จุดเริ่มต้นของการไปเที่ยวแล้วตัดสินใจกดคลิกจองตั๋วเวียดนามนั้น เป็นการกดจองแบบงงๆ เพราะจริงๆแล้ว เวียดนาม ไม่เคยอยู่ในหัวเลย เคยได้ยินเค้าว่ากันว่า เวียดนามขโมยเนอะ และมีการโกงเยอะ แถมการเดินทางก็ดูไม่สะดวก แต่ด้วยความอยากลองสักครั้ง เพราะเห็นหลายๆคนมารีวิวว่าสวย ก็เลยคิดว่า ต้องลอง ซึ่งเมืองที่เราเลือกไป คือ ฮอยอัน - บานาฮิลล์ - ดานัง สิ่งแรกที่เราทำคือ อ่านรีวิวจากคนอื่นเลยจ้า อ่านแบบเยอะๆ แล้วลิสต์สถานที่ที่เราอยากไป จากนั้น เริ่มเอาสถานที่มาปักหมุดใน google map เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรไปไหนก่อนหลัง เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเดินทาง เพราะการเดินทางของเรานั้น มีเวลาแค่ 4 วัน 3 คืน  เมื่อปักหมุดเสร็จ เราก็หารถพร้อมคนขับ โดยไปหาในกลุ่ม เที่ยวเวียดนาม ใน Facebook (พยายามเอาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวกับเวียดนามเยอะๆแอบเก็บข้อมูลไปด้วย) **อย่าลืมลิสต์สถานที่แบบแน่นๆไปก่อนเลยนะ แล้วพอวันจริง ถ้าที่ไหนไปไม่ได้ค่อยตัดออก จะได้ไม่เสียเวลาไปงมว่าจะไปไหน พอเราได้คนขับที่ถูกใจก็ขอ contact แล้วติดต่อโดยตรงเลยจ้า  คนขับของเรา เราเลือกเพราะเค้าพูดไทยได้ สบายเราไปอีก 555+ จากนั้นก็คุย นัดวันไปรับ แล้วรอวันเดินทางจ้าา 

 และแล้ววันเดินทางก็มาถึง จองตั๋วล่วงหน้าและหาข้อมูล วางแพลน ล่วงหน้า 1 เดือน โดยการเดินทางครั้งนี้เราบินไปกับสายการบินแอร์เอเชีย หรือหางแดงเจ้าประจำของเรานั่นเอง ไฟท์บินเราออกจาก ดอนเมือง 15.55 น. ซึ่งใช้เวลาบินประมาณ 1 ชม 40 นาที

ระหว่างรอ จัดมาลองสักหน่อย ชาไข่มุก 75 บาท (มุกบุกอร่อย) น้ำทับทิมสกัดเย็น 75 บาทอร่อยค่ะ แต่ชาไข่มุกถ้าใครไม่ชอบหวานอาจจะยอกว่าหวานไป

ไม่นานเราก็มาถึงสนามบินดานัง การผ่านตม ที่นี่ง่ายสุด ยื่นพาสปอต โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ถามอะไรเราสักคำเลยจ้า

ออกจากสนามบินเรามารับ sim เพื่อเปิดใช้ internet โดยซื้อผ่าน klook ซึ่งจะได้รับเป็น qr code มา เมื่อออกจากอาคารสนามบินให้เดินมาทางซ้ายจะเจอร้านนี้ แค่ยื่น qr ให้เจ้าหน้าที่ ก็รับซิมมาใส่ เปิดเครื่องใหม่ก็ใช้ได้เลย ความไวก็ใช้ได้สบายๆ ไปกัน 2 คน ซื้อซิมเดียว แชร์สบายๆเหลือๆ (100กว่าบาท)

รับซิมเสร็จ รถพร้อมคนขับ ที่เราติดต่อไว้ก็มารับพอดี บริการดีมาก ราคาไม่ต่างจาก grab จ่ายเงินวันสุดท้ายก่อนกลับ ที่สำคัญ พูดไทยและพิมพ์ไทยได้ การเที่ยวของเราง่ายขึ้นเยอะ ไกด์ของเราชื่อวินค่ะ แอดไปได้ผ่านทาง Facebook นะคะ เดี๋ยวจะแนบ Link Page ของเราไว้ให้ตอนท้ายนะคะ)

เพราะเราไปถึงเย็นแล้ว เราเลยเลือกพักในฮอยอันคืนแรก จากสนามบินมาฮอยอันไม่ถึงชั่วโมง หรืออาจจะเกือบๆ 😁 ซึ่งถึงฮอยอันประมาณ ทุ่มครึ่งน่าจะได้ 

เดินเที่ยวเมืองเก่า ในตอนค่ำๆ ก็เป็นความสนุกอีกแบบ ก็จะเป็นแนวๆถนนคนเดิน มีของกิน ของฝาก แต่อยากจะบอกว่า สิ่งเดียวที่ไม่ค่อยถูกปากคืออาหารเวียดนาม อาจจะแล้วแต่คน แต่สำหรับเราไม่ค่อยอร่อยเลย 555+ ส่วนพิซซ่าญี่ปุ่น ก็ใช้ได้ แต่ไม่ได้ว้าวเท่าไหร่ 😊
ราคาไม่แพง 30.000 ดอง ปล.อาหารที่นี่ถูก พอๆกับบ้านเรา ไม่ต้องกังวล แป้งกรอบๆเอาไปย่าง ด้านในมีผัก หมูสับ หอมเจียว

ระหว่างเดินก็จะมีร้านที่ขายโคมเวียดนามอยู่ ไกด์ของเราพามาถ่ายรูปตรงนี้ จ่ายค่าสถานที่ไป 20.000 ดองเบาๆ ปล.บางร้านจะถ่ายรูปต้องเสียเงินจ้า

สองฝั่งของเมืองเก่าจะถูกคั่นด้วย แม่น้ำทูโบน จะมีลอยกระทงกระดาษ แต่เราไม่ได้ลอย เดินดูก็สบายตาแล้ว ซึ่งสองฝั่งข้างทาง ก็จะอารมณ์ถนนคนเดิน มีของฝาก ต่างหู หมวก ของที่ละลึก อาหาร จะเหมือนกันเกือบทุกร้าน เลือกไปตามเซ้นส์เลยว่าจะหยุดร้านไหน 😁

สะพานญี่ปุ่น คนจะเยอะๆหน่อย เราแค่แวะถ่ายได้รูปนี้รูปเดียว 😂 (ฟิลกลางวันกับกลางคืนจะต่างกัน ยังไงถ้ามีเวลา กลางวันก็ควรมาเดิน ถ่ายรูปสวยนะจะบอกให้ อิอิ)

หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็นแบบหอมปากหอมคอกันแล้ว จากนั้นเราก็เข้าที่พัก คืนนี้เราพักที่ Boutique Cam Thanh Resort (จองผ่าน agoda) ราคาประมาณ 2000 บาท เป็นห้องพักสไตล์บูทีค ไปถึงจะมี welcome drink เป็นน้ำหวานๆแล้วมีเม็ดแมงลักใส่มาด้วย พร้อมผ้าเย็น มาต้อนรับ (ชาวเกาหลีเยอะมาก ไกด์บอกว่า ถ้ารร.ไหน ชาวเกาหลีเยอะเป็นไปได้ว่ารร นั้นดี เพราะชาวเกาหลีส่วนใหญ่จะพักรร 4-5 ดาว) รร.ห่างจากเมืองเก่าประมาณ 2 km

ไกด์ของเราช่วยเจรจา นี่คือความสบายของเรา เพราะเจ้าถิ่นพาเที่ยวก็ต้องดีอยู่แล้วเนอะ

สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยผิดหวังเลยคือห้องพักตลอด 3 คืน ยังติดใจไม่หาย กว้างขวาง สะอาด สะดวก สบายและบริการเยี่ยม

Day2 ตอนเช้า เราทานอาหารเช้าของที่พักเสร็จ ก็มายืมจักรยานฟรี ที่จะปั่นไปนั่งเรือกระด้ง (ประมาณ200เมตรเท่านั้น)

ขอแทรกรูปบรรยากาศของที่พักกับอาหารเช้านะคะ 

ทานข้าวเช้าเสร็จเราก็ปั่นจักยานมา เพื่อลงเรือ (130.000ดอง/คน)

นักท่องเที่ยวที่เห็นส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีและไทยค่ะ บรรยากาศร้อนมาก แต่เค้ามีหมวก และร่มให้ ค่อยยังชั่ว เราไปประมาณ 10โมง ใช้เวลาอยู่บนเรือประมาณ 45 นาที จะมีแสดงโชว์เรือกระด้ง 😊 ก็สนุกดีนะคะ ต้องลองสักครั้ง

จากนั้นก็ปั่นจักรยานกลับที่พัก (ระหว่างทาง) แล้วกลับไป check out ที่ รร. จากนั้นวินก็มารับเราประมาณ 11 โมงครึ่งเพื่อไปเมืองเก่าฮอยอันอีกครั้ง ที่ๆเราจะไปคือ faifo coffee และไปกินกาแฟไข่ที่ร้าน roastery กัน

ตามมาเลยจ้า ก่อนมาดูรีวิวไว้ เค้าบอกชาพีชอร่อย ส่วนขนมนั้นอย่าสั่ง 555 สำหรับใครที่อยากลองก็มาบอกกันด้วยนะคะ 😂ว่าเป็นยังไง

ชาพีชที่มีตะไคร้ผสมเป็นความอร่อยที่ลงตัวเหมือนกันแฮะ 😊 ไม่ถึง100 บาทนะจ๊ะ ถูกเหมือนเดิม

มุมมหาชนอยู่ชั้นบนสุดของร้าน **ระวังด้วยเพราะพื้นผุเล็กน้อยถึงปานกลางไม่รู้ว่าตอนนี้จะซ่อมรึยัง 555+

ตรงข้ามกับร้านจะมีซอยเล็กๆแบบนี้ จัดไปเลย ทุกๆที่คือรันเวย์

เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านนี้ mot cafe มีน้ำดอกบัว ในแพลนตั้งใจว่าจะไปลอง แต่พอถึงเวลาอิ่มจ้า

จากนั้นเลยมาอีกหน่อย จะเป็นร้านที่เค้าบอกกาแฟไข่อร่อย และตอนนั้นคือเที่ยงแล้ว ก็เลยสั่งปอเปี๊ยะ กับเมนูที่ชื่อว่าเกาเหลามา ก็กินได้อยู่เด้อ แต่แค่ไม่ชินกับแป้งปอเปี๊ยะที่มันไม่แช่น้ำ😂😂 (ซึ่งอร่อยจริงๆ) รูปกาแฟถ่ายแต่อยู่ใน story ig เอาออกมาไม่ได้  พิกัด*Hoi an roastery ปักหมุดตามแมพเลยค่ะ


ราคาตามนี้เลยยยย และเมื่ออิ่มแล้ว วินก็พาเราไปขึ้นกระเช้าที่บานาฮิลล์ เพราะคืนนี้เราจะไปพักบน mercure เป็น French village วิวหลักล้านบอกเลยยยย

ไปถึงก็ยื่นพาสปอต กับ ใบจองรร. เพื่อทำการ pre check in แล้วเค้าก็จะให้แผนที่มา (มีภาษาไทยด้วย) แต่เอาเข้าจริงๆ เดือนมั่วเลยจ้า มันวนหากันหมด สนุกไปอีกแบบ

เราบอกเค้าได้นะคะว่าขอนั่ง2คน ไม่รวมกับคนอื่น

กระเช้าที่นี่บอกก่อนว่า ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นกระเช้าที่สูงและยาวที่สุดในโลก ค่าขึ้นกระเช้าสำหรับคนที่มาพักที่ด้านบน จะเหลือ 450.000 ดอง/คน ซึ่งถือว่าคุ้มมากก เพราะว่าพอขึ้นไปด้านบนไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม

ออกจากกระเช้ามาจะเจอวิวแบบนี้เลย แต่เราต้องไปเชคอิน เพื่อรับกุญแจห้องอีกครั้ง เราไม่สามารถเลือกห้องได้ อยู่ที้ดวงแล้วนะคะ เพราะบางห้องหน้าต่างสูงไม่เห็นอะไรเลย แต่โชคดีที่เรา ได้ห้องที่มีหน้าต่างปกติ เสียดายที่ไม่ได้ห้องที่มีระเบียง 😢  มุมถ่ายรูปเยอะมาก ดูได้ในภาพถัดๆไป

มุมถ่ายรูปมีทุกที่ คุ้มมากจริงๆ ควรมานอนค้างสักคืน บรรยากาศดีมาก อยากกลับไปอีกกก ไม่เคยผิดหวังกับทริปนี้จริงๆ

ตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ อากาศเย็นสบาย ในห้องไม่มีแอร์ มีแต่ฮีสเตอร์ แต่นอนหลับสบายมาก ชอบอากาศบนนั้นมากกกก

แช๊ะช่างภาพของเราสักหน่อย อิอิ มาที่ Day 3 ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้า(ฟรี) เสร็จ เราก็จะนั่งกระเช้าลงไปที่ สะพานมือ กัน ขนาดเราลงไปสาย หมอกยังเต็มอยู่เลย 😰

สะพานมือที่เคยเห็นแต่รูป วันไปคือมีแต่หมอก ถ้ามาสายเกินก็กลัวจะติดคน ข้อดีของคนที่พักบนนั้น คือตอนเช้าสามารถถ่ายรูปได้โดยไม่ต้องแย่งกับใคร

เดี๋ยวมารีวิวต่อนะคะ  ปล.การเดินทางครั้งนี้ เดินทางตั้งแต่วันที่ 4-7 ตุลาคม 62
ปล. ฝากติดตามเพจกันด้วยนะคะ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำต่อไป อิอิ >> https://www.facebook.com/jobjaptravel/ (Facebook Page : Eat & Travel By Jobjap)