สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นขออนุญาตบอกประวัติคร่าวๆ
- เราเป็นโรคซึมเศร้ามา 3 ปีกว่า มีใบรับรองแพทย์อยู่สามโรงพยาบาล (ต้องภูมิใจไหม😒)
- เราทำงานมาแล้วสามปี เงินเดือนระดับปานกลางเกินครึ่งแสน
- แฟนเราอายุน้อยกว่า 1 ปี แต่ยังเรียนไม่จบอยู่ม.อินเตอร์ (อายุ27)
- เราเป็นคนค่อนข้างโลจิกจ๋าๆ ในอารมณ์ปกติ (คิดเอาเอง)
เรื่องมีอยู่ว่า:
เราได้เริ่มคบแฟนคนหนึ่ง
ซึ่งตอนแรกทุกอย่างดูลงตัวมาก (แหงละ โปรโมชั่นไงล่ะ)
แม้เราจะเป็นคนแปลกๆ นิสัยแปลกๆ Introvert แต่ก็เข้ากับคนๆนี้ได้อย่างดี
โดยปกตินอกจากเพื่อนอันน้อยนิดของเราแล้ว
แทบจะไม่มีใครสามารถเข้าใจความคิดเราได้เลย
เราจึงรู้สึกรักคนๆนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้รักใครจริงๆ
ผ่านมา 4 เดือน เราเริ่มได้เจอกันบ่อยขึ้น
เราได้ตั้งข้อสังเกตถึงแมสเสจที่ดังขึ้นบ่อยๆของเขา
ข้อความพิมมาตามแพทเทิร์นคนคุยกัน
"ทำอะไรอยู่" "กินข้าวรึยัง"
แต่เขาบอกว่าไม่มีอะไร รุ่นพี่คนนี้เหมือนศาลพระภูมิของคณะที่ชอบตอดรุ่นน้องเล่น
ผ่านไปห้าเดือน..
ค่ะ... ดิฉันแอบดูมือถือเขาและพบว่า
ตอนที่คุยกันแรกๆ นางคุยซ้อนค่ะ
นางมีผู้หญิงอีกคนมาตั้งแต่ก่อนคบเราแล้วแต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน
รุ่นพี่คนนั้นแค่เข้ามาจีบนางตอนที่นางปิดตัวเองหลังจากเลิกกับแฟนเก่าที่คบมาสามปี
ตอนนั้นเราช็อคมาเลยค่ะ ชาไปหมด (เพิ่งเคยรู้ว่าเป็นยังไง555)
แต่ตอนที่เจอเขาเลิกคุยกันไปแล้วเพราะฝ่ายหญิงจับได้ว่าคุยกับเรา
เราค่อนข้างสับสนไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อน
จึงลองปรึกษาใครหลายๆคน รวมถึงแม่
แม่บอกว่า ตอนนั้นยังไม่คบกัน เขายังมีสิทธิที่จะเลือก
ถ้าหลังจากนี้เจอค่อยว่ากัน
สำหรับเราฟังแล้วเมคเซ้นส์ดีค่ะ แต่เรื่องนี้ก็เป็นปมมาตลอด
เพราะแม้เขาจะบอกว่าเขาเลือกเรา แต่เราก็รู้สึกว่าเพราะเขาถูกอีกฝ่ายทิ้งแล้วเหลือแค่เรามากกว่า
หลังจากไม่เลิกกัน
ดิฉันเริ่มติดการเช็คมือถือเขาเป็นอย่างมาก
นั่นทำให้เราทะเลาะกันบ่อย
เพราะเขาต้องการพื้นที่ส่วนตัว ส่วนเราก็ไม่สบายใจ
พอเช็คเราก็เจอรุ่นพี่ศาลพระภูมิที่ทักมาคุยอย่างไม่ขาดสาย
โดยเขาบอกว่ามันไม่มีอะไร พี่เขาก็ทักเพื่อนคนอื่นแบบนี้
เขาก็พยายามตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง
วันไหนไม่อยากคุยก็จะบอกพี่เขาว่ากลับบ้าน(ไม่มีเน็ต)
โดยเราสังเกตว่าวันที่บอกว่ากลับบ้านดันตรงกับวันที่เรามาหา
ช่างบังเอิญดีจริงๆ
ไม่รอช้า เราทักแชทรุ่นพี่คนนั้นทันที
(เป็นครั้งแรกที่ทำอะไรแบบนี้ใจเต้นแรงจนมืออ่อนแรงเลยค่ะ😅)
พี่เขาบอกว่าเขาสนิทกับแฟนเรา ชอบแฟนเรา เคยมาที่ห้อง เคยถามว่าเราเป็นใคร
โดยแฟนเราบอกว่าแค่คนคุยเฉยๆ
เท่านั้นแหละ น้ำตาตกสิครับ
เราก็โทรไปหาแฟนและได้คำตอบว่า
รู้แล้วว่าชอบ และปฏิเสธไปแล้ว ยังไงก็รุ่นพี่ จะตัดก็ไม่ได้
ก็พยายามไม่ค่อยคุย เราไปทำให้เขาเลิกชอบเราไม่ได้
แต่คุณคะ... ดิฉันที่ได้อ่านแชทนั้นเพิ่งจะเข้าใจ
ว่าแฟนตัวเองเจ้าชู้แค่ไหน นางมีวาทะกรรมในการคุย ปากหวาน อ้อนเก่งไปอีก
ค่ะ.. ด้วยอะไรสักอย่างบังตาทำให้ดิฉันฟังคำอธิบายแล้วรู้สึกเข้าทีจึงคบต่อ
จนไม่นาน
เราเห็นไลน์เด้งจากสาวคนหนึ่งว่า "ถึงบ้านแล้วค่ะ"
พอกดเข้าไปดู คือมีแค่เมสเสจนั้น บทสนทนาก่อนหน้าไม่มี
อ้าว... ลบแชทเหรอเนี่ย
ไม่รอช้า ทักไปถามสาวคนนั้นว่าเป็นอะไรกัน
เธอบอกว่าเป็นรุ่นน้อง พอดีตามแฟนไปบ้านเพื่อนแล้วได้เจอกัน
ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ มีแฟนแล้ว
เราก็โอเค
โดยเราก็เห็นว่าเขากับรุ่นน้องคนนี้กดไลค์ทุกรูป ทุกโพสต์ทั้งในไอจีและเฟส
และแมสเสจที่เธอคนนี้ส่งมาจะถูกลบทั้งหมด
จนวันหนึ่งดิฉันกดเข้าไปเห็นคุณรุ่นน้องส่งมาว่า
"Chrismas or Kiss me"
โอ้ คุณคะ นี่เป็นคำทักของรุ่นพี่รุ่นน้องในวันคริสต์มาสเหรอคะ
ดิฉันตามเทรนด์ไม่ทันจริงๆ
ความรู้สึกตอนนั้นแย่มาก จนรู้สึกว่าเด็กสมัยนี้เค้าไม่เรียนศีลธรรมกันแล้วเหรอคะ
เราโวยวายแฟนตามฉบับ
นางก็บอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ มันเป็นบทสนทนาแบบว่า
"Merry christmas"
"Christmas or kiss me"
awkwarddd...
ค่ะ... ดิฉันก็ยังปล่อยไป
จนงานรับปริญญาเพื่อนเมื่อต้นปีแฟนเราก็อัพสตอรี่
เราก็เช็ค.. เธอคนนั้นก็ทักมาค่ะ
ก็ทักมาคุยทั่วไป ดิฉันที่ยังเก็บกดอยู่จึงได้พิมถามไปว่า
สวัสดีค่ะ เมื่อคริสต์มาสน้องได้ส่งChristmas or kiss meมาใช่มั้ยคะ
เป็นไอจีอีกอันนึงของน้อง เราไม่โอเค ไหนบอกรุ่นพี่รุ่นน้องไม่มีอะไร
น้องเขาก็บอกขอโทษ ไม่มีอะไรจริงๆ ตอนนั้นแฟนเราบอกแล้วว่าทำเราทะเลาะกัน
นางก็ฝากมาขอโทษแล้ว
คือถ้ามีคนส่งแบบนี้ไปให้แฟนน้อง น้องจะโอเคมั้ยคะ...
ค่ะ.... เอาจริงๆ หลังจากนั้นเราเคลียร์กับแฟนยกใหญ่
เขาก็ดีขึ้นค่ะ ไม่มีอะไรอีกเลย
มีแต่เราที่โรคจิตขึ้นทุกวัน ต้องเช็คมือถือแฟนทุกวัน
มันไม่มีอะไรมา 9 เดือนแล้วค่ะ
แต่ดิฉันก็ยังหยุดเช็คไม่ได้
หลังๆนี่หนักขนาดแอบ mute post, mute story
แล้วเช็คว่ามันยังไปไลค์อยู่ไหม
ซึ่งค่ะ.. เราเจอว่าเขาไลค์รูปสาวคนนั้นๆ ที่เราmuteไว้
เราก็ถามว่าทำไมต้องกดเข้าไปส่องด้วย ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอ
พอเขารู้ว่าเราเช็คโทรศัพท์ก็จะทะเลาะกัน
วนเวียนอยู่อย่างนี้
เรารู้สึกผิดนะคะ ที่เลิกทำไม่ได้
ทั้งๆที่ผ่านมาจะปีแล้ว
บางทีคิดเรื่องนั้นขึ้นมาก็โมโห
ทะเลาะกันบ่อยแต่ก็ไม่ได้เลิกกันสักที..
เหนื่อยนะคะ แต่เวลาดีๆมันก็มี
เราก็คิดว่าถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตก็แล้วกัน
ถึงเวลาจบเดี๋ยวก็จบเอง
สิ่งประหลาดๆคือเรื่องพวกนี้ทำให้อาการซึมเศร้าเราดีขึ้น
ตอนแรกเลยที่รู้ว่าคุยซ้อน อาการเราเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆค่ะ
จนปลายปีเราอยากตายทุกวัน
ว่างๆเราก็นั่งเอาหัวโขกกำแพง เดินไปถูๆมีดเล่น
น้ำหนักลดเหลือ 37 เพราะกินไม่ได้เลย
จากนั้นเราฮึด(ยากมากๆ)ออกไปข้างนอก
ไปฟิตเนสค่ะ กับเพื่อน (ขอบคุณมันจริงๆ ไม่มีมันเราอาจจะตายไปแล้ว 555)
เราที่ไม่เคยวิ่งได้มาก่อน เพราะเป็นหอบตอนเด็กๆเลยเลี่ยงการเล่นกีฬามาตลอด
วิ่งไปเรื่อยๆแม้จะเจ็บอก แต่ข้างในเรามันเจ็บมากกว่า
เราต้องการให้ความเจ็บพวกนั่นหายไป
เราวิ่งได้เป็นชั่วโมงเลยค่ะ อเมซิ่งมากๆ 5555
ผ่านไปเดือนนึงเรอ่มหิว เริ่มอยากอาหาร
อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เลิกวิ่งไปนานแล่วเพราะโควิด
แต่เราเศร้าทั้งทะเลาะกับมัน จนปลงชีวิตได้เลยค่ะ
ช่วงนี้ก็ชิวๆไป
ทุกคนอ่านจบคงแบบเอ๋!!! ทำไมไม่เลิกกับมันไปละ ทำร้ายกันไปมาทำไม
คิดเหมือนกันค่ะ.. แต่ก็ไม่ได้เลิกสักที
ให้ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราแข็งแกร่งขึ้นแล้วกันนะคะ
ปล.แฟนเราไม่เชื่อในโรคซึมเศร้า
ปล2. สำหรับใครที่เจออะไรแบบนี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ
วันนึงเราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ
ใครเคยไร้เหตุผลเพราะความรักบ้างคะ แชร์ปสก.ความรักและมนุษย์สีหม่น
ก่อนอื่นขออนุญาตบอกประวัติคร่าวๆ
- เราเป็นโรคซึมเศร้ามา 3 ปีกว่า มีใบรับรองแพทย์อยู่สามโรงพยาบาล (ต้องภูมิใจไหม😒)
- เราทำงานมาแล้วสามปี เงินเดือนระดับปานกลางเกินครึ่งแสน
- แฟนเราอายุน้อยกว่า 1 ปี แต่ยังเรียนไม่จบอยู่ม.อินเตอร์ (อายุ27)
- เราเป็นคนค่อนข้างโลจิกจ๋าๆ ในอารมณ์ปกติ (คิดเอาเอง)
เรื่องมีอยู่ว่า:
เราได้เริ่มคบแฟนคนหนึ่ง
ซึ่งตอนแรกทุกอย่างดูลงตัวมาก (แหงละ โปรโมชั่นไงล่ะ)
แม้เราจะเป็นคนแปลกๆ นิสัยแปลกๆ Introvert แต่ก็เข้ากับคนๆนี้ได้อย่างดี
โดยปกตินอกจากเพื่อนอันน้อยนิดของเราแล้ว
แทบจะไม่มีใครสามารถเข้าใจความคิดเราได้เลย
เราจึงรู้สึกรักคนๆนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้รักใครจริงๆ
ผ่านมา 4 เดือน เราเริ่มได้เจอกันบ่อยขึ้น
เราได้ตั้งข้อสังเกตถึงแมสเสจที่ดังขึ้นบ่อยๆของเขา
ข้อความพิมมาตามแพทเทิร์นคนคุยกัน
"ทำอะไรอยู่" "กินข้าวรึยัง"
แต่เขาบอกว่าไม่มีอะไร รุ่นพี่คนนี้เหมือนศาลพระภูมิของคณะที่ชอบตอดรุ่นน้องเล่น
ผ่านไปห้าเดือน..
ค่ะ... ดิฉันแอบดูมือถือเขาและพบว่า
ตอนที่คุยกันแรกๆ นางคุยซ้อนค่ะ
นางมีผู้หญิงอีกคนมาตั้งแต่ก่อนคบเราแล้วแต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน
รุ่นพี่คนนั้นแค่เข้ามาจีบนางตอนที่นางปิดตัวเองหลังจากเลิกกับแฟนเก่าที่คบมาสามปี
ตอนนั้นเราช็อคมาเลยค่ะ ชาไปหมด (เพิ่งเคยรู้ว่าเป็นยังไง555)
แต่ตอนที่เจอเขาเลิกคุยกันไปแล้วเพราะฝ่ายหญิงจับได้ว่าคุยกับเรา
เราค่อนข้างสับสนไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อน
จึงลองปรึกษาใครหลายๆคน รวมถึงแม่
แม่บอกว่า ตอนนั้นยังไม่คบกัน เขายังมีสิทธิที่จะเลือก
ถ้าหลังจากนี้เจอค่อยว่ากัน
สำหรับเราฟังแล้วเมคเซ้นส์ดีค่ะ แต่เรื่องนี้ก็เป็นปมมาตลอด
เพราะแม้เขาจะบอกว่าเขาเลือกเรา แต่เราก็รู้สึกว่าเพราะเขาถูกอีกฝ่ายทิ้งแล้วเหลือแค่เรามากกว่า
หลังจากไม่เลิกกัน
ดิฉันเริ่มติดการเช็คมือถือเขาเป็นอย่างมาก
นั่นทำให้เราทะเลาะกันบ่อย
เพราะเขาต้องการพื้นที่ส่วนตัว ส่วนเราก็ไม่สบายใจ
พอเช็คเราก็เจอรุ่นพี่ศาลพระภูมิที่ทักมาคุยอย่างไม่ขาดสาย
โดยเขาบอกว่ามันไม่มีอะไร พี่เขาก็ทักเพื่อนคนอื่นแบบนี้
เขาก็พยายามตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง
วันไหนไม่อยากคุยก็จะบอกพี่เขาว่ากลับบ้าน(ไม่มีเน็ต)
โดยเราสังเกตว่าวันที่บอกว่ากลับบ้านดันตรงกับวันที่เรามาหา
ช่างบังเอิญดีจริงๆ
ไม่รอช้า เราทักแชทรุ่นพี่คนนั้นทันที
(เป็นครั้งแรกที่ทำอะไรแบบนี้ใจเต้นแรงจนมืออ่อนแรงเลยค่ะ😅)
พี่เขาบอกว่าเขาสนิทกับแฟนเรา ชอบแฟนเรา เคยมาที่ห้อง เคยถามว่าเราเป็นใคร
โดยแฟนเราบอกว่าแค่คนคุยเฉยๆ
เท่านั้นแหละ น้ำตาตกสิครับ
เราก็โทรไปหาแฟนและได้คำตอบว่า
รู้แล้วว่าชอบ และปฏิเสธไปแล้ว ยังไงก็รุ่นพี่ จะตัดก็ไม่ได้
ก็พยายามไม่ค่อยคุย เราไปทำให้เขาเลิกชอบเราไม่ได้
แต่คุณคะ... ดิฉันที่ได้อ่านแชทนั้นเพิ่งจะเข้าใจ
ว่าแฟนตัวเองเจ้าชู้แค่ไหน นางมีวาทะกรรมในการคุย ปากหวาน อ้อนเก่งไปอีก
ค่ะ.. ด้วยอะไรสักอย่างบังตาทำให้ดิฉันฟังคำอธิบายแล้วรู้สึกเข้าทีจึงคบต่อ
จนไม่นาน
เราเห็นไลน์เด้งจากสาวคนหนึ่งว่า "ถึงบ้านแล้วค่ะ"
พอกดเข้าไปดู คือมีแค่เมสเสจนั้น บทสนทนาก่อนหน้าไม่มี
อ้าว... ลบแชทเหรอเนี่ย
ไม่รอช้า ทักไปถามสาวคนนั้นว่าเป็นอะไรกัน
เธอบอกว่าเป็นรุ่นน้อง พอดีตามแฟนไปบ้านเพื่อนแล้วได้เจอกัน
ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ มีแฟนแล้ว
เราก็โอเค
โดยเราก็เห็นว่าเขากับรุ่นน้องคนนี้กดไลค์ทุกรูป ทุกโพสต์ทั้งในไอจีและเฟส
และแมสเสจที่เธอคนนี้ส่งมาจะถูกลบทั้งหมด
จนวันหนึ่งดิฉันกดเข้าไปเห็นคุณรุ่นน้องส่งมาว่า
"Chrismas or Kiss me"
โอ้ คุณคะ นี่เป็นคำทักของรุ่นพี่รุ่นน้องในวันคริสต์มาสเหรอคะ
ดิฉันตามเทรนด์ไม่ทันจริงๆ
ความรู้สึกตอนนั้นแย่มาก จนรู้สึกว่าเด็กสมัยนี้เค้าไม่เรียนศีลธรรมกันแล้วเหรอคะ
เราโวยวายแฟนตามฉบับ
นางก็บอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ มันเป็นบทสนทนาแบบว่า
"Merry christmas"
"Christmas or kiss me"
awkwarddd...
ค่ะ... ดิฉันก็ยังปล่อยไป
จนงานรับปริญญาเพื่อนเมื่อต้นปีแฟนเราก็อัพสตอรี่
เราก็เช็ค.. เธอคนนั้นก็ทักมาค่ะ
ก็ทักมาคุยทั่วไป ดิฉันที่ยังเก็บกดอยู่จึงได้พิมถามไปว่า
สวัสดีค่ะ เมื่อคริสต์มาสน้องได้ส่งChristmas or kiss meมาใช่มั้ยคะ
เป็นไอจีอีกอันนึงของน้อง เราไม่โอเค ไหนบอกรุ่นพี่รุ่นน้องไม่มีอะไร
น้องเขาก็บอกขอโทษ ไม่มีอะไรจริงๆ ตอนนั้นแฟนเราบอกแล้วว่าทำเราทะเลาะกัน
นางก็ฝากมาขอโทษแล้ว
คือถ้ามีคนส่งแบบนี้ไปให้แฟนน้อง น้องจะโอเคมั้ยคะ...
ค่ะ.... เอาจริงๆ หลังจากนั้นเราเคลียร์กับแฟนยกใหญ่
เขาก็ดีขึ้นค่ะ ไม่มีอะไรอีกเลย
มีแต่เราที่โรคจิตขึ้นทุกวัน ต้องเช็คมือถือแฟนทุกวัน
มันไม่มีอะไรมา 9 เดือนแล้วค่ะ
แต่ดิฉันก็ยังหยุดเช็คไม่ได้
หลังๆนี่หนักขนาดแอบ mute post, mute story
แล้วเช็คว่ามันยังไปไลค์อยู่ไหม
ซึ่งค่ะ.. เราเจอว่าเขาไลค์รูปสาวคนนั้นๆ ที่เราmuteไว้
เราก็ถามว่าทำไมต้องกดเข้าไปส่องด้วย ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอ
พอเขารู้ว่าเราเช็คโทรศัพท์ก็จะทะเลาะกัน
วนเวียนอยู่อย่างนี้
เรารู้สึกผิดนะคะ ที่เลิกทำไม่ได้
ทั้งๆที่ผ่านมาจะปีแล้ว
บางทีคิดเรื่องนั้นขึ้นมาก็โมโห
ทะเลาะกันบ่อยแต่ก็ไม่ได้เลิกกันสักที..
เหนื่อยนะคะ แต่เวลาดีๆมันก็มี
เราก็คิดว่าถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตก็แล้วกัน
ถึงเวลาจบเดี๋ยวก็จบเอง
สิ่งประหลาดๆคือเรื่องพวกนี้ทำให้อาการซึมเศร้าเราดีขึ้น
ตอนแรกเลยที่รู้ว่าคุยซ้อน อาการเราเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆค่ะ
จนปลายปีเราอยากตายทุกวัน
ว่างๆเราก็นั่งเอาหัวโขกกำแพง เดินไปถูๆมีดเล่น
น้ำหนักลดเหลือ 37 เพราะกินไม่ได้เลย
จากนั้นเราฮึด(ยากมากๆ)ออกไปข้างนอก
ไปฟิตเนสค่ะ กับเพื่อน (ขอบคุณมันจริงๆ ไม่มีมันเราอาจจะตายไปแล้ว 555)
เราที่ไม่เคยวิ่งได้มาก่อน เพราะเป็นหอบตอนเด็กๆเลยเลี่ยงการเล่นกีฬามาตลอด
วิ่งไปเรื่อยๆแม้จะเจ็บอก แต่ข้างในเรามันเจ็บมากกว่า
เราต้องการให้ความเจ็บพวกนั่นหายไป
เราวิ่งได้เป็นชั่วโมงเลยค่ะ อเมซิ่งมากๆ 5555
ผ่านไปเดือนนึงเรอ่มหิว เริ่มอยากอาหาร
อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เลิกวิ่งไปนานแล่วเพราะโควิด
แต่เราเศร้าทั้งทะเลาะกับมัน จนปลงชีวิตได้เลยค่ะ
ช่วงนี้ก็ชิวๆไป
ทุกคนอ่านจบคงแบบเอ๋!!! ทำไมไม่เลิกกับมันไปละ ทำร้ายกันไปมาทำไม
คิดเหมือนกันค่ะ.. แต่ก็ไม่ได้เลิกสักที
ให้ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราแข็งแกร่งขึ้นแล้วกันนะคะ
ปล.แฟนเราไม่เชื่อในโรคซึมเศร้า
ปล2. สำหรับใครที่เจออะไรแบบนี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ
วันนึงเราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ