุกอย่างพร้อม ถึงตอนนั้นคงไม่เหลือคนรอบข้างๆแล้ว เพราะแฟนผมเองก็มองว่า เราต่างก็มีงานทำมีรายได้ที่มั่นคง ส่วนผมก็มองว่า
ผมก้อมีบ้านต้องผ่อนซึ่งก็เป็นหนี้อีกระยะยาว (เราสองคนต่างคนต่างมีบ้านเป็นของตัวเองก่อนมาเจอกันครับ) มีพ่อแม่ที่แก่ชราต้องเลี้ยงดู
ซึ่งผมก็มองว่ามีลูกขึ้นมาในระยะยาวมันจะไม่ไหวครับ ผมคงไม่อยากให้แฟนผมรับภาระหนักๆไปคนเดียวหรอกครับ สิ่งๆต่างๆจากความคิด
ของคนสองคนที่แตกต่างกัน มันส่งผลให้มองอนาคตร่วมกันไม่เห็น ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ผมมืดแปดด้านไปหมดแล้วครับ เป็นปัญหาที่
ผมไม่รู้จะแก้ไขได้อย่างไร ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกันทุกวันนี้ทำงานหาเงินก็เหนือยอยู่แล้ว ในสภาะเศรษฐกิจแบบนี้ งานก็ไม่รู้จะต้องโดนออกหรือเปล่า
เพราะในเรื่องการทำงานในบริษัทเอกชน มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนครับ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรมันรู้สึกหดหู่และเหนื่อยไปหมดครับ ความคิดไม่ตรงกัน
อนาคตมองไม่เห็นร่วมกัน ไม่รู้จะต้องจบด้วยกันเลิกกันไปแล้วเป็นเพื่อนเป็นคนรุ้จักกันเท่านั้นหรือเปล่าครับ
เมื่อความคิดของเราทั้งสองคนต่างกัน มองไม่เห็นอนาคตร่วมกันและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
เรื่องก็คือ ความคิดของเราไม่ตรงกันในเรื่องของการมีครอบครัว เราต่างคนต่างก็มองออกมาโดยตลอด เรื่องครอบครัวนั้น แฟนผม
อยากจะมีลูกครับ ส่วนตัวผมไม่อยากมีลูกครับ เพราะอะไร ผมว่าการมีลูกเป็นภาระผูกพันในระยะยาว ซึ่งเราจะต้องมานั่งส่งเสีย เลี้ยง
ดู ดูแล ไหนค่าจะเล่าเรียนต่างๆ ค่ากินอยู่ การดำรงชีวิตต่างๆ โดยที่ผมก็ไม่ได้อยากมีตรงนี้ครับ ฟังความคิดผมแล้วคุณจะว่าผมเห็น
แก่ตัวก็ได้ครับ แต่ทำไมหรอครับ ผมก็เป็นพนักงานบริษัททำงานเอกชนธรรมดาคนหนึ่ง มีงานเสริมวันอาทิตย์บ้างแล้วแต่เดือนครับ ซึ่ง
ผมก็ไม่ได้ก็มีรายได้อะไรเยอะแยะมากมาย ครับ ทำงานเก็บเงิน ไหนจะผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เลี้ยงดูพ่อแม่ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว
แค่นี้ ก็พอสมควรแล้วครับ ผมก็เหนื่อยเหมือนกัน ไหนค่าบ้านแต่ละเดือน เห็นดอกเบี้ยก็เหนื่อยแทนเหมือนกันครับ จะทำอย่างไรได้
ถ้ามีเงินสดคงซื้อไปแล้ว สร้างตัวมันก็เหนื่อยเหมือนกัน ลำพังแค่นี้ ในแต่ละเดือนก็ แค่พอมีเก็บ มีใช้ มีเลี้ยงดูครอบครัว ไม่เป็นหนี้เป็น
สินใครครับและไม่ได้ขอแฟนกินด้วย จากสิ่งที่ผมบอกมา แล้วถ้ามีลูกละ ผมจะเลี้ยงลูกได้ดีไหม จะให้อะไรดีๆกับลูกได้ไหม จะมีเงินจุน
เจือครอบครัวได้เพียงพอไหม ผมกลัวว่ามันจะลำบากและรัดผมเกินไปครับ จะเลี้ยงลูกได้ไม่ได้ดี พอ เพราะอะไรนะหรอครับ ผมว่าปัจจัย
สมัยนี้ เงินก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากในการเลี้ยงดูลูกครับ ผมไม่อยากให้ครอบครัวลำบาก ไม่อยากให้ชีวิตผมกับแฟนต้องขัดสน อยากได้
อะไรเราก็ได้ อยากเที่ยวไหนเราก็ได้ไป ไม่ต้องมาคอยก้มหน้าก้มตาหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกครับ มันจะดูเห็นแก่ตัวนะครับ เห็นแก่ตัวเอง ผมก็
คิดมาแบบนี้ แต่แฟนผมก็อยากมี เพราะเขามองคนละแบบเรามองต่างกันครับ มันทำให้เราไม่ลงลอยกัน แฟนผมก็มองว่าจะมีก็มีอยากมีไม่ต้อง
รอให้ทุกอย่างพร้อม ถึงตอนนั้นคงไม่เหลือคนรอบข้างๆแล้ว เพราะแฟนผมเองก็มองว่า เราต่างก็มีงานทำมีรายได้ที่มั่นคง ส่วนผมก็มองว่า
ผมก้อมีบ้านต้องผ่อนซึ่งก็เป็นหนี้อีกระยะยาว (เราสองคนต่างคนต่างมีบ้านเป็นของตัวเองก่อนมาเจอกันครับ) มีพ่อแม่ที่แก่ชราต้องเลี้ยงดู
ซึ่งผมก็มองว่ามีลูกขึ้นมาในระยะยาวมันจะไม่ไหวครับ ผมคงไม่อยากให้แฟนผมรับภาระหนักๆไปคนเดียวหรอกครับ สิ่งๆต่างๆจากความคิด
ของคนสองคนที่แตกต่างกัน มันส่งผลให้มองอนาคตร่วมกันไม่เห็น ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ผมมืดแปดด้านไปหมดแล้วครับ เป็นปัญหาที่
ผมไม่รู้จะแก้ไขได้อย่างไร ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกันทุกวันนี้ทำงานหาเงินก็เหนือยอยู่แล้ว ในสภาะเศรษฐกิจแบบนี้ งานก็ไม่รู้จะต้องโดนออกหรือเปล่า
เพราะในเรื่องการทำงานในบริษัทเอกชน มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนครับ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรมันรู้สึกหดหู่และเหนื่อยไปหมดครับ ความคิดไม่ตรงกัน
อนาคตมองไม่เห็นร่วมกัน ไม่รู้จะต้องจบด้วยกันเลิกกันไปแล้วเป็นเพื่อนเป็นคนรุ้จักกันเท่านั้นหรือเปล่าครับ