คุณจะทำอย่างไรเมื่อเจอเพื่อนร่วมงานแบบนี้?

ต้องเกริ่นก่อนว่าดิฉันอยู่ในองค์กร
ที่ปกติ (ส่วนใหญ่) อยู่กันแบบพี่น้อง
ไม่มีงบประมาณอะไรมากมาย

ว่าด้วยเรื่องของ "ตู้เย็น"
ที่อยู่คู่กับสำนักงานได้พังด้วยอายุ 30+
พี่ตู้เย็นเขาไปดีแล้ว ~

เมื่อพี่ตู้เย็นไปแล้ว เราก็ต้องซื้อใหม่
ทุกคนลงมติกันช่วยกันออก
ด้วยราคาประมาณ 5,000-6,000
ซึ่งในสำนักงานมีกันอยู่ 10 คน ก็คนละ 500-600
เป็นราคาที่ค่อนข้างลงตัวล่ะ
ถึงเงินเดือนจะแค่คนละ 15,000 ก็ตาม (หมายถึงน้องเล็กๆ ซึ่งมีมากกว่า 7 คนขึ้นไป)
ที่สำนักงานก็ต้องมีคนเงินเดือนเยอะน้อยลดหย่อนกันไปเนอะ

มาเข้าสู่ประเด็นดราม่า
เป็นบทสนทนาระหว่างจะซื้อตู้เย็นใหม่ค่ะ
ลูกน้องเงินเดือน (15,000) กับ หัวหน้าเงินเดือน (50,000)

ลูกน้อง :หัวหน้าจะซื้อตู้เย็น จะช่วยออกเท่าไรดีคะ
หัวหน้า :จะออกเท่าไร กูก็ออกเท่านั้น
ลูกน้อง :ยังไม่รู้คิดว่าหัวจะช่วยออกก่อน แล้วพวกหนูจะจัดการที่เหลือ
หัวหน้า :กูจะเกษียณแล้ว กูไม่กินก็ได้น้ำเย็น กูไม่ได้ใช้ อยู่อีกนาน อ่ะ ต้องออกเยอะๆ
สรุปนะคะ พวกเราไม่ได้เซ้าซี้ขอให้หัวหน้าคนนี้ช่วยเลย

เมื่อเราซื้อตู้เย็น เราตัดสินใจซื้อไอเทมมาติดไว้ด้วย
สัญญาณเปิดประตูตู้เย็นแล้วมีเสียง
เพื่อจะได้รู้ว่า เขาได้เปิดตู้เย็นใช้มั้ย

ตัวนี้เลยจ้า เปิดแล้วดังลั่นไปทั้งห้อง

เด็กๆ แบ่งออกเป็นสองแนวคิด
1. เขาต้องมียางอายบาง ออกก็ไม่ได้ออก ไม่กล้าใช้หรอก (เพราะเขาบอกว่าเขาจะไม่ใช้)
2. เขาต้องใช้อยู่แล้ว เขาไม่แคร์หรอก 

ทุกคนคิดว่าเขาเปิดตู้เย็นมั้ยคะ
สรุปนะคะ เขาเปิดกินน้ำจริงๆ คะ

เขาไม่ได้รู้สึกเขินอายเลยนะคะ ที่เขาเปิดตู้เย็นแล้วมีเสียงเพียงคนเดียว
แต่คนอื่นเปิดแล้วไม่มีเสียง 

เราควรทำอย่างไรกับคนแบบนี้
เราไม่ได้ต้องการให้เขาออกเงินมากกว่าเราเลย
เราได้หารเฉลี่ยต่อคน แล้วแจ้งทุกคนในห้องแล้ว
ทุกคนพร้อมหัวหน้าอีก 2 คน ก็ได้จ่ายตังต่อหน้าเขาทันที
แล้ววันนั้นก็กดสั่งซื้อเลย

ปล. หัวหน้ามีอยู่ 3 คนเนอะ หัวหน้าคนอื่นเขาเสนอที่จะออกเงินเยอะกว่าเด็กทันที
หัวหน้าอีกคนก็ไม่เคยมาใช้ก็ยังออกให้ แถมออกเยอะมากด้วย

เราแค่อยากให้มีส่วนร่วมบ้างแค่นั้น
เราควรซื้อที่ล็อกแทนมั้ยเนี่ย

เราควรทำยังไงกับคนประเภทนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
        …เรื่องค่าใช้จ่าย   มีสองประเด็นนะครับ

1.เค้าจะจ่ายปกติ  แต่น้องคนที่ไปพูดอยากให้จ่ายเพิ่ม
2.ตัวคุณเองอยากให้เค้าจ่ายปกติ

จากที่ผมอ่าน…หัวหน้าเค้าไม่ใช่จะไม่ออก  เพียงแต่จะจ่ายเงินตามเท่าที่หารกัน  แต่น้องคนนั้นไม่โอเค
คือ…มันเหมือนกดดันเค้าอ่ะครับ  เธอตำแหน่งใหญ่กว่าต้องออกมากกว่าสิ  เธอเงินเดือนเยอะกว่าต้องซัพพอร์ทฉันสิ ฯลฯ

ประโยคที่ว่า”ก็คิดว่าหัวหน้าจะช่วยออกก่อน  แล้วพวกหนูจะจัดการที่เหลือ”
น้องคนพูดได้แจ้งเค้าก่อนมั๊ยครับว่าจะให้ออกเท่าไหร่  แล้วใครเป็นคนกำหนดว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม  
คือหัวหน้าคนนี้กลายเป็นดูแย่ดูเห็นแก่ตัวไปเลยเพียงเพราะไม่จ่ายเงิน”ของเขาเอง”ตามจำนวนที่อีกฝั่งหวัง

ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านกระทู้  คุณเจ้าของกระทู้เป็นหัวหน้า  
พอลูกน้องมีงานนั่นนี่  เค้าก็ต้องใส่ซองช่วย  จะใส่เรทปกติก็ไม่ได้อีก  ต้องแสดงสปิริตความเป็นหัวหน้า  แล้วลูกน้องก็ไม่ได้มีคนเดียว
พอมีจับของขวัญ…หัวหน้าก็ต้องร่วมด้วย  
ซึ่งรางวัลจากหัวหน้าก็ต้องมูลค่ามากกว่าของลูกน้องทั่วไปอีก  ต้องพิเศษ
ซึ่ง…มันเงินส่วนตัวเค้าอ่ะครับไม่ใช่เงินบริษัท  เค้าก็มีรายจ่ายมีครอบครัว  มีภาระของเค้า

คือหัวหน้าทำไม่ถูกที่มาใช้
แต่เขาก็แสดงความจำนงว่าจะจ่ายตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ลูกน้องคนนั้นดันไปตอบแบบ…เหมือนผลักรายจ่ายส่วนใหญ่ไปให้เขาอ่ะครับ
ทีนี้หัวหน้าก็คงฉุนขึ้นมาว่าเขาไม่ได้เป็นคนต้นคิดว่าจะซื้อ  จะจ่ายปกติก็ไม่ยอมอีก  ต้องออกมากว่าคนอื่น  เลยประชดไปแบบนั้น  

ถ้าอย่างนั้น…ตัดประเด็นต้องจ่ายมากกว่าที่น้องคนนั้นพูดออกแล้ว  
คุณลองไปคุยกับหัวหน้าไหมครับว่าเรื่องค่าตู้เย็น…ตกลงหารกันแล้วต้องจ่ายเท่านี้ค่ะ  ออกเท่า ๆ กันจะได้มาใช้ด้วยกัน
หรือไม่ก็…ส่วนของเขาที่ต้องจ่าย  เปลี่ยนเป็นให้เค้าช่วยค่าน้ำค่าขนมใส่ตู้กินด้วยกันแทน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่