ก่อนอื่นต้องบอกว่า เจ้าของกระทู้ ขอมาแชร์ประสบการณ์ การตรวจร่างกายเตรียมพร้อมก่อนมีบุตร สไตล์ มก.
อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการของหมอหรือยังไง แต่โดยรวมแล้วก็ได้รู้ผลตรวจและได้นำมาเตรียมความพร้อมให้ตัวเองค่ะ
ขอท้าวความนิดนึง.....เมื่อ 7ปีที่แล้วสมัยยงเป็นวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ปี มีอาการปวดท้องประจำเดือนมากมายก่ายกอง และมีเลือดประจำเดือนออกเยอะมาก เป็นก้อนๆ เป็นลิ่มเลือด ปวดจนทำอะไรไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ต้องหยุดงาน เลยถือโอกาสไปตรวจ ก็พบก้อนซีส ขนาด 1 ซม. แต่หมอบอกว่าไม่ได้เป็นซีสที่อันตรายแต่อย่างใด ใช้วิธีการรักษาโดยการกินยาคุม ผ่านไป 3 เดือน หมอนัดใหม่ ก้อนซีสหายไป ตอนนั้นถ้าก้อนไม่หาย หมอบอกว่า เมื่อมีลูกถ้าเกิดมีการผ่าคลอด ก็จะตัดก้อนซีสนี้ออกไปด้วยได้เลย ไม่ต้องกังวลใดๆ แต่ถ้าจะมีลูกก็ควรมาตรวจอีกรอบ เพื่อความสบายใจ จากตอนนั้นก็ยังคงปวดท้องเหมือนเดิม แต่ไม่ได้มากขึ้น กินพอนสแตนตลอด จากเคยกิน ประมาณ 4 เม็ด ต่อการมาของประจำเดือน 1 ครั้ง ก็ลดลงเรื่อยๆ จนตอนนี้เหลือกินแค่ 1 เม็ด ตอนมาวันแรก เท่านั้น
มาเข้าเรื่องกันเลยว่าไปตรวจอะไรยังไงบ้าง เมื่อเตรียมพร้อมจะมีบุตร
1. เราเลือกหาหมอ รพ.ของรัฐ ซึ่งเป็น รพ.ศูนย์ภาคใต้ เพราะเราสามารถใช้สิทธิข้าราชการเบิกได้
2. ทำการนัดคลินิกนอกเวลา ชื่อ คลินิกสูตินารีเวช โทรไปนัดที่คลินิกฝากครรภ์ ขอตรวจร่างกายประจำปี เตรียมพร้อมมีบุตร
3. พอไปถึงเคาเตอร์พยาบาล เค้าจะถามว่ามาตรวจประจำปีหรอ ก็เลยตอบไปว่าใช่ และจะขอตรวจเตรียมพร้อมมีบุตรด้วยค่ะ
4. ในแพคเกจ ที่เราตรวจ มีการตรวจภายใน ตรวจมะเร็งปากมดลูก และตรวจอัลตราซาวน์มดลูก รังไข่ ครบ
5. วิธีการตรวจของหมอ อันดับแรก ขึ้นขาหยั่ง ก็จะใช้มือคลำกดๆบนหน้าท้อง เพื่อหาก้อน
6. ต่อมาก็ใช้ที่คีบแบบปากเป็ด บางคนกลัวมากเลย แต่เราไม่กลัว เพราะเราตรวจทุกปี แม่มาตรวจเราก็ตรวจด้วย ไม่จำเป็นว่าต้องมีลูกแล้วถึงจะตรวจได้นะคะ ทุกคนตรวจได้หมด หากผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว เพราะในวัยรุ่นเด่วนี้มีเป็นกันเยอะมาก เพราะรุ่นเรา ตอนเป็นเบบี๋ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ซึ่งเป็น เชื้อตัวสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มาต่อตรงทีคีบปากเป็ด เค้าก็จะสอดเค้าไปแล้วเราจะรู้สึกตึงๆเฉยๆไม่ได้เจ็บอะไรเลย แล้วหมอก็จะใช้ เหมือนไม้ที่ล้างหลอด สอดเข้าไป อันนี้ก็ไม่รู้สึก เพราะมีปากเป็ดถ่างอยู่ เพื่อเก็บเนื้อเยื้อไปเพาะหาเชื้อมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะทราบผล ก็ประมาณ 2 อาทิตย์ ทาง รพ.จะจัดส่งไปตามที่อยู่ที่เราให้ไว้ ถึงบ้านเลย แต่ถ้าครบ 1 เดือนยังไม่ทราบผล ก็ควรโทรถามที่คลินิกได้เลยค่ะ
7. ขั้นตอนการอัลตราซาวน์ จะเป็นแท่งๆ ยาวประมาณ ครึ่งไม้บรรทัด จะมีเจลเย็นๆทาที่เครื่องมือ และที่น้องสาวของเรา จากนั้นหมอก็จะสอดเข้าไปทางช่องคลอด จะถ่ายเห็นมดลูก รังไข่ ทั้งสองข้าง หมอจะบอกเราว่าปกติ หรือมีอะไรผิดปกติมั้ย มีจอให้ดู เหมือนในหนังเวลาคนไปอัลตราซาวน์ดูเด็กในครรภ์เลยค่ะ แล้วก็จะถ่ายรูปมดลูก รังไข่ซ้ายขวา ปริ้นออกมาให้เราเอากลับบ้านเกร๋ๆ 5555
สรุปคือ การตรวจทุกอย่าง สำหรับเรื่องของมดลูก ปกติหมดทุกอย่าง ไม่มีมดลูกต่ำ ไม่มีรังไข่เอียงหรือยังไง
ส่วนผลมะเร็งปากมดลูก รอทราบผลทางไปรษณีย์ ไม่เกิน 1 เดือน
ค่าใช้จ่าย ในครั้งนี้ เบิกได้ 2,235 บาท จ่ายส่วนต่างค่าหมอพิเศษ 500 บาท (จ่ายเอง) เนื่องจากเรานัดคลินิกนอกเวลา
โดยปกติจะมีค่าหมอ 300 เป็นฐานอยู่แล้ว นะคะ สำหรับคลินิกนอกเวลา แต่สะดวก นัดไม่เกิน 1 อาทิตย์ก็ได้หาหมอ
แต่ถ้าไปในเวลาคิว เป็นครึ่งปีเลยค่ะ
**รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,735 บาท**
ปล. เด่วมาต่อ ตอนที่ 2 ไปต่อที่คลินิกวางแผนครอบครัวกันนะคะ
การเตรียมความพร้อมก่อนมีบุตร
อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการของหมอหรือยังไง แต่โดยรวมแล้วก็ได้รู้ผลตรวจและได้นำมาเตรียมความพร้อมให้ตัวเองค่ะ
ขอท้าวความนิดนึง.....เมื่อ 7ปีที่แล้วสมัยยงเป็นวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ปี มีอาการปวดท้องประจำเดือนมากมายก่ายกอง และมีเลือดประจำเดือนออกเยอะมาก เป็นก้อนๆ เป็นลิ่มเลือด ปวดจนทำอะไรไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ต้องหยุดงาน เลยถือโอกาสไปตรวจ ก็พบก้อนซีส ขนาด 1 ซม. แต่หมอบอกว่าไม่ได้เป็นซีสที่อันตรายแต่อย่างใด ใช้วิธีการรักษาโดยการกินยาคุม ผ่านไป 3 เดือน หมอนัดใหม่ ก้อนซีสหายไป ตอนนั้นถ้าก้อนไม่หาย หมอบอกว่า เมื่อมีลูกถ้าเกิดมีการผ่าคลอด ก็จะตัดก้อนซีสนี้ออกไปด้วยได้เลย ไม่ต้องกังวลใดๆ แต่ถ้าจะมีลูกก็ควรมาตรวจอีกรอบ เพื่อความสบายใจ จากตอนนั้นก็ยังคงปวดท้องเหมือนเดิม แต่ไม่ได้มากขึ้น กินพอนสแตนตลอด จากเคยกิน ประมาณ 4 เม็ด ต่อการมาของประจำเดือน 1 ครั้ง ก็ลดลงเรื่อยๆ จนตอนนี้เหลือกินแค่ 1 เม็ด ตอนมาวันแรก เท่านั้น
มาเข้าเรื่องกันเลยว่าไปตรวจอะไรยังไงบ้าง เมื่อเตรียมพร้อมจะมีบุตร
1. เราเลือกหาหมอ รพ.ของรัฐ ซึ่งเป็น รพ.ศูนย์ภาคใต้ เพราะเราสามารถใช้สิทธิข้าราชการเบิกได้
2. ทำการนัดคลินิกนอกเวลา ชื่อ คลินิกสูตินารีเวช โทรไปนัดที่คลินิกฝากครรภ์ ขอตรวจร่างกายประจำปี เตรียมพร้อมมีบุตร
3. พอไปถึงเคาเตอร์พยาบาล เค้าจะถามว่ามาตรวจประจำปีหรอ ก็เลยตอบไปว่าใช่ และจะขอตรวจเตรียมพร้อมมีบุตรด้วยค่ะ
4. ในแพคเกจ ที่เราตรวจ มีการตรวจภายใน ตรวจมะเร็งปากมดลูก และตรวจอัลตราซาวน์มดลูก รังไข่ ครบ
5. วิธีการตรวจของหมอ อันดับแรก ขึ้นขาหยั่ง ก็จะใช้มือคลำกดๆบนหน้าท้อง เพื่อหาก้อน
6. ต่อมาก็ใช้ที่คีบแบบปากเป็ด บางคนกลัวมากเลย แต่เราไม่กลัว เพราะเราตรวจทุกปี แม่มาตรวจเราก็ตรวจด้วย ไม่จำเป็นว่าต้องมีลูกแล้วถึงจะตรวจได้นะคะ ทุกคนตรวจได้หมด หากผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว เพราะในวัยรุ่นเด่วนี้มีเป็นกันเยอะมาก เพราะรุ่นเรา ตอนเป็นเบบี๋ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ซึ่งเป็น เชื้อตัวสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มาต่อตรงทีคีบปากเป็ด เค้าก็จะสอดเค้าไปแล้วเราจะรู้สึกตึงๆเฉยๆไม่ได้เจ็บอะไรเลย แล้วหมอก็จะใช้ เหมือนไม้ที่ล้างหลอด สอดเข้าไป อันนี้ก็ไม่รู้สึก เพราะมีปากเป็ดถ่างอยู่ เพื่อเก็บเนื้อเยื้อไปเพาะหาเชื้อมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะทราบผล ก็ประมาณ 2 อาทิตย์ ทาง รพ.จะจัดส่งไปตามที่อยู่ที่เราให้ไว้ ถึงบ้านเลย แต่ถ้าครบ 1 เดือนยังไม่ทราบผล ก็ควรโทรถามที่คลินิกได้เลยค่ะ
7. ขั้นตอนการอัลตราซาวน์ จะเป็นแท่งๆ ยาวประมาณ ครึ่งไม้บรรทัด จะมีเจลเย็นๆทาที่เครื่องมือ และที่น้องสาวของเรา จากนั้นหมอก็จะสอดเข้าไปทางช่องคลอด จะถ่ายเห็นมดลูก รังไข่ ทั้งสองข้าง หมอจะบอกเราว่าปกติ หรือมีอะไรผิดปกติมั้ย มีจอให้ดู เหมือนในหนังเวลาคนไปอัลตราซาวน์ดูเด็กในครรภ์เลยค่ะ แล้วก็จะถ่ายรูปมดลูก รังไข่ซ้ายขวา ปริ้นออกมาให้เราเอากลับบ้านเกร๋ๆ 5555
สรุปคือ การตรวจทุกอย่าง สำหรับเรื่องของมดลูก ปกติหมดทุกอย่าง ไม่มีมดลูกต่ำ ไม่มีรังไข่เอียงหรือยังไง
ส่วนผลมะเร็งปากมดลูก รอทราบผลทางไปรษณีย์ ไม่เกิน 1 เดือน
ค่าใช้จ่าย ในครั้งนี้ เบิกได้ 2,235 บาท จ่ายส่วนต่างค่าหมอพิเศษ 500 บาท (จ่ายเอง) เนื่องจากเรานัดคลินิกนอกเวลา
โดยปกติจะมีค่าหมอ 300 เป็นฐานอยู่แล้ว นะคะ สำหรับคลินิกนอกเวลา แต่สะดวก นัดไม่เกิน 1 อาทิตย์ก็ได้หาหมอ
แต่ถ้าไปในเวลาคิว เป็นครึ่งปีเลยค่ะ
**รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,735 บาท**
ปล. เด่วมาต่อ ตอนที่ 2 ไปต่อที่คลินิกวางแผนครอบครัวกันนะคะ