สวัสดีครับ
*ข้อมูลประกอบ*
เดิมที่อาคารพานิชย์หลังนี้อยู่กับแบงค์ม่วงมาก่อน หลังจากนั้นจึงได้รีไฟแนนซ์มาแบงค์ชมพู
โดยตอนรีไฟแนนซ์มา ได้มีการกู้เพิ่มอีก 9 แสน เพื่อนำมาใช้ต่อยอดธุรกิจ
ยอดกู้
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 2,500,000 บ.
สินเชื่อบุคคล 900,000 บ.
ตอนนี้ผ่อนมาได้ประมาณ 4 ปี (ยอดผ่อนทั้ง 2 สัญญาประมาณ 29000/เดือน ) ยอดคงเหลือ
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 1,866,666 บ.
สินเชื่อบุคคล 698,778 บ.
-ตอนนี้ตัวตึกไม่ได้เปิดใช้งานมาประมาณ 2 ปี (เนื่องจากปิดกิจการสาขานี้ไป และไม่ได้เปิดให้เช่า เพราะมีของอยู่ในตึกเยอะพอสมควร)
ยิ่งช่วงนี้มาเจอพิษ COVID-19 อีก ก็เลยคิดอยากจะหาทำอาชีพเสริมเพิ่ม
ผมจึงได้สรุปว่าจะทำเกี่ยวกับอาชีพของกินของดื่ม ด้วยแม่บ้านมีความถนัดในด้านนี้ (ใช้งบลงทุนเบ็ดเสร็จประมาณ 5.5 แสน)
วันนี้เลยเดินทางไปที่แบงค์ชมพูเพื่อขอทำเรื่องกู้เพิ่มอีก 4 แสนบาท (มีเงินสดกับตัวอยู่ส่วนนึง)
"อะไรที่คิดว่าจะง่าย กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด "
*ช่วงที่ 1*
ผมเลยเจรจากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่ามีความประสงค์อยากจะขอกู้เพิ่มอีก 4 แสนบาท
เจ้าหน้าที่ก็เปิดดูข้อมูลเดิม และแจ้งว่าถ้าจะขอกู้เพิ่มต้องทำสัญญาเพิ่มเป็นฉบับที่ 3
โดยกู้ในลักษณะเพื่อการอุปโภคบริโภค ดอกเบี้ย MRR-1 (ในใจผมคิด อืมเรทนี้รับได้) ( MRR ปัจจุบันแบงค์ชมพู 6.245 )
แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเนื่องจากกิจการหลักที่ผมทำอยู่ ภาครัฐสั่งปิดในช่วง COVID-19 ไปประมาณเกือบ 4 เดือน จะทำให้การเดินบัญชีไม่ต่อเนื่อง
จึงต้องทำเรื่องเสนอเบื้องบนไปก่อน (ถึงตอนนี้ผมแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า งั้นขอเอากลับไปคิดดูก่อนครับ)
*ช่วงที่ 2*
ผมสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการรีเทนชั่นสัญญาเดิม เจ้าหน้าที่ทำหน้างง ถามกลับว่ารีเทนชั่นคืออะไร ไม่รู้จัก ผมเลยอธิบายต่อว่า ขอลดดอกเบี้ยสัญญาเดิมหน่ะครับ
ได้คำตอบว่า สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ได้ MRR-3 แต่จะมีค่าธรรมเนียมการขอด้วย 1 เปอร์เซ็นต์ของยอดกู้ที่เหลือ (ประมาณ 18,000 กว่าบาท)
ส่วน สินเชื่อบุคคล นั้นขอลดดอกเบี้ยไม่ได้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ผมคิดอยู่ 2 อย่าง คือ
1.ประกาศขายตึกนี้ไป เพื่อปลดภาระหนี้สิน (เบื้องต้นได้คุยกับนายหน้าว่าถ้ารีบขาย ราคาจะได้ประมาณ 3.7 ล้าน) เอาเงินมาปิดหนี้ ส่วนที่เหลือเอามาลงทุนและหาเช่าตึกเพื่อทำการค้า
2.เดินหน้าทำเรื่องกู้ให้ผ่าน และใช้ตึกนี้ทำการค้าต่อไป (แต่ติดเรื่องบัญชีเดินไม่ต่อเนื่อง เพราะช่วงปิดกิจการ COVID-19 แทบไม่มีการเดินบัญชีเลย ตอนนี้เพิ่งเริ่มเปิดกิจการได้ประมาณเดือนกว่าๆ แต่ยอดตกลงไปเกือบครึ่ง)
อยากขอคำแนะนำและคำชี้แนะครับว่าควรจะทำอย่างไรดี
ขอบคุณครับ
ปรึกษาเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์/รีเทนชั่น จากแบงค์ชมพู ครับ
*ข้อมูลประกอบ*
เดิมที่อาคารพานิชย์หลังนี้อยู่กับแบงค์ม่วงมาก่อน หลังจากนั้นจึงได้รีไฟแนนซ์มาแบงค์ชมพู
โดยตอนรีไฟแนนซ์มา ได้มีการกู้เพิ่มอีก 9 แสน เพื่อนำมาใช้ต่อยอดธุรกิจ
ยอดกู้
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 2,500,000 บ.
สินเชื่อบุคคล 900,000 บ.
ตอนนี้ผ่อนมาได้ประมาณ 4 ปี (ยอดผ่อนทั้ง 2 สัญญาประมาณ 29000/เดือน ) ยอดคงเหลือ
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 1,866,666 บ.
สินเชื่อบุคคล 698,778 บ.
-ตอนนี้ตัวตึกไม่ได้เปิดใช้งานมาประมาณ 2 ปี (เนื่องจากปิดกิจการสาขานี้ไป และไม่ได้เปิดให้เช่า เพราะมีของอยู่ในตึกเยอะพอสมควร)
ยิ่งช่วงนี้มาเจอพิษ COVID-19 อีก ก็เลยคิดอยากจะหาทำอาชีพเสริมเพิ่ม
ผมจึงได้สรุปว่าจะทำเกี่ยวกับอาชีพของกินของดื่ม ด้วยแม่บ้านมีความถนัดในด้านนี้ (ใช้งบลงทุนเบ็ดเสร็จประมาณ 5.5 แสน)
วันนี้เลยเดินทางไปที่แบงค์ชมพูเพื่อขอทำเรื่องกู้เพิ่มอีก 4 แสนบาท (มีเงินสดกับตัวอยู่ส่วนนึง)
"อะไรที่คิดว่าจะง่าย กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด "
*ช่วงที่ 1*
ผมเลยเจรจากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่ามีความประสงค์อยากจะขอกู้เพิ่มอีก 4 แสนบาท
เจ้าหน้าที่ก็เปิดดูข้อมูลเดิม และแจ้งว่าถ้าจะขอกู้เพิ่มต้องทำสัญญาเพิ่มเป็นฉบับที่ 3
โดยกู้ในลักษณะเพื่อการอุปโภคบริโภค ดอกเบี้ย MRR-1 (ในใจผมคิด อืมเรทนี้รับได้) ( MRR ปัจจุบันแบงค์ชมพู 6.245 )
แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเนื่องจากกิจการหลักที่ผมทำอยู่ ภาครัฐสั่งปิดในช่วง COVID-19 ไปประมาณเกือบ 4 เดือน จะทำให้การเดินบัญชีไม่ต่อเนื่อง
จึงต้องทำเรื่องเสนอเบื้องบนไปก่อน (ถึงตอนนี้ผมแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า งั้นขอเอากลับไปคิดดูก่อนครับ)
*ช่วงที่ 2*
ผมสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการรีเทนชั่นสัญญาเดิม เจ้าหน้าที่ทำหน้างง ถามกลับว่ารีเทนชั่นคืออะไร ไม่รู้จัก ผมเลยอธิบายต่อว่า ขอลดดอกเบี้ยสัญญาเดิมหน่ะครับ
ได้คำตอบว่า สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ได้ MRR-3 แต่จะมีค่าธรรมเนียมการขอด้วย 1 เปอร์เซ็นต์ของยอดกู้ที่เหลือ (ประมาณ 18,000 กว่าบาท)
ส่วน สินเชื่อบุคคล นั้นขอลดดอกเบี้ยไม่ได้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ผมคิดอยู่ 2 อย่าง คือ
1.ประกาศขายตึกนี้ไป เพื่อปลดภาระหนี้สิน (เบื้องต้นได้คุยกับนายหน้าว่าถ้ารีบขาย ราคาจะได้ประมาณ 3.7 ล้าน) เอาเงินมาปิดหนี้ ส่วนที่เหลือเอามาลงทุนและหาเช่าตึกเพื่อทำการค้า
2.เดินหน้าทำเรื่องกู้ให้ผ่าน และใช้ตึกนี้ทำการค้าต่อไป (แต่ติดเรื่องบัญชีเดินไม่ต่อเนื่อง เพราะช่วงปิดกิจการ COVID-19 แทบไม่มีการเดินบัญชีเลย ตอนนี้เพิ่งเริ่มเปิดกิจการได้ประมาณเดือนกว่าๆ แต่ยอดตกลงไปเกือบครึ่ง)
อยากขอคำแนะนำและคำชี้แนะครับว่าควรจะทำอย่างไรดี
ขอบคุณครับ