แบกเป้คนเดียวเที่ยวลาวใต้ ปากเซ เมืองแห่งน้ำตก[Laos-Pakxe 2019 trip]

กระทู้สนทนา
แบกเป้คนเดียวเที่ยวลาวใต้ ปากเซ เมืองแห่งน้ำตก[Laos-Pakxe 2019 trip]
 
หลายๆคนอาจเคยเห็นกระทู้หรือบล็อกประมาณว่า มาลาวใต้อีกแล้ว หรือ ลาวใต้มาแล้วต้องมาซ้ำ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ประกอบกับวัยเด็กผมโตที่ตะกั่วป่า จังหวัดพังงาครับ ทำให้ผมเป็นคนที่รักน้ำตกมากๆ สมัยเด็กๆนี่แช่ได้ทั้งวัยเลยหล่ะครับ ว่าแล้วก็นึกอยากเขียนเรื่องอุทยานแห่งชาติศรีพังงาขึ้นมาเลย แต่ยังไม่ใช่วันนี้ครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์สุดพิเศษของผมที่เกิดขึ้นที่ประเทศลาว ปากเซครับ ฮั่นแน่ ไม่มีคำตอบจากปากเซ ทำเอานึกถึงพี่เรย์ แม็คเลย เด็กยุค90’sน่าจะทันกันอยู่มั้งครับ555
 
ผมได้ยินว่ามีน้ำตกที่สูงกว่า220เมตร และชันเป็นแนวดิ่ง90องศา ชื่อน้ำตกตาดฟาน สิ่งที่ผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมดเลยครับ ซ้ำไปกว่านั้นดันไปเห็นรูปคนนอนเปลกินกาแฟ แต่เปลนั้นห้อยสลิงต่องแต่งอยู่กลางน้ำตกสูง 220 เมตร!! อะไรจะขนาดนั้นครับ ทำทำไมครับเนี่ย555 หยอกนะครับ จากความประทับใจหลายอย่างในรูปภาพ ผมจึงเริ่มวางแผนเดินทางครับ ผมออกเดินทาง วันที่ 22 ธันวาคม ปี 2019 ครับ โดยการขึ้นเครื่องบินจากดอนเมืองโดยมีปลายทางเป็นจังหวัดอุบลราชธานีครับ 

โดยผมได้เลือกเที่ยวบินเช้าๆ ออกจากบ้านตั้งแต่ตี5กันเลย ถึงอุบลก็ประมาณปลายๆเจ็ดโมงครับ คนเงียบมากครับ ผมเดินออกมาหน้าสนามบินอุบล เห็นเด็กไปโรงเรียน ผู้คนไปทำงาน ทำเอาผมอมยิ้มเบาๆในใจเลย ผมใช้วันพักร้อนมาครับ กว่าจะมาได้ ทั้งหัวหน้าคนไทย คนญี่ปุ่น แซวผมเรื่องหนีงานไปเที่ยวกันยกใหญ่เลยครับ ผมรีบหารถต่อไปที่บขส.อุบลครับ เนื่องจากถามพี่ๆหน้าสนามบินเขาบอกว่ามีรถจากบขส.อุบลพาผ่านด่านช่องเม็กไปลงตลาดปากเซเลยครับ แต่ต้องจอดตรวจ passport ตามปกตินะครับ ซึ่งรถเขาจะจอดรอเรา อย่าลืมเตรียมกันมานะครับ passport แนะนำเลย มาใช้ใบผ่านด่านชั่วคราวอยู่ได้แค่ 3วัน2คืนเองมั้งครับถ้าจำไม่ผิด passport สบายใจกว่า

ต่อนะครับ ผมก็รู้สึกหวานหมูเลย รถต่อเดียวถึง สวรรค์ชัดๆ ผมก็รีบขึ้นรถตู้ไปเลย พอไปถึงบขส.อุบล ผมก็รีบจ้ำหารถต่อ ปรากฏว่าไปซะแล้วครับ สวรรค์เบี่ยงหลบผมไปแล้ว  อุตส่ามาเช้าขนาดนี้ รถพี่มีเพื่อเที่ยวบินรอบวันก่อนหรือเปล่าครับเนี่ย555 หยอกนะครับ ผมเดินถามไถ่จนทราบว่า มีรถตู้พาไปลงด่านช่องเม็ก แล้วต้องหารถต่อจากด่านไปปากเซเอาเอง ผมเอาเลยครับ ซื้อตั๋วตกลงกันเรียบร้อยผมก็ไปนั่งรอบนรถครับ กระชับกระเป๋าให้มากที่สุด กลัวจะกินที่คนอื่นๆ สรุปไม่มีครับ นั่งคนเดียวอีกแล้ว ระหว่างทางที่นั่งรถตู้ไปด่านช่องเม็ก จะมีอ่างเก็บน้ำใหญ่ๆอยู่ทางขวามือ มาทราบทีหลังว่าเขื่อนศิรินธรครับ กว้างใหญ่ ตระการตาน่าวอกแวกมากครับ แต่ไม่ได้วันนี้ผมจะไปปากเซ เห้! ผมเดินทางมาอีกประมาณ20กม. ผมก็ได้มาถึงด่านช่องเม็ก ได้จัดการธุระปั้มตรา แลกเงิน หาซื้อเน็ตซิม และจ่ายค่าผ่านด่านอะไรเรียบร้อย ผมก็เดินจากด่านช่องเม็กลงเนิน ไปหารถที่จะเข้าปากเซ ในใจคิดมาตั้งแต่บนเครื่องบินแล้วครับว่าอยากจะซัดเฝอเนื้อ ของอร่อยเมืองลาวครับ เลยจัดการรอระหว่างรอรถ มีป้าเอาแตงโมแช่เย็นไปให้กินอีก ชื่นใจเลยครับ

ผมเดินทางต่อจนมาถึงตลาดปากเซโดยรถตู้หน้าตาแปลกๆของเมืองลาวครับ ระหว่างมาที่นี่ ผ่านสะพานแขวนที่ข้ามแม่น้ำสายใหญ่มาด้วยครับ สวยงามมาก ต่อจากนั้นผมได้นั่งรถพ่วงข้าง ที่พ่วงกับ cbr !โคตรซิ่งเลยครับ เพื่อไปที่โรงแรมลานคำครับ ซึ่งผมจองไว้ผ่าน Traveloka เป็นแบบ Dormitory หรือสไตล์หอพักรวมครับ เหตุผลที่เลือกคือมันคืนละประมาณ200เองครับ ถูกดี แต่เขาแยกชายหญิงอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ระหว่างทางขึ้นบันไดผมก็ประหม่าขึ้นมาครับ แล้วถ้าเป็นชาวต่างชาติ ที่เป็นรูมเมทหล่ะ จะคุยอะไรกันดี จะคุยรู้เรื่องมั้ย ยิ่งใกล้ถึงชั้น4ยิ่งคิดเยอะครับ ในใจคิดเอาวะ ไม่ไหวจริงก็ภาษาใบ้ละกัน ไขห้องเปิดเข้าไปเลยครับ 

จากประหม่าตอนนี้กลัวผีแทนแล้วครับ ไม่มีใครไม่มีคน super low season! แต่ไม่ใช่เวลามาคิดเยอะครับ ลืมบอกไปว่าจากด่านช่องเม็กมาจนถึงโรงแรมลานคำ ทำเอาจากแพลนบ่ายเป็นถึงเกือบเย็นเลย เพราะผมไม่ยอมเหมารถครับ จะรอตามรอบให้ได้ จะไม่ยอมเป็นทาสครับ555 เลยเสียเวลาไปบ้าง ผมเก็บของเสร็จก็รีบไปเช่ามอไซ จากร้าน miss noy ข้างโรงแรมลานคำเลยครับ สะดวกมาก ผมจัดเวฟ110 ตัวสับเกียร์มาครับ เพื่อความแซ้ดทรวง555 ใส่หมวกกันน็อคกันด้วยนะครับ ผมแง้นสับเกียร์เพลินเลยครับ ในตัวเมืองปากเซ ที่นี่อากาศเย็นสบายครับ สูดหายใจลึกๆแล้วเย็นในโพรงจมูกดีมาก ที่นี่เราวิ่งเลนขวานะครับ เลนส์สวนจะอยู่ฝั่งซ้าย กลับกันกับบ้านเรา ขับระวังกันด้วยนะครับ ผมบิดจนมาถึงวัดพูเสลา ก็รีบฝากเวฟแดงผมไว้ ที่นี่ต้องฝากรถเกือบทุกที่นะครับ เห็นเขาว่ามีลักขโมยรถจักรยานยนต์กันมาก วัดพูสะเหลานี้ ต้องขึ้นบันไดอย่างชันเลยครับ เรียกได้ว่าหอมแฮ่ก แต่ตลอดทางจะเจอผู้คนชาวปากเซ ที่มาใช้ที่นี่เป็นที่ออกกำลังกายวิ่งขึ้นลงเขากันครับ เป็นภาพทีแปลกตาไม่น้อย นี่วัดเส้าหลินหรือเปล่า 

ด้วยความยากลำบากผมมาถึงข้างบนแล้วครับ ข้างบนวัดพูสะเหลานี้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกด้วย จะมีพระองค์ใหญ่ตระหง่านหันหน้าออกทิศตะวันตกครับ วิวด้านหน้าเป็นแม่น้ำเดียวกับที่ผมข้ามสะพานแขวนมา ตอนนี้รู้แล้วว่าคือ แม่น้ำโขงที่มาบรรจบกับแม่น้ำเซโดนครับ สวยงามมากๆ ยกให้เป็น Rio de janeiro ของเอเชียเลยหล่ะครับ

หลังจากอิ่มกับวิวมุมสูงแล้ว ผมจึงอยากหาที่ดูวิวที่ใกล้ชิดแม่น้ำบ้าง ผมจึงจ้อนบิดเล่นในตัวเมืองไปเรื่อยๆจนเจอมุมเหมาะครับ ลานดินโล่งๆ เห็นวิวแม่น้ำเต็มๆ นั่งดูจนพระอาทิตย์ตกดินเลยครับ 

หลังจากนั้นผมก็มากินข้าวที่อยู่ทางซ้ายมือของโรงแรมลานคำครับ ชื่อร้านผมจำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าใครไปแนะนำเลย ผมฝากท้องกับร้านนี้แทบทุกมื้อครับอิ่มคุ้มอร่อยและถูกครับ วันนี้ผมยังไม่หนำใจกับเส้นครับ จัดผัดเส้นเฝอรสชาติสไตล์หมี่โคราชครับ กินกับเบียร์ลาว เยี่ยมไปเลยครับ

โดนเบียร์ไปหนึ่งขวด หลับสบายลืมผีเลยครับ เตรียมตัวเดินทางไกลวันถัดมาด้วย เช้าวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2019 ผมจึงตื่นมาด้วยความเฟรชตั้งแต่ ตี5ครึ่ง วันนี้จะลุยน้ำตกให้ทั่วครับ แต่ด้วยความเช้าและถนนโล่ง ผมจึงอยากเอาเวฟ110 ไปแซ้ดรับลมเย็นๆก่อนครับ มีความสุขมาก ลืมไปเลยว่านี่วันทำงาน บิดวนไปมาจนเจอวัดครับ อยู่ริมแม่น้ำเซโดน ภายในสวยเหมือนกันครับ มาทราบทีหลังว่าเป็นวัดเก่าแก่ของปากเซด้วยครับ

หลังจากเดินเที่ยวทั่ววัดและเล่นกับหมาๆเสร็จ ผมก็กลับมาที่โรงแรมลานคำเพื่อกินข้าวเช้าครับ ข้าวเช้าของผมวันนี้ลองเป็นเฝอหมูกับกาแฟดำของลาวครับ บอกได้เลยว่าขมปิ้ด ดีดกว่ายาม้า555 ดีดเต็มที่แล้วก็แบกเป้ขึ้นเวฟ110 เลยครับ มีตะกร้าด้วยเน้นใช้งาน เหมาะกับสายแบกมากครับ 

ผมบิดตาม google map ไปเรื่อยๆครับ ที่แรกที่ผมจะไปคือน้ำตกตาดเยื้องครับ ที่สูงประมาณ80เมตร ให้อารมณ์คล้ายน้ำตกคลองลานที่จังหวัดกำแพงเพชรครับต่างกันที่น้ำตกตาดเยื้องจะมีศาลาหน้าน้ำตกครับ เป็นมุม Signature มาถ่ายรูปกันสวยแน่นอน แต่ผมดันไม่ได้ถ่ายมา ระหว่างทางไปน้ำตกบอกได้เลยว่าเส้นทางสวยมากครับ ลมโกรกเย็นสบาย วิวภูเขาซ้อนกันเป็น layer ถูกใจเพื่อนๆสายสองล้อแน่นอนครับ ผมมาถึงน้ำตกตาดเยื้อง
ตอนประมาณแปด-เก้าโมงครับ ขับจากตัวเมืองปากเซมาประมาณหนึ่งชั่วโมง ที่นี่ประดับธง และหน้ากากลายชนเผ่าสวยงามครับ
 
เดินซักพักก็จะมาถึงน้ำตกครับ ถามว่ารู้ได้ไง ก็รู้สึกตัวตอนที่รอบตัวมีละอองน้ำฝอยๆชื้นๆเต็มไปหมดทั้งที่ยังไม่เห็นตัวน้ำตกเลยนั่นแหละครับ 

คนลางานได้มันก็จะสบายหน่อยแหละครับ ระหว่างทางเดินลงน้ำตกเดินสวนกับแก๊งชาวจีนกลับ เดินลื่นกันใหญ่เลย และก็ได้หนึ่งในสมาชิกแก๊งนั้นถ่ายรูปให้ด้วยครับ หลังจากนั้นก็เหมือนเปิดโหมดซี้ครับ ผมถ่ายรูปให้เขาไปหลายรูปเลย555 พักผ่อนหย่อนใจกับน้ำตกเสร็จแล้วผมก็เก็บของและเดินทางต่อครับ เนื่องจากน้ำตกนี้ยังไม่ใช่ Type ที่เหมาะจะเล่นน้ำ เลยจะไปน้ำตกตาดฟานต่อครับ

ที่น้ำตกตาดฟานผมวนไปวนมาหลายรอบมากเนื่องจาก Google maps error ระหว่างที่ผมวนไปมาก็เจอผู้หญิงต่างชาติคนหนึ่งวนไปมาเช่นกัน ผมจึงจอดและโบกเรียกเพื่อคุยกับเธอ เราขี่ตามป้ายมาด้วยกันจนถึงน้ำตกตาดฟาน เธอดูโล่งใจมากขึ้นที่ถึง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า Google maps is shit here พร้อมกับผมที่ยิ้มเจื่อนๆให้เธอ
น้ำตกตาดฟานนี้ในวันที่ผมไปกลับเงียบผิดปกติทั้งโซนร้านกาแฟ และ ซิปไลน์ ถือว่าเป็นความผิดหวังมากๆครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ สำหรับฝันอยากซิปไลน์ผ่านน้ำตกสูง 220เมตร

แต่ไม่เป็นไรครับ เรายังมีน้ำตกอื่นให้สำรวจกันอีกมาก
ผมเลือกที่จะไปตาดผาถ้ำจำปีต่อครับ ตาดในภาษาลาวเนี่ยแปลว่าน้ำตกนะครับ ขับต่อไม่ไกลผมก็มาถึง ที่นี่ประทับใจครับ ถึงกับต้องลงเล่นเลยหล่ะ 555 บรรยากาศมันจะประมาณนี้เลยครับ ละอองน้ำเป็นสีรุ้งไปทั่วพื้นที่ เล่นน้ำสิครับรออะไร 

ใช้เวลาอยู่กับที่นี่จนบ่ายสองแล้วครับ ผมก็รีบควบเจ้าเวฟ110ไปน้ำตกถัดไปกันครับ นั่นก็คือน้ำตกตาดอีตู้ครับ และนี่คือ Reception ของที่นี่

น่ารักหล่ะสิ น้ำตกตาดอีตู้นี้บอกตามตรงว่าประทับใจกว่าอันที่แล้วอีกครับ เงียบ สงบ ไร้ผู้คน แต่ให้ลงเล่นอีกรอบก็ตัวเปื่อยกันพอดีครับ น่าเสียดายอีกแล้วครับ ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากปล่อยใจให้ไหลไปสายน้ำ และดื่มเครื่องดื่มเย็นๆครับ


ขออนุญาติต่อในกระทู้จากการจำกัดคำครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่