อาณาจักรโอเลโพต้องวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อ ‘องค์หญิง’ ที่เป็นบุตรสาวคนเดียวของพระราชาดันอันตรธานหายไป
เรื่องนี้ร้อนไปถึง ‘เซอร์เจมมี่’ หัวหน้าของฝ่ายองครักษ์ เขากำลังก้าวเท้าฉับ ๆ ไปตามท้องพระโรง เคียงคู่กับมือขวาอย่าง ‘ไฮแร็กซ์’
น้อยคนในกรุงโอเลโพจะรู้ว่าใต้ท้องพระโรงมีห้องลับซ่อนอยู่ ในตอนแรกมันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางหลบหนีเมื่ออาณาจักรถูกข้าศึกรุกราน แต่โอเลโพก็ไม่ได้ทำสงครามมาหลายสิบปีแล้ว ห้องลับแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นสถานที่กักขังนักโทษคนสำคัญ
เจมมี่กับไฮแร็กซ์เร่งฝีเท้าไปตามทางเดิน สองฝั่งทางเป็นห้องกรงสำหรับนักโทษ บางคนเห็นได้เห็นทั้งคู่ก็ก้มศีรษะเคารพ แต่ก็มีนักโทษอาวุโสบ้วนน้ำลายใส่พร้อมก่นด่า “ไอ้ชั่ว ไอ้คนทรยศ” ดูเหมือนนักโทษคนนั้นจะต่อว่าเจมมี่ แต่เขาก็แสร้งไม่สนใจเพราะมีเรื่องใหญ่กว่าต้องทำ จุดหมายปลายทางคือห้องสอบสวนนักโทษที่อยู่สุดทางเดิน
ในห้องแห่งนั้นมีทหารร่างยักษ์สองนายกับ ‘ชายผิวเหลือง’ ที่ถูกตีตรวนพร้อมสวมปลอกแขนเหล็ก ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิด ทหารทั้งสองก็รีบยกมือวันทยหัตถ์
เจมมี่ยกมือปรามบอกไม่ต้องพิธีรีตอง หันไปยังผู้ต้องสงสัยผิวเหลืองที่ถูกจับไว้ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้านี่น่ะหรือ ผู้ต้องสงสัย”
ไฮแร็กซ์พยักหน้า “ใช่ คนรับใช้เจอมันอยู่ในห้องขององค์หญิงเมื่อเช้า เป็นช่วงที่นางหายตัวไปพอดี”
นักโทษผิวเหลืองเงยหน้ามองสององครักษ์ เอ่ยขึ้นด้วยทีท่าตื่นเต้น “ท...ท่าน...เป็นหัวหน้าไอ้สองตัวนี้ใช่ไหม ช่วยข้าด้วย ข้ามาจากอนาคต”
“หา...” ทั้งสองพร้อมใจกันขมวดคิ้ว “มันพูดอะไรของมันน่ะ” เจมมี่ว่า
ชายผิวเหลืองหน้าซีด ได้ยินอีกฝ่ายพูดภาษาที่ตัวเองฟังไม่ออก “เวร แม่*งไม่ได้พูดภาษาไทยเหรอวะ อ่า...เฮ้ ยู อ่า...เอวมี เอวมีพรีช ห่*เอ๊ย จะฟังกูรู้เรื่องไหมเนี่ย”
เจมมี่พยายามเงี่ยหูฟัง แต่สำเนียงชายผิวเหลืองค่อนข้างแปลกประหลาด เมื่อหันมองไฮแร็กซ์ที่กำลังยืนเกาหัว ดูเหมือนจะฟังไม่ออกเหมือนกัน
ไฮแร็กซ์ว่า “เอาไงดีล่ะท่าน”
“อ่า...” เจมมี่ลูบคางไปมาอย่างใช้ความคิด “มันอาจจะแสร้งไม่รู้เรื่องก็ได้ ลูกไม้นี้พ่อของข้าเคยโดนพวกคนเถื่อนหลอกมาก่อน” เจมมี่หันไปบอกลูกน้อง “ทำให้มันสารภาพซิ”
เมื่อได้รับคำสั่ง ทหารร่างยักษ์ก็ใช้สองแขนล็อกชายผิวเหลืองไว้ ทหารอีกคนกำหมัด แล้วกระแทกเข้าที่ใบหน้า
“โอ๊ย! เมิงทำอะไรวะเนี่ย!” ชายผิวเหลืองร้องลั่น เลือดแดงสดไหลทะลัก ยังไม่ทันได้ว่าอะไรต่อ อีกหมัดก็กระแทกซ้ำ “โอ๊ย! กูเจ็บนะ! โอ๊ย...”
ทั้งสองยืนมองการทรมาน ไฮแร็กซ์ออกความเห็น “ไอ้หมอนี่ไม่น่าจะใช่นักสู้นะ”
“ไม่รู้สิ” เจมมี่ยังไม่ค่อยมั่นใจ “ก็ไม่แน่หรอก ดูมันไปก่อน”
หลังจากถูกซ้อมจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำ ฟันหลายซี่หลุดจากปาก ชายผิวเหลืองก็ถูกนำไปทรุดเข่าลงที่หน้าถังน้ำ “ม...เมิงจะทำอะไร ย...อย่านะ...” ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ถูกกดท้ายทอย ทั้งศีรษะจมหายเข้าไปในถัง
เจมมี่กับไฮแร็กซ์ยืนมองชายผิวเหลืองดิ้นพรวด ๆ ฟองอากาศมหาศาลลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ “ถ้ามันไม่ได้แกล้งทำ ข้าคิดว่ามันเป็นคนที่โง่ที่สุดเท่าที่เคยเจอ” ไฮแร็กซ์พึมพำ
ทหารดึงหัวชายผิวเหลืองกลับขึ้นจากถัง เกิดเสียงไอดังแค่ก ๆ น่าจะซดน้ำไปหลายอึก “อ...ไอ้พวกโง่ พวกเมิงนี่ดักดานจริง ๆ ทำกับกูแบบนี้ได้ไงวะ กูมาจากอนาคตเลยนะเว้ย ไอ้โง่ สตูปิ๊ด สตูปิ๊ด...” ยังพูดไม่ทันจบ หัวก็ถูกกดลงไปในถังอีกครั้ง...คราวนี้ยาวนานกว่าครั้งก่อน
เจมมี่ยืนมองอย่างร้อนใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรคืบหน้า เขาเริ่มหันซ้ายแลขวาให้สมองแล่น ทว่า สายตาดันไปสะดุดกับบางสิ่งที่วางอยู่มุมห้อง เป็นสิ่งที่เจมมี่ไม่คุ้นตา “ไฮแร็กซ์ นั่นมันอะไรน่ะ”
ไฮแร็กซ์หันมองตาม “อ...เอ่อ...นั่นเป็นของที่ติดมากับเจ้าผิวเหลือง โทษทีนะ ข้าลืมไปเสียสนิท”
เจมมี่ออกเท้าเดินไปที่นั่น “ให้ตายเถอะ เจ้านี่ซื่อบื้อจริง ๆ ทำไมไม่รีบบอก”
ไฮแร็กซ์หน้าเสีย “โธ่...ก็ข้าลืมนี่ แต่ก่อนหน้านี้ก็ดูแล้วนะ ข้าไม่คิดว่ามันสำคัญอะไรหรอก”
เจมมี่หยิบสิ่งนั้นขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นวัตถุโลหะที่ผสมกับแผ่นแก้ว รูปร่างบางพอดีมือ “นี่มันอะไรกัน” เขาใช้มือลูบวัตถุปริศนาอย่างสงสัย จนนิ้วเผลอไปสัมผัสกับปุ่มโลหะที่นูนออกมา ผลปรากฏว่าจอแก้วเปล่งแสงขึ้น กลายเป็นรูปภาพลึกลับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เฮ้ย” เจมมี่ตาโต “น...นี่มันอะไรกัน”
ชายผิวเหลืองถูกดึงกลับขึ้นจากถัง หลังจากสำลักน้ำอยู่สักพัก ก็ชำเลืองเห็นอีกฝ่ายที่กำลังตกใจกับสมบัติของตน เขาเผยรอยยิ้ม นี่แหละทางรอด! ไอ้พวกโง่นั่นคงไม่รู้จักโทรศัพท์
เรื่องเขย่าขวัญ : เรื่องวุ่นวายในโอเลโพ
เรื่องนี้ร้อนไปถึง ‘เซอร์เจมมี่’ หัวหน้าของฝ่ายองครักษ์ เขากำลังก้าวเท้าฉับ ๆ ไปตามท้องพระโรง เคียงคู่กับมือขวาอย่าง ‘ไฮแร็กซ์’
น้อยคนในกรุงโอเลโพจะรู้ว่าใต้ท้องพระโรงมีห้องลับซ่อนอยู่ ในตอนแรกมันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางหลบหนีเมื่ออาณาจักรถูกข้าศึกรุกราน แต่โอเลโพก็ไม่ได้ทำสงครามมาหลายสิบปีแล้ว ห้องลับแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นสถานที่กักขังนักโทษคนสำคัญ
เจมมี่กับไฮแร็กซ์เร่งฝีเท้าไปตามทางเดิน สองฝั่งทางเป็นห้องกรงสำหรับนักโทษ บางคนเห็นได้เห็นทั้งคู่ก็ก้มศีรษะเคารพ แต่ก็มีนักโทษอาวุโสบ้วนน้ำลายใส่พร้อมก่นด่า “ไอ้ชั่ว ไอ้คนทรยศ” ดูเหมือนนักโทษคนนั้นจะต่อว่าเจมมี่ แต่เขาก็แสร้งไม่สนใจเพราะมีเรื่องใหญ่กว่าต้องทำ จุดหมายปลายทางคือห้องสอบสวนนักโทษที่อยู่สุดทางเดิน
ในห้องแห่งนั้นมีทหารร่างยักษ์สองนายกับ ‘ชายผิวเหลือง’ ที่ถูกตีตรวนพร้อมสวมปลอกแขนเหล็ก ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิด ทหารทั้งสองก็รีบยกมือวันทยหัตถ์
เจมมี่ยกมือปรามบอกไม่ต้องพิธีรีตอง หันไปยังผู้ต้องสงสัยผิวเหลืองที่ถูกจับไว้ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้านี่น่ะหรือ ผู้ต้องสงสัย”
ไฮแร็กซ์พยักหน้า “ใช่ คนรับใช้เจอมันอยู่ในห้องขององค์หญิงเมื่อเช้า เป็นช่วงที่นางหายตัวไปพอดี”
นักโทษผิวเหลืองเงยหน้ามองสององครักษ์ เอ่ยขึ้นด้วยทีท่าตื่นเต้น “ท...ท่าน...เป็นหัวหน้าไอ้สองตัวนี้ใช่ไหม ช่วยข้าด้วย ข้ามาจากอนาคต”
“หา...” ทั้งสองพร้อมใจกันขมวดคิ้ว “มันพูดอะไรของมันน่ะ” เจมมี่ว่า
ชายผิวเหลืองหน้าซีด ได้ยินอีกฝ่ายพูดภาษาที่ตัวเองฟังไม่ออก “เวร แม่*งไม่ได้พูดภาษาไทยเหรอวะ อ่า...เฮ้ ยู อ่า...เอวมี เอวมีพรีช ห่*เอ๊ย จะฟังกูรู้เรื่องไหมเนี่ย”
เจมมี่พยายามเงี่ยหูฟัง แต่สำเนียงชายผิวเหลืองค่อนข้างแปลกประหลาด เมื่อหันมองไฮแร็กซ์ที่กำลังยืนเกาหัว ดูเหมือนจะฟังไม่ออกเหมือนกัน
ไฮแร็กซ์ว่า “เอาไงดีล่ะท่าน”
“อ่า...” เจมมี่ลูบคางไปมาอย่างใช้ความคิด “มันอาจจะแสร้งไม่รู้เรื่องก็ได้ ลูกไม้นี้พ่อของข้าเคยโดนพวกคนเถื่อนหลอกมาก่อน” เจมมี่หันไปบอกลูกน้อง “ทำให้มันสารภาพซิ”
เมื่อได้รับคำสั่ง ทหารร่างยักษ์ก็ใช้สองแขนล็อกชายผิวเหลืองไว้ ทหารอีกคนกำหมัด แล้วกระแทกเข้าที่ใบหน้า
“โอ๊ย! เมิงทำอะไรวะเนี่ย!” ชายผิวเหลืองร้องลั่น เลือดแดงสดไหลทะลัก ยังไม่ทันได้ว่าอะไรต่อ อีกหมัดก็กระแทกซ้ำ “โอ๊ย! กูเจ็บนะ! โอ๊ย...”
ทั้งสองยืนมองการทรมาน ไฮแร็กซ์ออกความเห็น “ไอ้หมอนี่ไม่น่าจะใช่นักสู้นะ”
“ไม่รู้สิ” เจมมี่ยังไม่ค่อยมั่นใจ “ก็ไม่แน่หรอก ดูมันไปก่อน”
หลังจากถูกซ้อมจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำ ฟันหลายซี่หลุดจากปาก ชายผิวเหลืองก็ถูกนำไปทรุดเข่าลงที่หน้าถังน้ำ “ม...เมิงจะทำอะไร ย...อย่านะ...” ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ถูกกดท้ายทอย ทั้งศีรษะจมหายเข้าไปในถัง
เจมมี่กับไฮแร็กซ์ยืนมองชายผิวเหลืองดิ้นพรวด ๆ ฟองอากาศมหาศาลลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ “ถ้ามันไม่ได้แกล้งทำ ข้าคิดว่ามันเป็นคนที่โง่ที่สุดเท่าที่เคยเจอ” ไฮแร็กซ์พึมพำ
ทหารดึงหัวชายผิวเหลืองกลับขึ้นจากถัง เกิดเสียงไอดังแค่ก ๆ น่าจะซดน้ำไปหลายอึก “อ...ไอ้พวกโง่ พวกเมิงนี่ดักดานจริง ๆ ทำกับกูแบบนี้ได้ไงวะ กูมาจากอนาคตเลยนะเว้ย ไอ้โง่ สตูปิ๊ด สตูปิ๊ด...” ยังพูดไม่ทันจบ หัวก็ถูกกดลงไปในถังอีกครั้ง...คราวนี้ยาวนานกว่าครั้งก่อน
เจมมี่ยืนมองอย่างร้อนใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรคืบหน้า เขาเริ่มหันซ้ายแลขวาให้สมองแล่น ทว่า สายตาดันไปสะดุดกับบางสิ่งที่วางอยู่มุมห้อง เป็นสิ่งที่เจมมี่ไม่คุ้นตา “ไฮแร็กซ์ นั่นมันอะไรน่ะ”
ไฮแร็กซ์หันมองตาม “อ...เอ่อ...นั่นเป็นของที่ติดมากับเจ้าผิวเหลือง โทษทีนะ ข้าลืมไปเสียสนิท”
เจมมี่ออกเท้าเดินไปที่นั่น “ให้ตายเถอะ เจ้านี่ซื่อบื้อจริง ๆ ทำไมไม่รีบบอก”
ไฮแร็กซ์หน้าเสีย “โธ่...ก็ข้าลืมนี่ แต่ก่อนหน้านี้ก็ดูแล้วนะ ข้าไม่คิดว่ามันสำคัญอะไรหรอก”
เจมมี่หยิบสิ่งนั้นขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นวัตถุโลหะที่ผสมกับแผ่นแก้ว รูปร่างบางพอดีมือ “นี่มันอะไรกัน” เขาใช้มือลูบวัตถุปริศนาอย่างสงสัย จนนิ้วเผลอไปสัมผัสกับปุ่มโลหะที่นูนออกมา ผลปรากฏว่าจอแก้วเปล่งแสงขึ้น กลายเป็นรูปภาพลึกลับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เฮ้ย” เจมมี่ตาโต “น...นี่มันอะไรกัน”
ชายผิวเหลืองถูกดึงกลับขึ้นจากถัง หลังจากสำลักน้ำอยู่สักพัก ก็ชำเลืองเห็นอีกฝ่ายที่กำลังตกใจกับสมบัติของตน เขาเผยรอยยิ้ม นี่แหละทางรอด! ไอ้พวกโง่นั่นคงไม่รู้จักโทรศัพท์